แต่สถานการณ์โควิด -19 ได้เข้ามาเร่งสถานการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นใน 8-10 ปีข้างหน้า ให้มาเกิดขึ้นในช่วงเวลา 2-3 ปีนี้ ทำให้ทุกธุรกิจจึงต้องกระโดดเข้าสู่ Digital Transformation อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อให้ธุรกิจสามารถอยู่รอดและดำเนินไปได้อย่างดีด้วย
เพราะถูกสะกิด ชีวิตจึงเปลี่ยน ธุรกิจจึงต้องปรับให้สอดคล้องกับการดำเนินชีวิตในรูปแบบใหม่
เมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคที่ได้เปลี่ยนแปลงไป การปรับตัวเปิดรับเทคโนโลยีของผู้คนง่ายขึ้น และพร้อมใจที่จะก้าวไว ๆ ไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของภาคธุรกิจ ดังนั้นหากธุรกิจไม่เร่งปรับตัวก็จะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ยิ่งมีตัวเลขจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทยที่ยืนยันได้ว่าพฤติกรรมผู้บริโภคของคนไทยนั้นเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ
- คนไทยเข้าถึงอินเทอร์เน็ตกว่า 77.8% สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 62.5%
- คนไทยใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่านมือถือ 5.07 ชั่วโมงต่อวัน (เป็นอันดับที่ 3 ของโลก)
ไม่เพียงแค่การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเป็นจำนวนมากและหลายชั่วโมงต่อวันเท่านั้น ยังยืนยันด้วยว่าคนไทยมีความเชื่อมั่นกับระบบธุรกรรมทางการเงินผ่านระบบดิจิทัลมากพอสมควรด้วยตัวเลขที่เพิ่มขึ้นของการใช้จ่ายบนระบบอินเทอร์เน็ต และการลดลงของการทำธุรกรรมแบบออฟไลน์ เช่น การใช้เงินสด หรือธุรกรรมผ่านเช็ค
- ประเทศไทยมีสัดส่วนการใช้ Mobile Banking ต่อประชากร ที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ต 74% เป็นอันดับที่ 1 ของโลก ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ซึ่งเพิ่มมาจากปีก่อน ๆ 63% (อันดับ 2 และ 3 ของโลก คือ สวีเดน 71% และ เกาหลีใต้ 66% )
- จำนวนธุรกรรมจ่ายผ่าน QR โตขึ้น 199% จำนวนธุรกรรมบัตรเครดิต online โตขึ้น 26%
- ธุรกรรมถอนเงินสดที่ลดลง 18% ธุรกรรมเกี่ยวกับเช็คลดลง 19%
- จำนวนรายการผ่านช่องทางดิจิทัลเพิ่มขึ้น 160% เป็นสัดส่วนการทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัลต่อช่องทางออฟไลน์กว่า 80%
ด้วยสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและพฤติกรรมของผู้บริโภครวมถึงความต้องการที่เปลี่ยนไป ธุรกิจการค้าต่าง ๆ ก็มีความเปลี่ยนแปลงจาก B2B/OEM มาเป็น D2C จากเดิมที่ผู้ผลิตเป็นเพียงผู้ผลิตเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือรับผลิต เพื่อส่งให้ส่วนของพ่อค้าคนกลาง เช่น Modern Trade ไล่ลงไปจนถึงร้านค้าปลีกก่อนจะถึงมือผู้บริโภค เปลี่ยนเป็นจากผู้ผลิตไปสู่มือผู้บริโภคได้เลย โดยผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ ซึ่งทำให้ SME ที่อยู่ในช่วงระหว่างผู้ผลิต กับ ผู้บริโภคจะต้องรีบเปลี่ยนแปลงการดำเนินธุรกิจเพื่อให้สามารถอยู่รอดและก้าวต่อไปได้อย่างยั่งยืน
1. รู้จุดยืน เพื่อแผนการ Transform ที่ชัดเจนขึ้น
เส้นทางการปรับปรุงธุรกิจให้ไปสู่ความเป็นดิจิทัล มีหลายทางเลือกให้ตัดสินใจ โดยก่อนที่จะปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ต้องแน่ใจก่อนว่าธุรกิจของเรานั้นอยู่ในสภาวะใด ให้ผู้ประกอบการจินตนาการถึงฉากทัศน์ของธุรกิจ โดยพิจารณาจากความเปลี่ยนแปลง 4 กลุ่ม ว่าอีก 5 ปีข้างหน้า กิจการของเราอยู่ในกลุ่มใดใน 4 กลุ่มนี้
1) กลุ่มที่มีความชัดเจน เป็นธุรกิจที่มีทิศทางชัดเจน กฎและระเบียบต่าง ๆ ที่มีต่อธุรกิจค่อนข้างตายตัวชัดเจน
2) กลุ่มที่มีความชัดเจนระดับหนึ่ง ว่า ถ้าไม่เป็นแบบนี้ ก็จะเป็นแบบนั้น หรือเป็นอีกแบบหนึ่ง
3) กลุ่มที่จะมีความเปลี่ยนแปลงแบบเป็นช่วง ๆ ช่วงต้นจะเป็นแบบนี้ และต่อด้วยช่วงที่จะเป็นแบบนั้น
4) กลุ่มที่หาความชัดเจนไม่ได้ คาดเดาไม่ได้เลย
เมื่อเห็นภาพที่จะเกิดขึ้นในอีก 5 ปีข้างหน้าแล้ว มองว่าธุรกิจของเราเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ และวางกลยุทธ์จากยุทธศาสตร์ 5 F ว่าธุรกิจที่ดำเนินกิจการอยู่นั้นจะเป็น F ไหน ซึ่งประกอบด้วย
และไม่ว่าเราจะเลือกกลยุทธ์ F ใดก็ตามสิ่งสำคัญคือธุรกิจจะต้องมีกระแสเงินสดเอาไว้เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง และการสร้างเครือข่ายในวงธุรกิจ (Connection) ก็เป็นตัวช่วยสำคัญไม่แพ้กัน
เมื่อมองเห็นภาพอนาคตรวมถึงตั้งกลยุทธ์ที่จะใช้ในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแล้วจึงเริ่มเข้าสู่การทรานส์ฟอร์มไปสู่ยุคดิจิทัล ในขั้นตอนต่อไป
2. Transform อย่างไร ให้ไว และได้ไปต่อในยุคดิจิทัล
จากเหตุผลต่าง ๆ ที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ซึ่งในภาคธุรกิจจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนไปด้วยจาก B2B/OEM มาเป็น D2C (Direct to Customer) ทำให้การดำเนินธุรกิจจะต้องปรับเปลี่ยนไป ซึ่งในการเปลี่ยนแปลงนั้นมีสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงนี้
- Data Driven เพราะข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญ หัวใจแห่งการขับเคลื่อนธุรกิจ
การ Direct to Customer อย่างมีประสิทธิภาพนั้นจำเป็นต้องมีข้อมูลลูกค้า ซึ่งสิ่งนี้เองไม่ว่าธุรกิจที่จะอยู่ในช่วงไหนของห่วงโซ่อุปทาน ผู้ประกอบการจึงควรทราบความต้องการของลูกค้าปลายทางด้วย ดังนั้นจะเห็นว่าข้อมูลพฤติกรรมของผู้บริโภคจึงเป็นสิ่งสำคัญสุด ๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลรายละเอียดพฤติกรรมผู้บริโภครายย่อย ๆ ไปจนถึงข้อมูลของลักษณะการสั่งสินค้าของลูกค้ารายใหญ่ ๆ จากกรณีศึกษาของแพลตฟอร์มออนไลน์มาเก็ตเพลสชื่อดังบริษัทหนึ่งยอมขาดทุนเพื่อที่จะทำให้ได้มาซึ่งข้อมูลของลูกค้า ก่อนที่จะขายธุรกิจพร้อมคลังข้อมูลด้วยราคาอันมหาศาล
- ขจัด Pain point บน Business Ecosystem เพื่อสร้างความสมบูรณ์บน Platform
ปัจจุบันจะสามารถเห็นรูปแบบการทำธุรกิจใหม่ ๆ เช่น การไลฟ์ขายของบนระบบออนไลน์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นมาเนื่องจาก Pain point บางอย่าง เช่น การไลฟ์ขายทุเรียน ที่มาขจัด Pain point ที่ลูกค้าอยากได้ทุเรียนพันธุ์หายากคุณภาพดี ซึ่งการที่เจ้าของสวนมาไลฟ์ขายของเองทำให้ลูกค้าแน่ใจว่าจะได้ของดีจากสวนที่เจ้าของสวนมีตัวตนอยู่จริง ทราบแหล่งที่มาชัดเจน จึงเกิดการซื้อขายกันขึ้น
ซึ่งการเติมเต็มระบบนิเวศทางธุรกิจ (Business Ecosystem) ไม่ได้จบเพียงเท่านั้น ยังมีขั้นตอนของการชำระเงิน การจัดการการจัดส่ง และการขนส่งเข้ามาอีก ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิด Platform ที่ช่วยสร้าง “มูลค่าเศรษฐกิจ” ที่อยู่ระหว่างกลาง ผู้บริโภค (consumer) และ ผู้ผลิต (producers) ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องมีการออกแบบจนถึงมือลูกค้ารายสุดท้าย เพื่อให้การแลกเปลี่ยนสมบูรณ์แบบมากที่สุด
- Agile way เพราะโลกเปลี่ยนแปลงเร็ว จึงต้องก้าวให้ไว
เมื่อโลกในยุคปัจจุบันเปลี่ยนแปลงเร็วกว่าเก่า เราจะพบได้ว่า ยุคก่อนหน้านี้กว่าจะมีผลิตภัณฑ์หรือนวัตกรรมใหม่ ๆ ก็ใช้เวลากันหลายปี แต่ในปัจจุบันอาจะใช้เวลาเพียงครึ่งปีก็อาจสร้างนวัตกรรมใหม่ได้ หลักการแบบ Agile way จึงมีบทบาทสำคัญเพื่อให้ตอบสนองได้รวดเร็วทันเวลาและตรงความต้องการที่สุด หลัก Agile way ประกอบไปด้วย 3 ส่วนประกอบสำคัญ ดังนี้
Agile way
1) ระบุปัญหาและความต้องการของลูกค้า ด้วยความต้องการลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงเร็ว จึงต้องระบุความต้องการที่แท้จริงให้ได้ อาจใช้การเข้าไปอยู่ในสถานการณ์เดียวกับลูกค้า คุยกับกลุ่มลูกค้าโดยตรง รวมไปถึงการรับฟังความคิดเห็นของทีมงานที่ทำงานกับลูกค้าโดยตรงเพื่อให้เข้าใจลูกค้าในเชิงลึก
2) พัฒนาด้วยทีมงานหลายฝ่าย ระดมสมอง คิดนอกกรอบ พัฒนานวัตกรรมจากความคิดร่วมกันของหลาย ๆ ฝ่าย เพื่อระดมสมองจากหลายมุมมอง
3) ทดสอบนวัตกรรมกับลูกค้า Pilot ก่อนออกใช้งานจริง เป็นขั้นตอนสุดท้ายเพื่อปรับปรุงก่อนส่งผลิตภัณฑ์ถึงมือลูกค้าผู้ใช้งานจริง
ระหว่างการทำรงานใน Agile way จะมีการตรวจสอบให้แน่ใจอยู่เสมอว่าสิ่งที่กำลังพัฒนาไม่มีอะไรหลุดไปจากแผนการหรือความต้องการที่แท้จริง และหากมีความเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ความต้องการของลูกค้าเป้าหมายเปลี่ยนไปก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ทัน
ในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง เมื่อธุรกิจวางแผนมาอย่างดี มีทั้งข้อมูลที่ดี อยู่บนแพลตฟอร์มที่ดี และใช้วิธีการทำงานแบบ Agile way สิ่งสุดท้ายที่จะลืมไม่ได้คือ การทำการตลาด เพื่อให้ลูกค้ารู้จักสินค้าของเราอย่างแท้จริง ในยุคดิจิทัลจึงต้องวางแผนสำหรับ Digital Marketing ด้วย โดยงบการตลาดก็ควรจะเป็น 20-30% ของยอดขาย
3 กระแสเงินสดต้องแข็งแกร่ง และต้องมีเครื่องมือทางการเงินที่ดี
การก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลง หัวใจหลักที่จะทำให้ธุรกิจแข็งแรงนั่นคือการมีกระแสเงินสด โดยธุรกิจที่แข็งแรงจะสามารถประมาณการทางการเงินในอนาคตได้ และทราบมูลค่าของธุรกิจที่กำลังดำเนินการอยู่
ซึ่งการสร้างมูลค่าของธุรกิจจะเพิ่มขึ้นต่อเมื่อสามารถสร้างกระแสเงินสด (Cash Flow) ออกมาให้ได้มากที่สุดและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระแสเงินสดจะเพิ่มขึ้นได้ก็ต่อเมื่อธุรกิจสามารถบริหารปัจจัยหลัก (Value Drivers) 7 ปัจจัยได้ดี คือ
- การสร้างจุดขายจุดแข็งให้กับองค์กร
- การทำให้ยอดขายเติบโต
- การทำให้กิจการมีกำไรดี
- การบริหารภาษีอย่างประสิทธิภาพ
- การใช้เงินทุนหมุนเวียนต่ำ
- การใช้เงินลงทุนที่ต่ำ
- การหาแหล่งเงินทุนที่ต้นทุนต่ำที่สุด
ขยับสู่การเป็นดิจิทัลด้วยเครื่องมือทางการเงินที่เข้าใจธุรกิจเอสเอ็มอีเป็นอย่างดีในทุกส่วนของธุรกิจ โดยในการทำธุรกิจ จะมีเรื่องของ แหล่งเงินทุน บัญชีสำหรับธุรกิจโดยเฉพาะ และต้องสามารถติดตามรายงานของการเงินได้ง่าย และสะดวกสบาย นำเสนอในมุมที่เข้าใจผู้ประกอบการธุรกิจ รวมไปถึง เครื่องมือที่อำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า เพื่อให้ทุกการซื้อขาย เป็นไปได้อย่างราบรื่น
ttb พัฒนาผลิตภัณฑ์มาจากความต้องการของลูกค้าธุรกิจ จึงได้เตรียมเครื่องมือทางการเงินเพื่อธุรกิจไว้อย่างเข้าใจ ไม่ว่าจะเป็น
ttb business one ที่เป็น Platform ทางการเงิน ที่สามารถทำธุรกรรมจากทุกอุปกรณ์ไปที่ระบบเดียว รองรับการทำงานบนมือถือ เครื่องคอมพิวเตอร์ PC/Laptop และอุปกรณ์แท็บเล็ตต่าง ๆ และสามารถเรียกดูรายงาน กำหนดสิทธิ์ผู้เข้าใช้งานได้อย่างสอดคล้องกับธุรกิจ ยิ่งใช้คู่กับ ttb SME one bank บัญชีที่เข้าใจธุรกิจสามารถลดต้นทุนด้านค่าธรรมเนียม ลดต้นทุนสมุดเช็ค และสิทธิพิเศษอื่น ๆ ที่เหมาะกับการทำธุรกิจ
สำหรับการรับเงิน ttb smart shop เป็นแอปพลิเคชันจัดการร้านค้าที่สามารถชำระเงินผ่าน QR Code ได้ หรือ ttb quick pay ก็เป็นอีกผลิตภัณฑ์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อแก้ Pain point สำหรับ SME โดยผู้ประกอบการสามารถสร้างลิงก์ในการชำระเงิน และส่งผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น sms หรือช่องทาง chat ผ่าน social media ต่าง ๆ โดยลิงก์ที่สร้างขึ้นมาจะมีความปลอดภัยที่ลูกค้าและผู้ประกอบการมั่นใจได้ และลูกค้าได้รับความสบายใจสูงสุด
ที่มา :
finbiz by ttb โครงการเสริมความรู้ ต่อยอด เอสเอ็มอี สู่การเป็น Smart SME
ผ่านหลากหลายแพลตฟอร์ม พร้อมองค์ความรู้ที่ครบครัน จาก Partner
ชั้นนำทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน เพื่อให้ธุรกิจรับมือกับความเปลี่ยนแปลง
พร้อมปรับตัวในยุคดิจิทัล และเติบโตอย่างยั่งยืน
“ครบ จบในที่เดียว ปรับใช้ได้ง่าย ต่อยอดได้จริง สู่การเป็น Smart SME”
อัปเดตทุกดิจิทัลเทรนด์ และความรู้ดี ๆ ที่ SME ไม่ควรพลาด
เพียงแอดไลน์ @ttbSME หรือคลิกเพิ่มเพื่อน