external-popup-close

คุณกำลังออกจากเว็บไซต์ ทีทีบี
เพื่อเข้าสู่

https://www.ttbbank.com/

ตกลง

การประเมินประเด็นสำคัญ

การประเมินประเด็นสำคัญเป็นกระบวนการที่ช่วยให้ธนาคารได้รับข้อมูลสำหรับการวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจ จัดลำดับความสำคัญของผลกระทบจากประเด็นด้านความยั่งยืนแต่ละประเด็น และช่วยในการผนวกรวมเข้ากับการดำเนินงานของหน่วยงานต่างๆ ทั่วทั้งธนาคาร

ธนาคารประเมินประเด็นสำคัญทุุก ๆ 2-3 ปี และทบทวนประเด็นสำคัญเป็นประจำทุกปีเพื่อให้มั่นใจว่าประเด็นด้านความยั่งยืนของธนาคารยังคงเป็นปัจจุบันและสามารถตอบสนองต่อพลวัตรความท้าทายและโอกาสทางด้านความยั่งยืนที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว

ธนาคารได้นำแนวทางการการประเมินประเด็นสำคัญแบบ Double Materiality มาใช้ โดยจะพิจารณาว่าประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกระทบกับมูลค่าทางการเงินของธนาคาร (Financial Materiality) อย่างไร ควบคู่ไปกับการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมในวงกว้าง (Impact Materiality)

กระบวนการและผลการประเมินประเด็นสำคัญได้รับการรับรองโดยผู้บริหารระดับสูงของธนาคารและได้รับการอนุมัติโดยคณะกรรมการธนาคาร โดยธนาคารได้รวมผลการประเมินประเด็นสำคัญไว้ในการดำเนินธุรกิจทั่วทั้งธนาคาร รวมถึงในการบริหารจัดการความเสี่ยงองค์กร การบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดู กลยุทธ์องค์กร และกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน

ผลการประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนปี 2567

ประเด็นสำคัญสำหรับการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กิจการ
จากประเด็นสำคัญทั้ง 20 ประเด็น ธนาคารวิเคราะห์ประเด็นที่มีผลกระทบสูงสุดในการการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กิจการดังนี้

ประเด็นที่สำคัญ การกำกับดูแลกิจการที่ดี การให้สินเชื่อและการลงทุนอย่างรับผิดชอบ ความเป็นส่วนตัวของลูกค้าและความปลอดภัยของข้อมูล
เหตุผลทางธุรกิจ โครงสร้างการกำกับดูแลกิจการที่เข้มแข็งช่วยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจด้วยการพัฒนาความสามารถในการตรวจสอบได้และความโปร่งใส ส่งเสริมให้เกิดความไว้วางใจระหว่างผู้มีส่วนได้เสีย ทำให้มั่นใจว่ามีการปฏิบัติตามกฎระเบียบและกฎหมาย ตลอดจนช่วยในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์เพื่อตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ธนาคารจะทำให้มั่นใจว่าคณะกรรมการธนาคารมีประสบการณ์ ทักษะ ความรู้ และเพศที่หลากหลาย เพื่อส่งเสริมกระบวนการในการตัดสินใจ ธนาคารบริหารจัดการผลกระทบทางอ้อมด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมจากการดำเนินธุรกิจผ่านการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและการเงินที่ยั่งยืน โดยธนาคารตระหนักดีว่าธุรกรรมบางอย่างและการมีส่วนร่วมกับลูกค้าอาจนำไปสู่ความเสี่ยงทางการเงินทางอ้อม เข่น ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม อุบัติการณ์ผลกระทบเชิงลบด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมอาจเป็นต้นตอที่สำคัญของความเสี่ยงด้านชื่อเสียง ซึ่งอาจนำไปสู่การลดลงของมูลค่าสินทรัพย์หรือแม้กระทั่งความสูญเสียของธนาคาร แม้ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมจะไม่ส่งผลกระทบทันทีต่อธนาคาร แต่ก็อาจบ่อนทำลายความยั่งยืนของธนาคารได้ในระยะยาว ธนาคารเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเป็นหลัก การดำเนินงานของธนาคารต้องอาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลและข้อมูลเชิงลึก การเก็บรวบรวมข้อมูลจึงมีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินกิจกรรมประจำวันของธนาคารในขณะให้บริการลูกค้า จึงเป็นความรับผิดชอบของธนาคารในการบริหารจัดการข้อมูลของลูกค้าในแนวทางที่ส่งเสริมให้เกิดความไว้วางใจและบรรเทาความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งเป็นภัยต่อชีวิตที่ดีทางการเงิน ความเป็นส่วนตัว และสิทธิของลูกค้า
ผลกระทบต่อธุรกิจ ด้านความเสี่ยง ด้านความเสี่ยง ด้านความเสี่ยง
กลยุทธ์ทางธุรกิจ ธนาคารมีกรอบการกำกับดูแลกิจการและกระบวนการที่รัดกุม ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องความได้เปรียบในการแข่งขันเพื่อการเติบโตของธุรกิจในระยะยาวควบคู่ไปกับการสร้างคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม นโยบายการกำกับดูแลกิจการของธนาคารมีความเป็นมาตรฐานและครอบคลุมแนวทางปฏิบัติที่เป็นเลิศตามแนวทางของธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา และการประเมินการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัทจดทะเบียนในภูมิภาคอาเซียน นอกจากนี้ คณะกรรมการธนาคารยังประกอบไปด้วยบุคคลผู้มีทักษะ ประสบการณ์ และภูมิหลังที่หลากหลาย ซึ่งช่วยให้มีการเสนอข้อมูลที่มีคุณค่าในกระบวนการตัดสินใจ โดยคณะกรรมการธนาคารผ่านการประเมินประสิทธิภาพทุกปี ทั้งนี้ ธนาคารยังมีคณะกรรมการย่อยที่ประกอบไปด้วยผู้ทรงคุณวุฒิเฉพาะด้านในการกำกับดูแลแง่มุมที่มีความสำคัญต่อการดำเนินงานของธนาคาร ธนาคารได้รวมประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมเข้าไว้ในนโยบายความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ซึ่งบังคับใช้กับบริษัท เอสเอ็มอี ลูกค้าบุคคล และพอร์ตการลงทุนของธนาคาร โดยมีรายการสินเชื่อต้องห้ามซึ่งใช้ในการคัดกิจกรรมทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและผลกระทบที่สูงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมออกไป การคัดกรองความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมมีผลบังคับใช้ในการประเมินความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมทั่วไปและสำหรับอุตสาหกรรมเฉพาะ ทั้งนี้ ธนาคารได้กำหนดความมุ่งมั่นในระยะยาวในการบริหารจัดการผลกระทบจากธุรกิจการให้สินเชื่อ โดยมีเป้าหมายในการลดการให้สินเชื่อโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินและโครงการเหมืองถ่านหินให้เป็นศูนย์ภายในปี 2571 นอกจากนี้ เพื่อส่งเสริมการเงินและการลงทุนที่ยั่งยืน ทีทีบียังมุ่งเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อสีเขียวในพอร์ตการลงทุนซึ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนในหลายรูปแบบ รวมถึง สินเชื่อสีเขียว สินเชื่อที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืน สินเชื่อที่มีผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม ตราสารหนี้สีเขียว และตราสารหนี้สีฟ้า ธนาคารได้แต่งตั้งผู้บริหารในการบริหารจัดการความเป็นส่วนตัวของลูกค้าและความปลอดภัยของข้อมูล โดยมีเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลรับผิดชอบในการกำกับดูแลการปฏิบัติตามกฎระเบียบของธนาคารและบริษัทย่อย ซึ่งช่วยส่งเสริมวัฒนธรรมในการปกป้องข้อมูล ทั้งนี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารความปลอดภัยของข้อมูลมีความรับผิดชอบในการกำหนดทิศทางและกลยุทธ์สำหรับการบริหารจัดการความปลอดภัยทางไซเบอร์เพื่อลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูลให้เหลือน้อยที่สุด นอกจากนี้ ธนาคารยังได้ดำเนินนโยบายการกำกับดูแลข้อมูลซึ่งครอบคลุมความเป็นส่วนตัวของข้อมูล การปกป้องข้อมูล และการบริหารจัดการข้อมูล ควบคู่ไปกับการดำเนินนโยบายบริหารจัดการความเสี่ยงด้านไซเบอร์และความเสี่ยงด้านดิจิทัล
การบริหารจัดการข้อมูลได้ฝังอยู่ในแนวปฏิบัติในการบริหารจัดการความเสี่ยงทั่วทั้งกลุ่มบริษัท โดยมีการดำเนินการทดสอบการควบคุมเป็นประจำทุกปีเพื่อประเมินความมีประสิทธิภาพของกระบวนการ ขั้นตอน และการควบคุมความปลอดภัยที่มีอยู่ ซึ่งเป็นการช่วยยกระดับการปกป้องข้อมูลในทุกขั้นตอนในวัฏจักรชีวิตของข้อมูล ผ่านการฝึกอบรมภาคบังคับสำหรับพนักงานทุกคนเพื่อสร้างความตระหนักรู้ การสูญเสียหรือการรั่วไหลของข้อมูลจะได้รับการตรวจติดตามและบริหารจัดการอย่างใกล้ชิด
เป้าหมายปี 2567 คะแนนรายงานการกำกับดููแลกิจการ (ประเมินโดยสถาบันส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย) มากกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 93 สินเชื่อเพื่อความยั่งยืนที่อนุมัติ 20,000 ล้านบาท เหตุการณ์วิกฤตที่เกี่ยวข้องกับระบบความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นศูนย์
ผลการดำเนินงานปี 2567 คะแนนรายงานการกำกับดูแลกิจการเท่ากับร้อยละ 103 สินเชื่อเพื่อความยั่งยืนที่อนุมัติ 19,700 ล้านบาท เหตุการณ์วิกฤตที่เกี่ยวข้องกับระบบความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นศูนย์
ความสัมพันธ์กับค่าตอบแทนผู้บริหาร ตัวชี้วัดนี้เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดผลการดำเนินงานของธนาคารปี 2567 ภายใต้มิติความยั่งยืนองค์กรซึ่งคิดเป็นร้อยละ 10 ของตัวชี้วัดทั้งหมด และนำไปใช้เป็นปัจจัยในการพิจารณาค่าตอบแทนแบบแปรผันของผู้บริหารระดับสูงของธนาคาร ตัวชี้วัดนี้เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดผลการดำเนินงานของธนาคารปี 2567 ภายใต้มิติความยั่งยืนองค์กรซึ่งคิดเป็นร้อยละ 10 ของตัวชี้วัดทั้งหมด และนำไปใช้เป็นปัจจัยในการพิจารณาค่าตอบแทนแบบแปรผันของผู้บริหารระดับสูงของธนาคาร ตัวชี้วัดนี้เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดผลการดำเนินงานของประธานเจ้าหน้าที่บริหารสารสนเทศ และนำไปใช้เป็นปัจจัยในการพิจารณาค่าตอบแทนแบบแปรผัน

ประเด็นสำคัญสำหรับผู้มีส่วนได้เสียภายนอก
จากประเด็นสำคัญทั้ง 20 ประเด็น มี ธนาคารวิเคราะห์ประเด็นที่มีผลกระทบสูงสุดในการประเมินคุณค่าของผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียภายนอกดังนี้

ประเด็นที่สำคัญ การเงินที่ยั่งยืน การเข้าถึงทางการเงินและปัญหาหนี้เกินตัว
ผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียภายนอก

ผลกระทบเชิงบวก

  • การสร้างงานจากโครงการของลูกค้า
  • การสนับสนุนทางการเงินช่วยให้เกิดการพัฒนาโครงการที่ปล่อยคาร์บอนต่ำและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ผลกระทบเชิงลบ

  • การปล่อยคาร์บอนจากการดำเนินธุรกิจที่ได้รับสินเชื่อจากธนาคาร
  • การตั้งถิ่นฐานใหม่ของชุมชนโดยรอบโครงการของลูกค้า

ผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง

  • ลูกค้า สังคม และสิ่งแวดล้อม

ต้นทุนทางสังคมของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่หลีกเลี่ยงได้ที่มีอัตราคิดลดที่ร้อยละ 3 ในปี 2566 คิดเป็น 54 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตันของคาร์บอนไดออกไซด์ (ที่มา: Social Cost of Carbon from the Technical Support Document: Social Cost of Carbon, Methane, and Nitrous Oxide by the Interagency Working Group on Social Cost of Greenhouse Gases, United States Government)

ต้นทุนทางสังคมของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่หลีกเลี่ยงได้เทียบเท่ากับ 60.2 ล้านบาทในปี 2566

ผลกระทบเชิงบวก

  • กระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยการช่วยให้ประชาชนจำนวนมากขึ้นเข้ามาอยู่ในระบบการเงิน
  • บรรเทาปัญหาความยากจนด้วยการสนับสนุนเครื่องมือทางการเงินเพื่อการออม การลงทุน และการบริหารความเสี่ยง

ผลกระทบเชิงลบ

  • ความเสี่ยงจากปัญหาหนี้เกินตัวจากการเข้าถึงเครดิตได้ง่ายและการกู้ยืมเกินกว่าความสามารถในการชำระหนี้
  • การขาดเสถียรภาพทางการเงินเนื่องจากการขยายบริการทางการเงินอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่มีกฎระเบียบรองรับอย่างเพียงพอ

ผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง

  • ลูกค้า และสังคม

ธนาคารได้เริ่มโครงการรวบหนี้เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถรวบหนี้จากหลายบัญชีมาไว้ในบัญชีเดียวกันพร้อมนำเสนอดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า โครงการนี้มีจุดประสงค์ในการลดภาระดอกเบี้ยของลูกค้าและช่วยทำให้กระบวนการชำระหนี้มีความง่ายขึ้นในแผนการชำระเดียว โดยมีมูลค่าการรวบหนี้ทั้งสิ้น 3.083 พันล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ 2 พันล้านบาทในปี 2566

ภาระดอกเบี้ยที่ลดลงคำนวณจากความแตกต่างระหว่างการชำระดอกเบี้ยที่ลูกค้ามีก่อนและหลังเข้าร่วมโครงการรวบหนี้

ภาระดอกเบี้ยของลูกค้าที่ลดลงส่งผลให้ครัวเรือนมีรายได้เพิ่มขึ้น 900 ล้านบาทในปี 2566

ตัวชี้วัดด้านผลลัพธ์ ธนาคารได้ออกตราสารหนี้สีเขียวเพื่อให้การสนับสนุนทางการเงินแก่โครงการพลังงานแสงอาทิตย์และการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อรถยนต์ไฟฟ้า และออกตราสารหนี้สีฟ้าเพื่อสนับสนุนการผลิตวัตถุดิบสำหรับสารทำความสะอาดซึ่งย่อยสลายได้และปราศจากฟอสเฟต และสนับสนุนโครงการรีไซเคิลพลาสติก โดยช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 192,400 ตันต่อปี โครงการรวบหนี้ช่วยให้ลูกค้ากว่า 37,000 คนสามารถรวบหนี้จากหลายบัญชีมาไว้ในบัญชีเดียวกันโดยจ่ายดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า โครงการนี้มีจุดประสงค์ในการลดภาระดอกเบี้ยของลูกค้าและช่วยทำให้กระบวนการชำระหนี้ง่ายและสะดวกขึ้นด้วยการเปลี่ยนแผนการชำระหนี้ให้เหลือแผนเดียว โดยมีมูลค่าการรวบหนี้ทั้งสิ้น 12,900 ล้านบาท
การประเมินมูลค่าผลกระทบ ต้นทุนทางสังคมของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่หลีกเลี่ยงได้คิดเป็น 55 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตันคาร์บอนไดออกไซด์ โดยคำนวณที่อัตราคิดลดที่ร้อยละ 3 (ที่มา: Technical Support Document: Social Cost of Carbon, Methane, and Nitrous Oxide by the Interagency Working Group on Social Cost of Greenhouse Gases, United States Government.) ภาระดอกเบี้ยที่ลดลงคำนวณจากมูลค่าดอกเบี้ยของลูกค้าก่อนและหลังเข้าโครงการรวบหนี้
ตัวชี้วัดผลกระทบ ต้นทุนทางสังคมของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่หลีกเลี่ยงได้เท่ากับ 372 ล้านบาทในปี 2567 ภาระดอกเบี้ยที่ลดลงส่งผลให้ครัวเรือนมีรายได้เพิ่มขึ้น 2,110 ล้านบาทในปี 2567

รายละเอียดเพิ่มเติม : รายงานการประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนและการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียประจำปี 2566

การประเมินประเด็นสำคัญ

การประเมินประเด็นสำคัญเป็นกระบวนการที่ช่วยให้ธนาคารได้รับข้อมูลสำหรับการวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจ จัดลำดับความสำคัญของผลกระทบจากประเด็นด้านความยั่งยืนแต่ละประเด็น และช่วยในการผนวกรวมเข้ากับการดำเนินงานของหน่วยงานต่างๆ ทั่วทั้งธนาคาร

ธนาคารประเมินประเด็นสำคัญทุุก ๆ 2-3 ปี และทบทวนประเด็นสำคัญเป็นประจำทุกปีเพื่อให้มั่นใจว่าประเด็นด้านความยั่งยืนของธนาคารยังคงเป็นปัจจุบันและสามารถตอบสนองต่อพลวัตรความท้าทายและโอกาสทางด้านความยั่งยืนที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว

ธนาคารได้นำแนวทางการการประเมินประเด็นสำคัญแบบ Double Materiality มาใช้ โดยจะพิจารณาว่าประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกระทบกับมูลค่าทางการเงินของธนาคาร (Financial Materiality) อย่างไร ควบคู่ไปกับการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมในวงกว้าง (Impact Materiality)

กระบวนการและผลการประเมินประเด็นสำคัญได้รับการรับรองโดยผู้บริหารระดับสูงของธนาคารและได้รับการอนุมัติโดยคณะกรรมการธนาคาร โดยธนาคารได้รวมผลการประเมินประเด็นสำคัญไว้ในการดำเนินธุรกิจทั่วทั้งธนาคาร รวมถึงในการบริหารจัดการความเสี่ยงองค์กร การบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดู กลยุทธ์องค์กร และกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน

ผลการประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนปี 2567

ประเด็นสำคัญสำหรับการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กิจการ
จากประเด็นสำคัญทั้ง 20 ประเด็น ธนาคารวิเคราะห์ประเด็นที่มีผลกระทบสูงสุดในการการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กิจการดังนี้

ประเด็นที่สำคัญ การกำกับดูแลกิจการที่ดี การให้สินเชื่อและการลงทุนอย่างรับผิดชอบ ความเป็นส่วนตัวของลูกค้าและความปลอดภัยของข้อมูล
เหตุผลทางธุรกิจ โครงสร้างการกำกับดูแลกิจการที่เข้มแข็งช่วยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจด้วยการพัฒนาความสามารถในการตรวจสอบได้และความโปร่งใส ส่งเสริมให้เกิดความไว้วางใจระหว่างผู้มีส่วนได้เสีย ทำให้มั่นใจว่ามีการปฏิบัติตามกฎระเบียบและกฎหมาย ตลอดจนช่วยในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์เพื่อตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ธนาคารจะทำให้มั่นใจว่าคณะกรรมการธนาคารมีประสบการณ์ ทักษะ ความรู้ และเพศที่หลากหลาย เพื่อส่งเสริมกระบวนการในการตัดสินใจ ธนาคารบริหารจัดการผลกระทบทางอ้อมด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมจากการดำเนินธุรกิจผ่านการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและการเงินที่ยั่งยืน โดยธนาคารตระหนักดีว่าธุรกรรมบางอย่างและการมีส่วนร่วมกับลูกค้าอาจนำไปสู่ความเสี่ยงทางการเงินทางอ้อม เข่น ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม อุบัติการณ์ผลกระทบเชิงลบด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมอาจเป็นต้นตอที่สำคัญของความเสี่ยงด้านชื่อเสียง ซึ่งอาจนำไปสู่การลดลงของมูลค่าสินทรัพย์หรือแม้กระทั่งความสูญเสียของธนาคาร แม้ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมจะไม่ส่งผลกระทบทันทีต่อธนาคาร แต่ก็อาจบ่อนทำลายความยั่งยืนของธนาคารได้ในระยะยาว ธนาคารเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเป็นหลัก การดำเนินงานของธนาคารต้องอาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลและข้อมูลเชิงลึก การเก็บรวบรวมข้อมูลจึงมีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินกิจกรรมประจำวันของธนาคารในขณะให้บริการลูกค้า จึงเป็นความรับผิดชอบของธนาคารในการบริหารจัดการข้อมูลของลูกค้าในแนวทางที่ส่งเสริมให้เกิดความไว้วางใจและบรรเทาความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งเป็นภัยต่อชีวิตที่ดีทางการเงิน ความเป็นส่วนตัว และสิทธิของลูกค้า
ผลกระทบต่อธุรกิจ ด้านความเสี่ยง ด้านความเสี่ยง ด้านความเสี่ยง
กลยุทธ์ทางธุรกิจ ธนาคารมีกรอบการกำกับดูแลกิจการและกระบวนการที่รัดกุม ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องความได้เปรียบในการแข่งขันเพื่อการเติบโตของธุรกิจในระยะยาวควบคู่ไปกับการสร้างคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม นโยบายการกำกับดูแลกิจการของธนาคารมีความเป็นมาตรฐานและครอบคลุมแนวทางปฏิบัติที่เป็นเลิศตามแนวทางของธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา และการประเมินการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัทจดทะเบียนในภูมิภาคอาเซียน นอกจากนี้ คณะกรรมการธนาคารยังประกอบไปด้วยบุคคลผู้มีทักษะ ประสบการณ์ และภูมิหลังที่หลากหลาย ซึ่งช่วยให้มีการเสนอข้อมูลที่มีคุณค่าในกระบวนการตัดสินใจ โดยคณะกรรมการธนาคารผ่านการประเมินประสิทธิภาพทุกปี ทั้งนี้ ธนาคารยังมีคณะกรรมการย่อยที่ประกอบไปด้วยผู้ทรงคุณวุฒิเฉพาะด้านในการกำกับดูแลแง่มุมที่มีความสำคัญต่อการดำเนินงานของธนาคาร ธนาคารได้รวมประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมเข้าไว้ในนโยบายความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ซึ่งบังคับใช้กับบริษัท เอสเอ็มอี ลูกค้าบุคคล และพอร์ตการลงทุนของธนาคาร โดยมีรายการสินเชื่อต้องห้ามซึ่งใช้ในการคัดกิจกรรมทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและผลกระทบที่สูงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมออกไป การคัดกรองความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมมีผลบังคับใช้ในการประเมินความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมทั่วไปและสำหรับอุตสาหกรรมเฉพาะ ทั้งนี้ ธนาคารได้กำหนดความมุ่งมั่นในระยะยาวในการบริหารจัดการผลกระทบจากธุรกิจการให้สินเชื่อ โดยมีเป้าหมายในการลดการให้สินเชื่อโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินและโครงการเหมืองถ่านหินให้เป็นศูนย์ภายในปี 2571 นอกจากนี้ เพื่อส่งเสริมการเงินและการลงทุนที่ยั่งยืน ทีทีบียังมุ่งเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อสีเขียวในพอร์ตการลงทุนซึ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนในหลายรูปแบบ รวมถึง สินเชื่อสีเขียว สินเชื่อที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืน สินเชื่อที่มีผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม ตราสารหนี้สีเขียว และตราสารหนี้สีฟ้า ธนาคารได้แต่งตั้งผู้บริหารในการบริหารจัดการความเป็นส่วนตัวของลูกค้าและความปลอดภัยของข้อมูล โดยมีเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลรับผิดชอบในการกำกับดูแลการปฏิบัติตามกฎระเบียบของธนาคารและบริษัทย่อย ซึ่งช่วยส่งเสริมวัฒนธรรมในการปกป้องข้อมูล ทั้งนี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารความปลอดภัยของข้อมูลมีความรับผิดชอบในการกำหนดทิศทางและกลยุทธ์สำหรับการบริหารจัดการความปลอดภัยทางไซเบอร์เพื่อลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูลให้เหลือน้อยที่สุด นอกจากนี้ ธนาคารยังได้ดำเนินนโยบายการกำกับดูแลข้อมูลซึ่งครอบคลุมความเป็นส่วนตัวของข้อมูล การปกป้องข้อมูล และการบริหารจัดการข้อมูล ควบคู่ไปกับการดำเนินนโยบายบริหารจัดการความเสี่ยงด้านไซเบอร์และความเสี่ยงด้านดิจิทัล
การบริหารจัดการข้อมูลได้ฝังอยู่ในแนวปฏิบัติในการบริหารจัดการความเสี่ยงทั่วทั้งกลุ่มบริษัท โดยมีการดำเนินการทดสอบการควบคุมเป็นประจำทุกปีเพื่อประเมินความมีประสิทธิภาพของกระบวนการ ขั้นตอน และการควบคุมความปลอดภัยที่มีอยู่ ซึ่งเป็นการช่วยยกระดับการปกป้องข้อมูลในทุกขั้นตอนในวัฏจักรชีวิตของข้อมูล ผ่านการฝึกอบรมภาคบังคับสำหรับพนักงานทุกคนเพื่อสร้างความตระหนักรู้ การสูญเสียหรือการรั่วไหลของข้อมูลจะได้รับการตรวจติดตามและบริหารจัดการอย่างใกล้ชิด
เป้าหมายปี 2567 คะแนนรายงานการกำกับดููแลกิจการ (ประเมินโดยสถาบันส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย) มากกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 93 สินเชื่อเพื่อความยั่งยืนที่อนุมัติ 20,000 ล้านบาท เหตุการณ์วิกฤตที่เกี่ยวข้องกับระบบความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นศูนย์
ผลการดำเนินงานปี 2567 คะแนนรายงานการกำกับดูแลกิจการเท่ากับร้อยละ 103 สินเชื่อเพื่อความยั่งยืนที่อนุมัติ 19,700 ล้านบาท เหตุการณ์วิกฤตที่เกี่ยวข้องกับระบบความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นศูนย์
ความสัมพันธ์กับค่าตอบแทนผู้บริหาร ตัวชี้วัดนี้เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดผลการดำเนินงานของธนาคารปี 2567 ภายใต้มิติความยั่งยืนองค์กรซึ่งคิดเป็นร้อยละ 10 ของตัวชี้วัดทั้งหมด และนำไปใช้เป็นปัจจัยในการพิจารณาค่าตอบแทนแบบแปรผันของผู้บริหารระดับสูงของธนาคาร ตัวชี้วัดนี้เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดผลการดำเนินงานของธนาคารปี 2567 ภายใต้มิติความยั่งยืนองค์กรซึ่งคิดเป็นร้อยละ 10 ของตัวชี้วัดทั้งหมด และนำไปใช้เป็นปัจจัยในการพิจารณาค่าตอบแทนแบบแปรผันของผู้บริหารระดับสูงของธนาคาร ตัวชี้วัดนี้เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดผลการดำเนินงานของประธานเจ้าหน้าที่บริหารสารสนเทศ และนำไปใช้เป็นปัจจัยในการพิจารณาค่าตอบแทนแบบแปรผัน

ประเด็นสำคัญสำหรับผู้มีส่วนได้เสียภายนอก
จากประเด็นสำคัญทั้ง 20 ประเด็น มี ธนาคารวิเคราะห์ประเด็นที่มีผลกระทบสูงสุดในการประเมินคุณค่าของผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียภายนอกดังนี้

ประเด็นที่สำคัญ การเงินที่ยั่งยืน การเข้าถึงทางการเงินและปัญหาหนี้เกินตัว
ผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียภายนอก

ผลกระทบเชิงบวก

  • การสร้างงานจากโครงการของลูกค้า
  • การสนับสนุนทางการเงินช่วยให้เกิดการพัฒนาโครงการที่ปล่อยคาร์บอนต่ำและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ผลกระทบเชิงลบ

  • การปล่อยคาร์บอนจากการดำเนินธุรกิจที่ได้รับสินเชื่อจากธนาคาร
  • การตั้งถิ่นฐานใหม่ของชุมชนโดยรอบโครงการของลูกค้า

ผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง

  • ลูกค้า สังคม และสิ่งแวดล้อม

ต้นทุนทางสังคมของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่หลีกเลี่ยงได้ที่มีอัตราคิดลดที่ร้อยละ 3 ในปี 2566 คิดเป็น 54 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตันของคาร์บอนไดออกไซด์ (ที่มา: Social Cost of Carbon from the Technical Support Document: Social Cost of Carbon, Methane, and Nitrous Oxide by the Interagency Working Group on Social Cost of Greenhouse Gases, United States Government)

ต้นทุนทางสังคมของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่หลีกเลี่ยงได้เทียบเท่ากับ 60.2 ล้านบาทในปี 2566

ผลกระทบเชิงบวก

  • กระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยการช่วยให้ประชาชนจำนวนมากขึ้นเข้ามาอยู่ในระบบการเงิน
  • บรรเทาปัญหาความยากจนด้วยการสนับสนุนเครื่องมือทางการเงินเพื่อการออม การลงทุน และการบริหารความเสี่ยง

ผลกระทบเชิงลบ

  • ความเสี่ยงจากปัญหาหนี้เกินตัวจากการเข้าถึงเครดิตได้ง่ายและการกู้ยืมเกินกว่าความสามารถในการชำระหนี้
  • การขาดเสถียรภาพทางการเงินเนื่องจากการขยายบริการทางการเงินอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่มีกฎระเบียบรองรับอย่างเพียงพอ

ผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง

  • ลูกค้า และสังคม

ธนาคารได้เริ่มโครงการรวบหนี้เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถรวบหนี้จากหลายบัญชีมาไว้ในบัญชีเดียวกันพร้อมนำเสนอดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า โครงการนี้มีจุดประสงค์ในการลดภาระดอกเบี้ยของลูกค้าและช่วยทำให้กระบวนการชำระหนี้มีความง่ายขึ้นในแผนการชำระเดียว โดยมีมูลค่าการรวบหนี้ทั้งสิ้น 3.083 พันล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ 2 พันล้านบาทในปี 2566

ภาระดอกเบี้ยที่ลดลงคำนวณจากความแตกต่างระหว่างการชำระดอกเบี้ยที่ลูกค้ามีก่อนและหลังเข้าร่วมโครงการรวบหนี้

ภาระดอกเบี้ยของลูกค้าที่ลดลงส่งผลให้ครัวเรือนมีรายได้เพิ่มขึ้น 900 ล้านบาทในปี 2566

ตัวชี้วัดด้านผลลัพธ์ ธนาคารได้ออกตราสารหนี้สีเขียวเพื่อให้การสนับสนุนทางการเงินแก่โครงการพลังงานแสงอาทิตย์และการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อรถยนต์ไฟฟ้า และออกตราสารหนี้สีฟ้าเพื่อสนับสนุนการผลิตวัตถุดิบสำหรับสารทำความสะอาดซึ่งย่อยสลายได้และปราศจากฟอสเฟต และสนับสนุนโครงการรีไซเคิลพลาสติก โดยช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 192,400 ตันต่อปี โครงการรวบหนี้ช่วยให้ลูกค้ากว่า 37,000 คนสามารถรวบหนี้จากหลายบัญชีมาไว้ในบัญชีเดียวกันโดยจ่ายดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า โครงการนี้มีจุดประสงค์ในการลดภาระดอกเบี้ยของลูกค้าและช่วยทำให้กระบวนการชำระหนี้ง่ายและสะดวกขึ้นด้วยการเปลี่ยนแผนการชำระหนี้ให้เหลือแผนเดียว โดยมีมูลค่าการรวบหนี้ทั้งสิ้น 12,900 ล้านบาท
การประเมินมูลค่าผลกระทบ ต้นทุนทางสังคมของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่หลีกเลี่ยงได้คิดเป็น 55 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตันคาร์บอนไดออกไซด์ โดยคำนวณที่อัตราคิดลดที่ร้อยละ 3 (ที่มา: Technical Support Document: Social Cost of Carbon, Methane, and Nitrous Oxide by the Interagency Working Group on Social Cost of Greenhouse Gases, United States Government.) ภาระดอกเบี้ยที่ลดลงคำนวณจากมูลค่าดอกเบี้ยของลูกค้าก่อนและหลังเข้าโครงการรวบหนี้
ตัวชี้วัดผลกระทบ ต้นทุนทางสังคมของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่หลีกเลี่ยงได้เท่ากับ 372 ล้านบาทในปี 2567 ภาระดอกเบี้ยที่ลดลงส่งผลให้ครัวเรือนมีรายได้เพิ่มขึ้น 2,110 ล้านบาทในปี 2567

รายละเอียดเพิ่มเติม : รายงานการประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนและการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียประจำปี 2566

การประเมินประเด็นสำคัญ

การประเมินประเด็นสำคัญเป็นกระบวนการที่ช่วยให้ธนาคารได้รับข้อมูลสำหรับการวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจ จัดลำดับความสำคัญของผลกระทบจากประเด็นด้านความยั่งยืนแต่ละประเด็น และช่วยในการผนวกรวมเข้ากับการดำเนินงานของหน่วยงานต่างๆ ทั่วทั้งธนาคาร

ธนาคารประเมินประเด็นสำคัญทุุก ๆ 2-3 ปี และทบทวนประเด็นสำคัญเป็นประจำทุกปีเพื่อให้มั่นใจว่าประเด็นด้านความยั่งยืนของธนาคารยังคงเป็นปัจจุบันและสามารถตอบสนองต่อพลวัตรความท้าทายและโอกาสทางด้านความยั่งยืนที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว

ธนาคารได้นำแนวทางการการประเมินประเด็นสำคัญแบบ Double Materiality มาใช้ โดยจะพิจารณาว่าประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกระทบกับมูลค่าทางการเงินของธนาคาร (Financial Materiality) อย่างไร ควบคู่ไปกับการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมในวงกว้าง (Impact Materiality)

กระบวนการและผลการประเมินประเด็นสำคัญได้รับการรับรองโดยผู้บริหารระดับสูงของธนาคารและได้รับการอนุมัติโดยคณะกรรมการธนาคาร โดยธนาคารได้รวมผลการประเมินประเด็นสำคัญไว้ในการดำเนินธุรกิจทั่วทั้งธนาคาร รวมถึงในการบริหารจัดการความเสี่ยงองค์กร การบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดู กลยุทธ์องค์กร และกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน

ผลการประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนปี 2567

ประเด็นสำคัญสำหรับการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กิจการ
จากประเด็นสำคัญทั้ง 20 ประเด็น ธนาคารวิเคราะห์ประเด็นที่มีผลกระทบสูงสุดในการการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กิจการดังนี้

ประเด็นที่สำคัญ การกำกับดูแลกิจการที่ดี การให้สินเชื่อและการลงทุนอย่างรับผิดชอบ ความเป็นส่วนตัวของลูกค้าและความปลอดภัยของข้อมูล
เหตุผลทางธุรกิจ โครงสร้างการกำกับดูแลกิจการที่เข้มแข็งช่วยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจด้วยการพัฒนาความสามารถในการตรวจสอบได้และความโปร่งใส ส่งเสริมให้เกิดความไว้วางใจระหว่างผู้มีส่วนได้เสีย ทำให้มั่นใจว่ามีการปฏิบัติตามกฎระเบียบและกฎหมาย ตลอดจนช่วยในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์เพื่อตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ธนาคารจะทำให้มั่นใจว่าคณะกรรมการธนาคารมีประสบการณ์ ทักษะ ความรู้ และเพศที่หลากหลาย เพื่อส่งเสริมกระบวนการในการตัดสินใจ ธนาคารบริหารจัดการผลกระทบทางอ้อมด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมจากการดำเนินธุรกิจผ่านการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและการเงินที่ยั่งยืน โดยธนาคารตระหนักดีว่าธุรกรรมบางอย่างและการมีส่วนร่วมกับลูกค้าอาจนำไปสู่ความเสี่ยงทางการเงินทางอ้อม เข่น ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม อุบัติการณ์ผลกระทบเชิงลบด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมอาจเป็นต้นตอที่สำคัญของความเสี่ยงด้านชื่อเสียง ซึ่งอาจนำไปสู่การลดลงของมูลค่าสินทรัพย์หรือแม้กระทั่งความสูญเสียของธนาคาร แม้ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมจะไม่ส่งผลกระทบทันทีต่อธนาคาร แต่ก็อาจบ่อนทำลายความยั่งยืนของธนาคารได้ในระยะยาว ธนาคารเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเป็นหลัก การดำเนินงานของธนาคารต้องอาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลและข้อมูลเชิงลึก การเก็บรวบรวมข้อมูลจึงมีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินกิจกรรมประจำวันของธนาคารในขณะให้บริการลูกค้า จึงเป็นความรับผิดชอบของธนาคารในการบริหารจัดการข้อมูลของลูกค้าในแนวทางที่ส่งเสริมให้เกิดความไว้วางใจและบรรเทาความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งเป็นภัยต่อชีวิตที่ดีทางการเงิน ความเป็นส่วนตัว และสิทธิของลูกค้า
ผลกระทบต่อธุรกิจ ด้านความเสี่ยง ด้านความเสี่ยง ด้านความเสี่ยง
กลยุทธ์ทางธุรกิจ ธนาคารมีกรอบการกำกับดูแลกิจการและกระบวนการที่รัดกุม ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องความได้เปรียบในการแข่งขันเพื่อการเติบโตของธุรกิจในระยะยาวควบคู่ไปกับการสร้างคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม นโยบายการกำกับดูแลกิจการของธนาคารมีความเป็นมาตรฐานและครอบคลุมแนวทางปฏิบัติที่เป็นเลิศตามแนวทางของธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา และการประเมินการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัทจดทะเบียนในภูมิภาคอาเซียน นอกจากนี้ คณะกรรมการธนาคารยังประกอบไปด้วยบุคคลผู้มีทักษะ ประสบการณ์ และภูมิหลังที่หลากหลาย ซึ่งช่วยให้มีการเสนอข้อมูลที่มีคุณค่าในกระบวนการตัดสินใจ โดยคณะกรรมการธนาคารผ่านการประเมินประสิทธิภาพทุกปี ทั้งนี้ ธนาคารยังมีคณะกรรมการย่อยที่ประกอบไปด้วยผู้ทรงคุณวุฒิเฉพาะด้านในการกำกับดูแลแง่มุมที่มีความสำคัญต่อการดำเนินงานของธนาคาร ธนาคารได้รวมประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมเข้าไว้ในนโยบายความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ซึ่งบังคับใช้กับบริษัท เอสเอ็มอี ลูกค้าบุคคล และพอร์ตการลงทุนของธนาคาร โดยมีรายการสินเชื่อต้องห้ามซึ่งใช้ในการคัดกิจกรรมทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและผลกระทบที่สูงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมออกไป การคัดกรองความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมมีผลบังคับใช้ในการประเมินความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมทั่วไปและสำหรับอุตสาหกรรมเฉพาะ ทั้งนี้ ธนาคารได้กำหนดความมุ่งมั่นในระยะยาวในการบริหารจัดการผลกระทบจากธุรกิจการให้สินเชื่อ โดยมีเป้าหมายในการลดการให้สินเชื่อโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินและโครงการเหมืองถ่านหินให้เป็นศูนย์ภายในปี 2571 นอกจากนี้ เพื่อส่งเสริมการเงินและการลงทุนที่ยั่งยืน ทีทีบียังมุ่งเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อสีเขียวในพอร์ตการลงทุนซึ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนในหลายรูปแบบ รวมถึง สินเชื่อสีเขียว สินเชื่อที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืน สินเชื่อที่มีผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม ตราสารหนี้สีเขียว และตราสารหนี้สีฟ้า ธนาคารได้แต่งตั้งผู้บริหารในการบริหารจัดการความเป็นส่วนตัวของลูกค้าและความปลอดภัยของข้อมูล โดยมีเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลรับผิดชอบในการกำกับดูแลการปฏิบัติตามกฎระเบียบของธนาคารและบริษัทย่อย ซึ่งช่วยส่งเสริมวัฒนธรรมในการปกป้องข้อมูล ทั้งนี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารความปลอดภัยของข้อมูลมีความรับผิดชอบในการกำหนดทิศทางและกลยุทธ์สำหรับการบริหารจัดการความปลอดภัยทางไซเบอร์เพื่อลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูลให้เหลือน้อยที่สุด นอกจากนี้ ธนาคารยังได้ดำเนินนโยบายการกำกับดูแลข้อมูลซึ่งครอบคลุมความเป็นส่วนตัวของข้อมูล การปกป้องข้อมูล และการบริหารจัดการข้อมูล ควบคู่ไปกับการดำเนินนโยบายบริหารจัดการความเสี่ยงด้านไซเบอร์และความเสี่ยงด้านดิจิทัล
การบริหารจัดการข้อมูลได้ฝังอยู่ในแนวปฏิบัติในการบริหารจัดการความเสี่ยงทั่วทั้งกลุ่มบริษัท โดยมีการดำเนินการทดสอบการควบคุมเป็นประจำทุกปีเพื่อประเมินความมีประสิทธิภาพของกระบวนการ ขั้นตอน และการควบคุมความปลอดภัยที่มีอยู่ ซึ่งเป็นการช่วยยกระดับการปกป้องข้อมูลในทุกขั้นตอนในวัฏจักรชีวิตของข้อมูล ผ่านการฝึกอบรมภาคบังคับสำหรับพนักงานทุกคนเพื่อสร้างความตระหนักรู้ การสูญเสียหรือการรั่วไหลของข้อมูลจะได้รับการตรวจติดตามและบริหารจัดการอย่างใกล้ชิด
เป้าหมายปี 2567 คะแนนรายงานการกำกับดููแลกิจการ (ประเมินโดยสถาบันส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย) มากกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 93 สินเชื่อเพื่อความยั่งยืนที่อนุมัติ 20,000 ล้านบาท เหตุการณ์วิกฤตที่เกี่ยวข้องกับระบบความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นศูนย์
ผลการดำเนินงานปี 2567 คะแนนรายงานการกำกับดูแลกิจการเท่ากับร้อยละ 103 สินเชื่อเพื่อความยั่งยืนที่อนุมัติ 19,700 ล้านบาท เหตุการณ์วิกฤตที่เกี่ยวข้องกับระบบความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นศูนย์
ความสัมพันธ์กับค่าตอบแทนผู้บริหาร ตัวชี้วัดนี้เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดผลการดำเนินงานของธนาคารปี 2567 ภายใต้มิติความยั่งยืนองค์กรซึ่งคิดเป็นร้อยละ 10 ของตัวชี้วัดทั้งหมด และนำไปใช้เป็นปัจจัยในการพิจารณาค่าตอบแทนแบบแปรผันของผู้บริหารระดับสูงของธนาคาร ตัวชี้วัดนี้เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดผลการดำเนินงานของธนาคารปี 2567 ภายใต้มิติความยั่งยืนองค์กรซึ่งคิดเป็นร้อยละ 10 ของตัวชี้วัดทั้งหมด และนำไปใช้เป็นปัจจัยในการพิจารณาค่าตอบแทนแบบแปรผันของผู้บริหารระดับสูงของธนาคาร ตัวชี้วัดนี้เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดผลการดำเนินงานของประธานเจ้าหน้าที่บริหารสารสนเทศ และนำไปใช้เป็นปัจจัยในการพิจารณาค่าตอบแทนแบบแปรผัน

ประเด็นสำคัญสำหรับผู้มีส่วนได้เสียภายนอก
จากประเด็นสำคัญทั้ง 20 ประเด็น มี ธนาคารวิเคราะห์ประเด็นที่มีผลกระทบสูงสุดในการประเมินคุณค่าของผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียภายนอกดังนี้

ประเด็นที่สำคัญ การเงินที่ยั่งยืน การเข้าถึงทางการเงินและปัญหาหนี้เกินตัว
ผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียภายนอก

ผลกระทบเชิงบวก

  • การสร้างงานจากโครงการของลูกค้า
  • การสนับสนุนทางการเงินช่วยให้เกิดการพัฒนาโครงการที่ปล่อยคาร์บอนต่ำและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ผลกระทบเชิงลบ

  • การปล่อยคาร์บอนจากการดำเนินธุรกิจที่ได้รับสินเชื่อจากธนาคาร
  • การตั้งถิ่นฐานใหม่ของชุมชนโดยรอบโครงการของลูกค้า

ผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง

  • ลูกค้า สังคม และสิ่งแวดล้อม

ต้นทุนทางสังคมของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่หลีกเลี่ยงได้ที่มีอัตราคิดลดที่ร้อยละ 3 ในปี 2566 คิดเป็น 54 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตันของคาร์บอนไดออกไซด์ (ที่มา: Social Cost of Carbon from the Technical Support Document: Social Cost of Carbon, Methane, and Nitrous Oxide by the Interagency Working Group on Social Cost of Greenhouse Gases, United States Government)

ต้นทุนทางสังคมของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่หลีกเลี่ยงได้เทียบเท่ากับ 60.2 ล้านบาทในปี 2566

ผลกระทบเชิงบวก

  • กระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยการช่วยให้ประชาชนจำนวนมากขึ้นเข้ามาอยู่ในระบบการเงิน
  • บรรเทาปัญหาความยากจนด้วยการสนับสนุนเครื่องมือทางการเงินเพื่อการออม การลงทุน และการบริหารความเสี่ยง

ผลกระทบเชิงลบ

  • ความเสี่ยงจากปัญหาหนี้เกินตัวจากการเข้าถึงเครดิตได้ง่ายและการกู้ยืมเกินกว่าความสามารถในการชำระหนี้
  • การขาดเสถียรภาพทางการเงินเนื่องจากการขยายบริการทางการเงินอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่มีกฎระเบียบรองรับอย่างเพียงพอ

ผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง

  • ลูกค้า และสังคม

ธนาคารได้เริ่มโครงการรวบหนี้เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถรวบหนี้จากหลายบัญชีมาไว้ในบัญชีเดียวกันพร้อมนำเสนอดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า โครงการนี้มีจุดประสงค์ในการลดภาระดอกเบี้ยของลูกค้าและช่วยทำให้กระบวนการชำระหนี้มีความง่ายขึ้นในแผนการชำระเดียว โดยมีมูลค่าการรวบหนี้ทั้งสิ้น 3.083 พันล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ 2 พันล้านบาทในปี 2566

ภาระดอกเบี้ยที่ลดลงคำนวณจากความแตกต่างระหว่างการชำระดอกเบี้ยที่ลูกค้ามีก่อนและหลังเข้าร่วมโครงการรวบหนี้

ภาระดอกเบี้ยของลูกค้าที่ลดลงส่งผลให้ครัวเรือนมีรายได้เพิ่มขึ้น 900 ล้านบาทในปี 2566

ตัวชี้วัดด้านผลลัพธ์ ธนาคารได้ออกตราสารหนี้สีเขียวเพื่อให้การสนับสนุนทางการเงินแก่โครงการพลังงานแสงอาทิตย์และการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อรถยนต์ไฟฟ้า และออกตราสารหนี้สีฟ้าเพื่อสนับสนุนการผลิตวัตถุดิบสำหรับสารทำความสะอาดซึ่งย่อยสลายได้และปราศจากฟอสเฟต และสนับสนุนโครงการรีไซเคิลพลาสติก โดยช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 192,400 ตันต่อปี โครงการรวบหนี้ช่วยให้ลูกค้ากว่า 37,000 คนสามารถรวบหนี้จากหลายบัญชีมาไว้ในบัญชีเดียวกันโดยจ่ายดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า โครงการนี้มีจุดประสงค์ในการลดภาระดอกเบี้ยของลูกค้าและช่วยทำให้กระบวนการชำระหนี้ง่ายและสะดวกขึ้นด้วยการเปลี่ยนแผนการชำระหนี้ให้เหลือแผนเดียว โดยมีมูลค่าการรวบหนี้ทั้งสิ้น 12,900 ล้านบาท
การประเมินมูลค่าผลกระทบ ต้นทุนทางสังคมของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่หลีกเลี่ยงได้คิดเป็น 55 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตันคาร์บอนไดออกไซด์ โดยคำนวณที่อัตราคิดลดที่ร้อยละ 3 (ที่มา: Technical Support Document: Social Cost of Carbon, Methane, and Nitrous Oxide by the Interagency Working Group on Social Cost of Greenhouse Gases, United States Government.) ภาระดอกเบี้ยที่ลดลงคำนวณจากมูลค่าดอกเบี้ยของลูกค้าก่อนและหลังเข้าโครงการรวบหนี้
ตัวชี้วัดผลกระทบ ต้นทุนทางสังคมของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่หลีกเลี่ยงได้เท่ากับ 372 ล้านบาทในปี 2567 ภาระดอกเบี้ยที่ลดลงส่งผลให้ครัวเรือนมีรายได้เพิ่มขึ้น 2,110 ล้านบาทในปี 2567

รายละเอียดเพิ่มเติม : รายงานการประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนและการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียประจำปี 2566