กลยุทธ์สำคัญคือ การตอบสนองลูกค้าไว้ได้อย่างครอบคลุม รวดเร็ว ครบทุกความต้องการ โดยเฉพาะบนช่องทางออนไลน์ ก็ถือเป็นการสร้างความได้เปรียบกว่าคู่แข่ง เพราะหัวใจสำคัญของการซื้อสินค้าและบริการในทุกประเภท คือ การตอบสนองลูกค้าให้ “เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
คนไทยซื้อของในออนไลน์รายสัปดาห์สูงเป็นอันดับ 1 ของโลก
จากข้อมูล Insight Ecommerce ปี 2022 พบว่า ในเดือนมกราคม คนไทยซื้อของในออนไลน์รายสัปดาห์สูงเป็นอันดับ 1 ของโลก คิดเป็น 68.3%
โดยผู้ที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตในไทย อยู่ในช่วงอายุระหว่าง 16-64 ปี รองลงมาคือมาเลเซีย เกาหลีใต้ และเม็กซิโก ตามลำดับ ข้อมูลนี้เป็นการย้ำถึงสิ่งที่เจ้าของธุรกิจควรทำทันที คือการมีหน้าร้านที่เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมงแบบทางออนไลน์ ซึ่งหากเจาะลึกไปที่การซื้อขายออนไลน์ จะพบว่า การมีหน้าร้านออนไลน์ หรือมีรูปสินค้าให้ครบถ้วน ไม่ใช่กลยุทธ์สำคัญในยุคนี้อีกต่อไป แต่จะต้องกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดความต้องการให้ได้แบบชัดเจน ซึ่งสามารถทำได้ทันทีดังต่อไปนี้
เอาชนะคู่แข่ง เอาชนะสงครามเปรียบเทียบราคา ด้วย 11 ปัจจัยกลยุทธ์กระตุ้นการซื้อออนไลน์
ผลสำรวจทางการตลาดจาก Digital Stat 2022 ได้เปิดเผย 11 ปัจจัย ที่ได้ผล และช่วยเป็นตัวกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดความต้องการ อยากซื้อเพิ่มมากขึ้น และยังสามารถเอาชนะการเปรียบเทียบราคาได้ด้วย หากธุรกิจไหนวางกลยุทธ์ได้ครบตามปัจจัยดังนี้ เรียกได้ว่าปังเลยทีเดียว
1. การมีบริการส่งฟรี ทำให้ตัดสินใจซื้อมากที่สุดถึง 51.1%
ลูกค้าไม่ต้องการที่จะจ่ายเพิ่มเติมนอกเหนือจากราคาสินค้า ดังนั้น การส่งฟรี จึงเป็นการสร้างโอกาส ที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจมากที่สุดเป็นอันดับ 1 โดยเจ้าของธุรกิจอาจจะทำการบวกค่าส่งลงไปในสินค้าแล้ว หรือมีการคิดเผื่อในช่วงนี้แล้ว โดยอาจะใช้กลยุทธ์การซื้อยอดขั้นต่ำตามจำนวนที่กำหนดแล้วจะมี ส่งฟรีให้ ก็สามารถใช้ได้เช่นกัน
2. ”คูปองส่วนลด” สร้างพลังปิดการขายในออนไลน์ได้ถึง 39.2%
คูปองส่วนลดเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยสร้าง พลังแห่งการปิดการขาย ที่โดดเด่น ผลสำรวจบอกว่า ลูกค้ากว่า 39.2% พอใจสั่งซื้อกับร้านที่มีส่วนลดทันที โดยการลดของคูปองต้องมีความสมเหตุผล เจ้าของธุรกิจต้องออกแบบโครงสร้างที่ไม่เยอะจนเกินไป ทำให้ลูกค้าจับได้ว่า บวกเพิ่มไปก่อนและค่อยลดลงมา และคูปองนี้ยังช่วยให้เกิดความสนุก โดยทางจิตวิทยา คือ การทำให้เหมือนได้ชนะ ได้เพิ่ม แม้จะเป็นคูปองลดราคาเพียงแค่ไม่กี่สิบบาทก็ตาม
3. สินค้าที่มีการรีวิวการใช้งานจริง เห็นสินค้าจริง ทำให้ตัดสินใจซื้อกว่า 33.5%
ธรรมชาติของการซื้อนั้น คู่กับความน่าเชื่อถือ ยิ่งในช่องทางออนไลน์ สินค้าเห็นเพียงแค่ภาพ จับต้องไม่ได้ จึงมีความจำเป็นมาก ที่จะต้องทำให้เห็นถึงสินค้าจริง โดยอาจพูดถึงการใช้งาน ทำรีวิวในรูปแบบวีดีโอแบบเจ้าของธุรกิจทำเอง หรือจ้างอินฟลูเอนเซอร์ให้รีวิวให้ รวมทั้ง การมีคอมเมนต์จากลูกค้าเก่า ก็ช่วยเพิ่มการตัดสินใจให้ซื้อได้มากถึง 33.5% เรียกได้ว่าได้ผลมากและควรทำในทุกสินค้าและทุกบริการ
4. ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อ หากมีข้อเสนอ ‘ไม่พอใจส่งคืนได้’ 32.1%
แคร์เท่าไร ก็ซื้อมากเท่านั้น บ่อยครั้งที่ลูกค้าที่จะมองหาความเอาใจใส่จากแบรนด์ธุรกิจนั้น ๆ โดยในช่องทางออนไลน์นั้น หากธุรกิจนั้นมีข้อเสนอ ไม่พอใจส่งคืนได้ จะช่วยปิดการชายได้ง่ายขึ้น เพราะลูกค้าสัมผัสได้ถึงความใส่ใจ และในหลายครั้งจะพบว่าทุกสินค้ามักมีของที่มีตำหนิจากการผลิต บางครั้งแบรนด์ก็ไม่สามารถตรวจสอบได้อย่างทั่วถึง การให้สามารถส่งคืนมาได้นั้น เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อตัวเองและลูกค้า จึงเป็นส่วนที่ทุกร้านควรสร้างข้อเสนอนี้ขึ้นมาและใช้เป็นจุดขายได้ด้วย
5. กดสั่งซื้อให้จ่ายง่ายเพียงไม่กี่คลิก 29.5%
ความเร็ว และ ง่าย คือหัวใจของเครื่องมือช่องทางออนไลน์ที่ควรมีการทำการซื้อขาย เพราะจะช่วยลดความลังเลระหว่างการซื้อขายได้ลึกซึ้งถึงระดับอารมณ์ ทุกขั้นตอนควรจะเข้าใจง่าย ลูกค้าเข้าใจได้ด้วยตัวเอง เพียงไม่กี่คลิกก็ดูรายละเอียดพร้อมสั่งซื้อได้ทันที
การออกแบบการซื้อขายออนไลน์ที่ดีมี ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดคือ “การชำระเงินของลูกค้า” ควรมีการรองรับทุกช่องทางแบบ ทั้งการโอนเงิน รับบัตรเครดิต สแกนจ่าย ให้ครบทุกช่องทาง
6. ลูกค้าจะสั่งซื้อ ถ้ามีการการันตีวันที่ของจะส่งถึงบ้านในวันพรุ่งนี้ 29%
ความรวดเร็วในการขนส่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อกับร้านนั้น ๆ มากขึ้น โดยหากมีบริการการันตีของที่จะถึงอย่างรวดเร็วในวันถัดไป จะช่วยกระตุ้นความสั่งซื้อได้ ในส่วนนี้เจ้าของธุรกิจ อาจจะออกแบบการสั่งซื้อไว้แบบทั้งธรรมดา และด่วนมาก เพื่อให้ครอบคลุมกับความต้องการของลูกค้า
7. ร้านมีระบบสะสมแต้ม ลูกค้ามีโอกาสซื้อถึง 25.9%
หากร้านค้านั้น ๆ มีโปรแกรมการสะสมแต้ม จะช่วยสร้างประสบการณ์ที่ ให้ลูกค้ารู้สึกว่าเขาไม่ได้ซื้อแบบสูญเปล่า คุ้มค่าที่จะซื้อซ้ำ ๆ เพื่อแลกของฟรี หรือส่วนลด ตามสิทธิ์ต่าง ๆ ได้ ช่วยสร้างความ loyalty ในการกลับมาซื้อครั้งต่อไปด้วย
8. มี engagement ด้วยยอดคอมเมนต์หรือไลค์สูง จะปิดการขายได้ถึง 22.1%
สินค้าหรือโพสต์การขายที่มี ยอดไลค์และคนมา engagement เยอะ จะช่วยสร้างบรรยากาศการขายที่น่าสนใจ เปรียบเหมือนไปตลาดแล้วมีความมุงร้านนี้เยอะ ทำให้คนอยากเข้าไปดูและมั่นใจมากกว่า ซึ่งจะสามารถช่วยปิดการขายได้ถึง 22.1% โดยการจะเพิ่ม engagement นั้น การทำคอนเทนต์หรือโพสต์งานขายควรให้มีความน่าสนใจในคนหมู่มาก อาจจะไม่ใช่แค่เพียงลูกค้า แต่เป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลกับลูกค้าเป้าหมายของเรา ก็เป็นอีกกลยุทธ์ที่น่าสนใจ
9. ลูกค้าจะซื้อหากแบรนด์ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม 20.6%
ลูกค้ายุคนี้ ตระหนักถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม สิ่งที่จะสะท้อนเนื้อแท้ของแบรนด์นั้นคือความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม จะช่วยสร้างโอกาสในการปิดการขายได้เพิ่มขึ้น โดยอาจจะมีโครงการช่วยเหลือสังคม หรือมีการใช้แพ็กเกจจิ้งที่รักษ์โลก เป็นต้น
10. เก็บเงินปลายทางได้ 18%
พฤติกรรมการซื้อมีหลายแบบ รวมถึงการจ่ายเงิน ธุรกิจไหนที่มีสร้างทางเลือกการจ่ายเงินหลากหลาย แบบที่ครบถ้วน ตามความต้องการ จะมีโอกาสที่ลูกค้าจะซื้อกับร้านนั้นมากกว่า “การเก็บเงินปลายทาง” คือหนึ่งในสิ่งที่ควรมี เพราะพฤติกรรมของลูกค้าบางกลุ่ม ยังคงต้องการ ได้รับของก่อนถึงจะค่อยจ่ายเงิน และการเก็บเงินปลายทางยังแสดงออกถึงความจริงใจ และความซื่อสัตย์ที่ลูกค้าจะสัมผัสได้อีกด้วย
11. มีปุ่มซื้อบนโซเชียลมีเดีย 12.7%
ถ้าเห็นแล้วอยากได้ มีโอกาสสูงที่ลูกค้าจะกดซื้อทันที เพื่อฉวยโอกาสนี้ เจ้าของธุรกิจ จึงต้องสร้างปุ่มกดซื้อเพื่อสั่งได้ง่าย ไม่ต้องตามหาว่าจะกดซื้อตรงไหน และจะต้องชำระได้เลยทันที ทั้งหมดนี้คือกลยุทธ์การจัดการร้านค้าออนไลน์ที่ทรงประสิทธิภาพที่เจ้าของธุรกิจไม่ควรพลาดในยุคดิจิทัล
มีเครื่องมือด้านการรับชำระเงินที่ดี มีชัยไปกว่าครึ่ง
ส่วนหนึ่งของการประสบความสำเร็จกับกลยุทธ์ทั้ง 11 นี้จะพบว่าหากมีเครื่องมือช่วยเหลือในการชำระเงินที่สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ก็จะช่วยเติมเต็มให้การค้าทั้งออนไลน์และออฟไลน์ให้สมบูรณ์และแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ยิ่งเป็นร้านค้าออนไลน์ ที่มีหน้าร้านค้าแบบออฟไลน์ด้วยนั้น ยิ่งได้เปรียบ ซึ่งส่วนหนึ่งที่สำคัญก็คือ ขั้นตอนของการรับชำระเงินค่าสินค้า
finbiz by ttb ขอเสนอบริการกลุ่มบริการ Digital Collections ที่ตอบโจทย์ของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี อาทิเช่น
- ช่วยให้ร้านค้า มีช่องทางรับชำระที่หลากหลาย สามารถรับได้ทั้งเงินสด เงินโอน บัตรเครดิต และบัตรเดบิต การชำระผ่าน QR Code หรือการใช้ลิ้งก์ชำระเงินแบบออนไลน์
- ลดการสัมผัสเงินสด บัตรเครดิต และบัตรเดบิต ที่อาจเป็นสาเหตุของการแพร่ระบาดของเชื้อโรคต่าง ๆ ช่วยให้พนักงานและลูกค้าปลอดภัยยิ่งขึ้น
- ลดความเสี่ยงของการทุจริตภายในสำหรับการรับเงินสด
- มีระบบช่วยสรุปยอดรายวัน สามารถเห็นยอดรวมรายรับจากหลายช่องทาง ใช้เวลาน้อย มีความถูกต้อง และตรวจสอบได้
- สามารถรับชำระเงินได้ตลอด 24 ชั่วโมง
กลุ่มบริการ Digital Collections จาก ttb
กลุ่มบริการเรียกเก็บเงินผ่านช่องทางดิจิทัล หรือเรียกอีกอย่างได้ว่า Digital Collections Solutions ที่จะช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในการบริหารจัดการการรับชำระเงินค่าสินค้าและบริการด้วยช่องทางที่หลากหลาย ลดการเสียโอกาสเรื่องข้อจำกัดในการรับชำระเงิน และรับรายงานยอดรายรับอย่างรวดเร็ว ซึ่งประกอบด้วย
เครื่องรับชำระเงิน ที่รับได้ทั้งบัตรเครดิต และเดบิต จากทุกประเทศทั่วโลก ด้วย QR Payment หรือการชำระผ่าน E-Wallet ที่มีการโอนเงินเข้าบัญชีร้านค้าในวันถัดไป เครื่องรูดบัตร ทีทีบี ยังสามารถให้บริการแบบไร้สัมผัส สะดวก และลดการสัมผัสบัตรระหว่างลูกค้าและพนักงานที่อาจมีความเสี่ยงทั้งในด้านความปลอดภัยทางข้อมูลและด้านสุขอนามัย
ให้ร้านค้าสามารถใช้ QR Code ในการรับชำระเงินจากทุกธนาคาร และสามารถรับเงินได้จากหลายสาขาของหน้าร้านค้า เข้าบัญชีทันที พร้อมระบบแจ้งเตือนเมื่อมีเงินเข้าบัญชี และยังสามารถจัดการสิทธิ์ในการเข้าระบบสำหรับพนักงานหน้าร้านค้าได้อีกด้วย
บริการรับชำระเงินผ่านบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต ผ่านลิ้งก์ชำระเงินแบบออนไลน์ โดยไม่ต้องเดินทางมาที่หน้าร้าน หรือจุดรับชำระเงิน สามารถชำระได้รวดเร็วผ่านลิ้งก์ ให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยที่ร้านค้าไม่จำเป็นต้องมีหน้าเว็บไซต์ เพียงส่งลิงค์ผ่าน SMS, Email หรือบน Social Media Platform ไม่ว่าจะเป็น LINE, Facebook Message ได้ง่ายๆ นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบการชำระได้ทันทีที่ลูกค้าปลายทางชำระเรียบร้อยแล้ว
บริการเรียกเก็บค่าสินค้าและบริการ รวมถึงการชำระเงินผ่านระบบออนไลน์ โดยระบบของธนาคารจะจัดเตรียมใบแจ้งหนี้ และจัดส่งเอกสารให้ลูกค้าทาง SMS / Email โดยสามารถเลือกแบบจัดส่งทีละรายการหรือจัดส่งแบบเป็นชุดข้อมูล เพิ่มความสะดวกสบาย และทราบผลการชำระเงินทันทีพร้อมส่งหลักฐานยืนยันการรับชำระเงินให้กับคู่ค้า
เวลาทำการที่ไม่จำกัดเวลาทำการ ด้วยช่องทางออนไลน์
คือคำตอบที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าในยุคนี้ ด้วยสินค้าที่คุณภาพดีมีอยู่เต็มท้องตลาด ราคาที่เกิดการแข่งขันอย่างรุนแรง
ธุรกิจที่ยังสำเร็จได้ คือการคงไว้ด้วย ความรวดเร็ว ง่าย และครอบคลุม
ที่มา :
finbiz by ttb โครงการเสริมความรู้ ต่อยอด เอสเอ็มอี สู่การเป็น Smart SME
ผ่านหลากหลายแพลตฟอร์ม พร้อมองค์ความรู้ที่ครบครัน จาก Partner
ชั้นนำทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน เพื่อให้ธุรกิจรับมือกับความเปลี่ยนแปลง
พร้อมปรับตัวในยุคดิจิทัล และเติบโตอย่างยั่งยืน
“ครบ จบในที่เดียว ปรับใช้ได้ง่าย ต่อยอดได้จริง สู่การเป็น Smart SME”
อัปเดตทุกดิจิทัลเทรนด์ และความรู้ดี ๆ ที่ SME ไม่ควรพลาด
เพียงแอดไลน์ @ttbSME หรือคลิกเพิ่มเพื่อน