Suggest Keywords
คุณกำลังออกจากเว็บไซต์ ทีทีบี
เพื่อเข้าสู่
https://www.ttbbank.com/
ธนาคารตระหนักถึงความเสี่ยงและผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงสังคมสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ในฐานะองค์กรการเงิน ธนาคารมีอิทธิพลในการช่วยปรับเปลี่ยนธุรกิจให้มีความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น โดยธนาคารต้องการให้ธุรกิจสินเชื่อช่วยขับเคลื่อนสังคมไปสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการพัฒนาการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate-resilient development) ธนาคารมีแผนจะเปิดเผยข้อมูลตามกรอบการดูแลเสถียรภาพทางการเงินในการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ (Task Force on Climate-related Financial Disclosures: TCFD) ภายในปี 2567
ธนาคารดำเนินงานอย่างใกล้ชิดกับธนาคารแห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคารไทยเพื่อยกระดับมาตรฐานการให้สินเชื่ออย่างยังยืน ซึ่งรวมถึงแนวคิดริเริ่มต่างๆ เช่น แผนงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับธนาคารในประเทศไทย และ Taxonomy เป็นต้น ยิ่งไปกว่าการเป็นผู้สนับสนุนและผู้ให้บริการทางการเงิน ธนาคารยังมีบทบาทเชิงรุกสำคัญเชิงรุกในการสนับสนุนลูกค้าที่ต้องการพัฒนาโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืน ซึ่งโมเดลธุรกิจเหล่านี้ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อทั้งลูกค้าและสังคมโดยไม่กระทบต่อผลกำไรของธนาคาร โดยธนาคารได้เสนอสินเชื่อ ESG ให้กับลูกค้าในรูปแบบของพันธบัตรสีเขียวเพื่อสนับสนุนโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ โครงการพลังงานชีวภาพ และโครงการการจัดการของเสีย อีกทั้งยังให้สินเชื่อที่ส่งเสริมความยั่งยืนโดยคิดอัตราดอกเบี้ยตามผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของลูกค้าซึ่งประเมินจากเกณฑ์ด้านสังคมหรือสิ่งแวดล้อม โดยจะมีการตั้งเป้าหมายด้านความยั่งยืนล่วงหน้า ทั้งนี้ บริษัทที่บรรลุเป้าหมายจะได้รับผลตอบแทน เช่น การลดอัตราดอกเบี้ย
ในฐานะสถาบันการเงินภาคเอกชนของไทย ทีทีบี เป็นธนาคารพาณิชย์แห่งแรกและแห่งเดียวของไทยที่ออกหุ้นกู้เพื่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนทางทะเล โดยมีการออกหุ้นกู้เพื่อสิ่งแวดล้อมครั้งแรก มูลค่า 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2561 ครั้งที่สอง มูลค่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2564 และออกหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืนทางทะเลครั้งแรก มูลค่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2564 โดยการเคลื่อนไหวของธนาคารในการบุกเบิกหุ้นกู้เพื่อสิ่งแวดล้อมในปี 2561 ถือเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาเปิดตลาดหุ้นกู้เพื่อสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย ทั้งนี้ ธนาคารมุ่งเน้นการสนับสนุนโครงการพลังงานหมุนเวียนและรถยนต์ EV รวมไปถึงระบบนิเวศที่เกี่ยวข้อง ซึ่งถือเป็นกลุ่มสินทรัพย์ที่ค่อนข้างใหม่ในประเทศที่จะมีส่วนช่วยให้ประเทศสามารถบรรลุแผนการมีส่วนร่วมของประเทศในการลดก๊าซเรือนกระจก (Nationally Determined Contributions - NDCs) พร้อมทั้งช่วยสนับสนุนยุทธศาสตร์ในการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม EV ตามแผนงานของรัฐบาล สำหรับหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืนทางทะเลจะมุ่งเน้นไปที่ประเด็นสำคัญ เช่น โครงการรีไซเคิลขยะพลาสติกจากทะเล การอนุรักษ์แหล่งน้ำ และการบำบัดน้ำเสีย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ ด้วยนวัตกรรมเครื่องมือทางการเงินต่างๆ เหล่านี้ ทีทีบี ได้สร้างกลุ่มสินทรัพย์ใหม่ให้กับตลาดทุน พร้อมทั้งยกระดับการเงินและการลงทุนในธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนทางทะเลซึ่งช่วยส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนและตอบสนองต่อความท้าทายหลักด้านสภาพภูมิอากาศของประเทศ
ตราสารหนี้เพื่อสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมภิบาล (ESG) คิดเป็นร้อยละ 13.8 ของตราสารหนี้ทั้งหมดที่ออกในปี 2561 ซึ่งประกอบด้วยพันธบัตร Green Bond พันธบัตร SME และตราสารหนี้ ESG ประเภทอื่นๆ | พันธบัตรสีเขียวแรกของธนาคารช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 32,407 ตันต่อปี |
ธนาคารตระหนักถึงความเสี่ยงและผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงสังคมสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ในฐานะองค์กรการเงิน ธนาคารมีอิทธิพลในการช่วยปรับเปลี่ยนธุรกิจให้มีความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น โดยธนาคารต้องการให้ธุรกิจสินเชื่อช่วยขับเคลื่อนสังคมไปสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการพัฒนาการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate-resilient development) ธนาคารมีแผนจะเปิดเผยข้อมูลตามกรอบการดูแลเสถียรภาพทางการเงินในการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ (Task Force on Climate-related Financial Disclosures: TCFD) ภายในปี 2567
ธนาคารดำเนินงานอย่างใกล้ชิดกับธนาคารแห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคารไทยเพื่อยกระดับมาตรฐานการให้สินเชื่ออย่างยังยืน ซึ่งรวมถึงแนวคิดริเริ่มต่างๆ เช่น แผนงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับธนาคารในประเทศไทย และ Taxonomy เป็นต้น ยิ่งไปกว่าการเป็นผู้สนับสนุนและผู้ให้บริการทางการเงิน ธนาคารยังมีบทบาทเชิงรุกสำคัญเชิงรุกในการสนับสนุนลูกค้าที่ต้องการพัฒนาโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืน ซึ่งโมเดลธุรกิจเหล่านี้ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อทั้งลูกค้าและสังคมโดยไม่กระทบต่อผลกำไรของธนาคาร โดยธนาคารได้เสนอสินเชื่อ ESG ให้กับลูกค้าในรูปแบบของพันธบัตรสีเขียวเพื่อสนับสนุนโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ โครงการพลังงานชีวภาพ และโครงการการจัดการของเสีย อีกทั้งยังให้สินเชื่อที่ส่งเสริมความยั่งยืนโดยคิดอัตราดอกเบี้ยตามผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของลูกค้าซึ่งประเมินจากเกณฑ์ด้านสังคมหรือสิ่งแวดล้อม โดยจะมีการตั้งเป้าหมายด้านความยั่งยืนล่วงหน้า ทั้งนี้ บริษัทที่บรรลุเป้าหมายจะได้รับผลตอบแทน เช่น การลดอัตราดอกเบี้ย
ในฐานะสถาบันการเงินภาคเอกชนของไทย ทีทีบี เป็นธนาคารพาณิชย์แห่งแรกและแห่งเดียวของไทยที่ออกหุ้นกู้เพื่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนทางทะเล โดยมีการออกหุ้นกู้เพื่อสิ่งแวดล้อมครั้งแรก มูลค่า 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2561 ครั้งที่สอง มูลค่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2564 และออกหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืนทางทะเลครั้งแรก มูลค่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2564 โดยการเคลื่อนไหวของธนาคารในการบุกเบิกหุ้นกู้เพื่อสิ่งแวดล้อมในปี 2561 ถือเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาเปิดตลาดหุ้นกู้เพื่อสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย ทั้งนี้ ธนาคารมุ่งเน้นการสนับสนุนโครงการพลังงานหมุนเวียนและรถยนต์ EV รวมไปถึงระบบนิเวศที่เกี่ยวข้อง ซึ่งถือเป็นกลุ่มสินทรัพย์ที่ค่อนข้างใหม่ในประเทศที่จะมีส่วนช่วยให้ประเทศสามารถบรรลุแผนการมีส่วนร่วมของประเทศในการลดก๊าซเรือนกระจก (Nationally Determined Contributions - NDCs) พร้อมทั้งช่วยสนับสนุนยุทธศาสตร์ในการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม EV ตามแผนงานของรัฐบาล สำหรับหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืนทางทะเลจะมุ่งเน้นไปที่ประเด็นสำคัญ เช่น โครงการรีไซเคิลขยะพลาสติกจากทะเล การอนุรักษ์แหล่งน้ำ และการบำบัดน้ำเสีย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ ด้วยนวัตกรรมเครื่องมือทางการเงินต่างๆ เหล่านี้ ทีทีบี ได้สร้างกลุ่มสินทรัพย์ใหม่ให้กับตลาดทุน พร้อมทั้งยกระดับการเงินและการลงทุนในธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนทางทะเลซึ่งช่วยส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนและตอบสนองต่อความท้าทายหลักด้านสภาพภูมิอากาศของประเทศ
ตราสารหนี้เพื่อสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมภิบาล (ESG) คิดเป็นร้อยละ 13.8 ของตราสารหนี้ทั้งหมดที่ออกในปี 2561 ซึ่งประกอบด้วยพันธบัตร Green Bond พันธบัตร SME และตราสารหนี้ ESG ประเภทอื่นๆ | พันธบัตรสีเขียวแรกของธนาคารช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 32,407 ตันต่อปี |
ธนาคารตระหนักถึงความเสี่ยงและผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงสังคมสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ในฐานะองค์กรการเงิน ธนาคารมีอิทธิพลในการช่วยปรับเปลี่ยนธุรกิจให้มีความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น โดยธนาคารต้องการให้ธุรกิจสินเชื่อช่วยขับเคลื่อนสังคมไปสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการพัฒนาการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate-resilient development) ธนาคารมีแผนจะเปิดเผยข้อมูลตามกรอบการดูแลเสถียรภาพทางการเงินในการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ (Task Force on Climate-related Financial Disclosures: TCFD) ภายในปี 2567
ธนาคารดำเนินงานอย่างใกล้ชิดกับธนาคารแห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคารไทยเพื่อยกระดับมาตรฐานการให้สินเชื่ออย่างยังยืน ซึ่งรวมถึงแนวคิดริเริ่มต่างๆ เช่น แผนงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับธนาคารในประเทศไทย และ Taxonomy เป็นต้น ยิ่งไปกว่าการเป็นผู้สนับสนุนและผู้ให้บริการทางการเงิน ธนาคารยังมีบทบาทเชิงรุกสำคัญเชิงรุกในการสนับสนุนลูกค้าที่ต้องการพัฒนาโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืน ซึ่งโมเดลธุรกิจเหล่านี้ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อทั้งลูกค้าและสังคมโดยไม่กระทบต่อผลกำไรของธนาคาร โดยธนาคารได้เสนอสินเชื่อ ESG ให้กับลูกค้าในรูปแบบของพันธบัตรสีเขียวเพื่อสนับสนุนโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ โครงการพลังงานชีวภาพ และโครงการการจัดการของเสีย อีกทั้งยังให้สินเชื่อที่ส่งเสริมความยั่งยืนโดยคิดอัตราดอกเบี้ยตามผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของลูกค้าซึ่งประเมินจากเกณฑ์ด้านสังคมหรือสิ่งแวดล้อม โดยจะมีการตั้งเป้าหมายด้านความยั่งยืนล่วงหน้า ทั้งนี้ บริษัทที่บรรลุเป้าหมายจะได้รับผลตอบแทน เช่น การลดอัตราดอกเบี้ย
ในฐานะสถาบันการเงินภาคเอกชนของไทย ทีทีบี เป็นธนาคารพาณิชย์แห่งแรกและแห่งเดียวของไทยที่ออกหุ้นกู้เพื่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนทางทะเล โดยมีการออกหุ้นกู้เพื่อสิ่งแวดล้อมครั้งแรก มูลค่า 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2561 ครั้งที่สอง มูลค่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2564 และออกหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืนทางทะเลครั้งแรก มูลค่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2564 โดยการเคลื่อนไหวของธนาคารในการบุกเบิกหุ้นกู้เพื่อสิ่งแวดล้อมในปี 2561 ถือเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาเปิดตลาดหุ้นกู้เพื่อสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย ทั้งนี้ ธนาคารมุ่งเน้นการสนับสนุนโครงการพลังงานหมุนเวียนและรถยนต์ EV รวมไปถึงระบบนิเวศที่เกี่ยวข้อง ซึ่งถือเป็นกลุ่มสินทรัพย์ที่ค่อนข้างใหม่ในประเทศที่จะมีส่วนช่วยให้ประเทศสามารถบรรลุแผนการมีส่วนร่วมของประเทศในการลดก๊าซเรือนกระจก (Nationally Determined Contributions - NDCs) พร้อมทั้งช่วยสนับสนุนยุทธศาสตร์ในการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม EV ตามแผนงานของรัฐบาล สำหรับหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืนทางทะเลจะมุ่งเน้นไปที่ประเด็นสำคัญ เช่น โครงการรีไซเคิลขยะพลาสติกจากทะเล การอนุรักษ์แหล่งน้ำ และการบำบัดน้ำเสีย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ ด้วยนวัตกรรมเครื่องมือทางการเงินต่างๆ เหล่านี้ ทีทีบี ได้สร้างกลุ่มสินทรัพย์ใหม่ให้กับตลาดทุน พร้อมทั้งยกระดับการเงินและการลงทุนในธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนทางทะเลซึ่งช่วยส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนและตอบสนองต่อความท้าทายหลักด้านสภาพภูมิอากาศของประเทศ
ตราสารหนี้เพื่อสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมภิบาล (ESG) คิดเป็นร้อยละ 13.8 ของตราสารหนี้ทั้งหมดที่ออกในปี 2561 ซึ่งประกอบด้วยพันธบัตร Green Bond พันธบัตร SME และตราสารหนี้ ESG ประเภทอื่นๆ | พันธบัตรสีเขียวแรกของธนาคารช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 32,407 ตันต่อปี |
รบกวนให้คะแนนเราหน่อยนะ