ธุรกิจที่ยังไปได้สวยต่อเนื่องจากปีที่แล้ว
“ธุรกิจบริการทางการแพทย์และความงาม” และ “ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ” ครองแชมป์ต่อเนื่อง 2 ปี ติด ๆ ทั้งใน 2021 และ 2022 และในปีนี้เองก็ยังไปได้สวย กลุ่มธุรกิจที่มาแรงเมื่อปีที่แล้วและยังคงน่าสนใจต่อเนื่อง ได้แก่ 1)นวัตกรรมประหยัดพลังงาน 2) E-Commerce & Digital Services 3)Health & Wellness 4)อาหารทางเลือก ออแกนิก วีแกน โปรตีนทางเลือก ซึ่งมีรายละเอียดเพิ่มเติมอย่างไรมาติดตามกัน
เริ่มกันด้วยข้อมูลจาก ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (ttb Analytics) ในกลุ่มของ Health & Wellness พบว่านับตั้งแต่ปลายปี 2021 เป็นต้นมา ที่ภาครัฐผ่อนคลายเปิดประเทศให้ชาวต่างชาติเข้ามาในประเทศไทยได้ รวมถึงแรงงานต่างด้าวถูกกฎหมายในระบบประกันสังคมที่อยู่กับโรงพยาบาลเอกชนจำนวนกว่า 9.6 แสนคน ทำให้รายได้ของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนในตลาดชาวต่างชาติภาพรวมฟื้นตัวขึ้น โดยคาดการณ์ว่าจากปัจจัยต่าง ๆ จะทำให้ในปี 2023 รายได้ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนภาพรวมจะเติบโตได้ 8-10%
มาต่อกันด้วยกลุ่มของนวัตกรรมประหยัดพลังงานต่าง ๆ อย่างโซลาร์รูฟท็อป ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากเมื่อกลางปีที่ผ่านมาที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศปรับอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) เพิ่มขึ้นอีก 68.66 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 4.72 บาทต่อหน่วยในงวดเดือนกันยายน ถึง ธันวาคม 2022 ซึ่งถือเป็นอัตราที่สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2015 ผู้ประกอบการหันมาทำธุรกิจติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์สำหรับภาคครัวเรือนและธุรกิจ SME หลังค่าไฟยังมีแนวโน้มพุ่งสูงต่อเนื่องและระยะเวลาคืนทุนเร็วขึ้น ส่งผลให้ตลาดโซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop) ในประเทศเติบโตอย่างก้าวกระโดดเฉลี่ยปีละ 22% หรือแตะระดับ 6.7 หมื่นล้านบาทในปี 2025
ประกอบกับข้อมูลจากศูนย์สร้างสรรค์การออกแบบ หรือ TCDC ที่ได้ให้ข้อสรุปกับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ได้รับสัญญาณการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจไว้ก็มีความสอดคล้องกัน
เทรนด์มาแรงปีนี้ เกาะติดเทรนด์ไว้ โอกาสไม่ไกลเกินเอื้อม
จากเทรนด์ที่ยังคงมาแรงต่อเนื่อง และเพิ่มเติมด้วยเทรนด์ที่ในปีที่แล้วก็แรงพอตัวอยู่แต่ไม่ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาเท่าไหร่ เพราะยังไม่ค่อยชัดเจน ในปี 2023 นี้เอง ก็จะยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ และเทรนด์ที่จะแรงในปี 2023 นี้ ได้แก่
- สุขภาพ ความเป็นอยู่ที่ดี อาหารที่มีประโยชน์ ซึ่งก็คือกลุ่ม Health & Wellness
- การค้าปลีก รวมถึง e-commerce นี่คือเทรนด์ที่แน่นอนว่าการค้าปลีก และ e-commerce แทบไม่สามารถแยกออกจากกันได้แล้ว
- นวัตกรรมประหยัดพลังงาน การประหยัดพลังงานยังคงมาแรง เนื่องจากความต้องการใช้พลังงาน และการเปลี่ยนแปลงของราคาทรัพยากร
- “Petriarchy” หรือที่เรียกกันว่า “ทาสหมา ทาสแมว” ชัดเจนขึ้นต่อเนื่องเรื่อย ๆ จากในระยะ 2-3 ปีหลังมานี้ ซึ่งในปีนี้ เราจะเห็นอะไร ๆ ที่ชัดเจนขึ้นอีก
- การดำเนินชีวิตแบบอิสระ หลุดจากการที่ถูกจำกัดอยู่นาน เช่น การท่องเที่ยว และธุรกิจบริการอื่น ๆ เป็นเทรนด์พฤติกรรมต่อเนื่องจากการหลุดพ้นจากพันธนาการด้วยความกลัวต่อความไม่รู้ทันโรคอุบัติใหม่
ต่อจากเทรนด์ธุรกิจปี 2022 จะพบว่าในปี 2023 ก็ยังคงมีความแรงต่อเนื่อง โดยในปี 2023 จะมีมุมของความยั่งยืน การรักษ์โลก และการรวมกันของธุรกิจ เพราะแยกออกจากกันไม่ได้ไปแล้ว เช่น เราไม่สามารถแยกการค้าปลีกออกจาก e-commerce ได้อีกต่อไป เราไม่สามารถแยกนวัตกรรมการประหยัดพลังงานออกจากชีวิตประจำวันได้ รวมถึงเรื่องราวของการกลับมาของการใช้ชีวิตอีกครั้ง
โอกาสทางธุรกิจจากเทรนด์ปี 2023
จากเทรนด์ปี 2023 จะทำให้ผู้ประกอบการเห็นช่องทางในการประกอบธุรกิจทั้งธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทรนด์โดยตรง หรือธุรกิจที่เป็นส่วนหนึ่งของเทรนด์นั้น ๆ ก็มีโอกาสเช่นเดียวกัน
- ธุรกิจด้านสุขภาพและความงาม ที่เป็นดาวเด่นอยู่ก่อน ในปี 2023 มีปัจจัยให้เด่นขึ้นอีก จากเดิมที่สินค้าก็ได้รับการตอบรับที่ดีอยู่แล้วเพราะผู้บริโภคสามารถจับจ่ายสินค้าเพื่อนำไปใช้ดูแลสุขภาพตัวเองที่บ้าน ในปีนี้ธุรกิจบริการด้านสุขภาพที่ต้องเอาตัวออกมานอกบ้านก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นอีก เช่น สปา นวดไทย นวดหน้า บริการด้านส่งเสริมรูปร่างและความงาม คลินิกศัลยกรรม ฟิตเนส เพราะผู้คนเชื่อว่า ตนเองสามารถดูแลตัวเองให้ลดความเสี่ยงและจัดการกับโควิดได้ เข้าใจความเป็นไปของโรคมากขึ้นจึงกล้าที่จะใช้ชีวิตนอกบ้านอย่างเต็มรูปแบบแต่มีความระมัดระวัง
- ธุรกิจที่เกี่ยวกับอาหารที่มีประโยชน์ ซึ่งรวมถึงประโยชน์ต่อสุขภาพ และประโยชน์ต่อโลก กลุ่มร้านอาหารเพื่อสุขภาพ เครื่องปรุงคุณภาพเช่นกลุ่มโซเดียมต่ำหรืออื่น ๆ โปรตีนจากพืช อาหารสุขภาพตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ รวมไปถึงอาหารที่ไม่ทำร้ายโลก เช่น ธุรกิจอาหารที่มีการเลี้ยงสัตว์ที่นำมาผลิตอาหารที่ลดก๊าซมีเทน ธุรกิจอาหารที่ได้มาจากการปลูกพืชที่ไม่ได้เกิดจากการเผาไร่ หรือทำลายผิวดิน อาหารที่ลดการใช้สารเคมีทั้งในอาหารและในแง่ของการทิ้งสารเคมีไว้ให้สิ่งแวดล้อม
- ธุรกิจการค้าปลีกทั้งออนไลน์และออฟไลน์ การใช้แพลตฟอร์มเพื่อการค้าออนไลน์ร่วมกับการมีหน้าร้านแบบออฟไลน์ แบบ omni channel จากการได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการแพร่ระบาดของโรคโควิดอย่างยาวนาน จนติดเป็นนิสัยที่ผู้บริโภคจะค้นหาสินค้าแบบออนไลน์ และจากการศึกษา journey ผู้บริโภคสมัยใหม่จำนวนไม่น้อยที่ยังไม่ตัดสินใจซื้อสินค้าในทันที ยังจะออกมาสัมผัสสินค้าตัวจริงที่อยู่บนหน้าร้านแบบออฟไลน์ก่อนจะไปตัดสินใจซื้ออีกทีบนออนไลน์ หรือจำนวนหนึ่งก็ตัดสินใจซื้อที่หน้าร้านแบบออฟไลน์ ดังนั้นในปี 2023 นี้ธุรกิจร้านค้าปลีกต่าง ๆ ต้องพร้อมที่รองรับการจับจ่ายของลูกค้าทุกรูปแบบ
- ธุรกิจกลุ่มนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ช่วยให้ประหยัดพลังงานและลดการปล่อยมลพิษ เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และธุรกิจที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เช่น แบตเตอรี่ เหล็ก กลุ่มนวัตกรรมประหยัดพลังงานอื่น ๆ เช่น แผงโซลาร์ อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดพลังงาน เซ็นเซอร์ที่ใช้ในครัวเรือน เช่น เซ็นเซอร์เปิดปิดไฟอัตโนมัติเชื่อมต่ออุปกรณ์สมาร์ทโฟน เพื่อสร้างความเหมาะสมในการใช้พลังงานในบ้าน เทคโนโลยีที่ส่งเสริมการเป็น smart home รวมไปถึงงานบริการที่เกี่ยวกับการออกแบบติดตั้งระบบนวัตกรรมประหยัดพลังงานเพื่อโลกและคุณภาพชีวิต
- ธุรกิจสุขภาพและคุณภาพชีวิตของสัตว์เลี้ยง จากการสำรวจของ Morgan Stanley Research ที่ระบุว่า เกือบ 70% ของผู้เลี้ยงสัตว์ปัจจุบันให้ความสำคัญเสมือนเป็นสมาชิกในครอบครัว ดังนั้นธุรกิจทั้งหมดที่เกี่ยวกับคุณภาพชีวิตของสัตว์เลี้ยงจึงมีโอกาสที่จะเติบโต ซึ่งรวมการ กิน อยู่ นอน ขับถ่าย พักผ่อน ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยง ธุรกิจอาหารสัตว์คุณภาพสูง อุปกรณ์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง แชมพูดูแลขน ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพฟัน ของเล่น เสื้อผ้า ที่นอน ที่ให้อาหารอัตโนมัติ บริการสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร แบบ pet friendly รวมถึงกิจกรรมสัตว์เลี้ยง เช่น สถานที่สำหรับสัตว์ได้วิ่งเล่น สระว่ายน้ำสำหรับสัตว์เลี้ยง เป็นต้น
- ธุรกิจท่องเที่ยว ขนส่งผู้โดยสาร ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจเพื่อความบันเทิง จากการคาดการณ์ของ ททท. ที่คาดว่าการท่องเที่ยวจะกลับมาเกือบเหมือนปกติก่อนโควิด ดังนั้น กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวกับการออกไปนอกบ้านของผู้คนทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางออกไปท่องเที่ยวใกล้หรือไกล การขนส่ง ธุรกิจรถเช่า ธุรกิจที่เกี่ยวกับ การทำกิจกรรมบันเทิงและสันทนาการใด ๆ การพักผ่อน การรับประทานอาหาร กลุ่มนี้ล้วนมีโอกาสในปี 2023 ที่กำลังจะมาถึง
SME ต้องเตรียมตัวให้พร้อม เมื่อโอกาสมาถึง...
เมื่อผู้ประกอบการเห็นโอกาสในการทำธุรกิจจากเทรนด์ที่กำลังจะมาถึงแล้ว ซึ่งมีสิ่งหนึ่งที่สำคัญและขาดไปเสียไม่ได้ในยุคนี้ ก็คือการทำให้ธุรกิจของเราสามารถมีตัวตนทั้งบนโลกจริงและบนโลกออนไลน์ เราจะพบว่าปัจจุบันลูกค้าตัดสินใจที่จะจับจ่ายใช้สอยทั้งบนโลกจริงและโลกออนไลน์แบบไร้รอยต่อ สามารถกระโดดออกจากโลกออนไลน์มาที่หน้าร้านค้าและทำการซื้อขายทันที หรือตัดสินใจซื้อตั้งแต่บนโลกออนไลน์ตั้งแต่ต้น หรือจะกระโดดไปมาก่อนที่จะตัดสินใจซื้อบนที่ใดที่หนึ่งได้โดยไม่จำกัดรูปแบบ ดังนั้น ร้านค้า หรือธุรกิจที่มีความพร้อมกว่าก็จะสร้างความได้เปรียบโดยสามารถปิดการขายได้ทันทีเมื่อลูกค้าตัดสินใจ ไม่ว่าจะอยู่บนโลกออนไลน์หรือที่หน้าร้านก็ตาม เครื่องมือทางการเงินจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะสร้างโอกาสได้ทันท่วงทีที่ลูกค้ามีการตัดสินใจ
การมีช่องทางชำระเงินที่หลากหลายโดยใช้ผลิตภัณฑ์จากธนาคารเข้ามาช่วยจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี โดย ทีทีบี มีกลุ่มบริการ เรียกเก็บเงินผ่านช่องทางดิจิทัล หรือ Digital Collections จาก ttb ที่จะสนับสนุนให้ธุรกิจเอสเอ็มอีสามารถรองรับการจับจ่ายผ่านระบบดิจิทัลได้อย่างไร้รอยต่อ
เครื่องรับชำระเงิน ที่รับได้ทั้งบัตรเครดิต และเดบิต จากทุกประเทศทั่วโลก ด้วย QR Payment หรือการชำระผ่าน E-Wallet
ที่มีการโอนเงินเข้าบัญชีร้านค้าในวันถัดไป เครื่องรูดบัตร ทีทีบี ยังสามารถให้บริการแบบไร้สัมผัส สะดวก
และลดการสัมผัสบัตรระหว่างลูกค้าและพนักงานที่อาจมีความเสี่ยง
ให้ร้านค้าสามารถใช้ QR Code ในการรับชำระเงินจากทุกธนาคาร และสามารถรับเงินได้จากหลายสาขาของหน้าร้านค้า เข้าบัญชีทันที
พร้อมระบบแจ้งเตือนเมื่อมีเงินเข้าบัญชี และยังสามารถจัดการสิทธิ์ในการเข้าระบบสำหรับพนักงานหน้าร้านค้าได้อีกด้วย
บริการรับชำระเงินผ่านบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต ผ่านลิงก์ชำระเงินแบบออนไลน์ โดยไม่ต้องเดินทางมาที่หน้าร้าน
หรือจุดรับชำระเงิน สามารถชำระได้รวดเร็วผ่านลิงก์ ให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยที่ร้านค้าไม่จำเป็นต้องมีหน้าเว็บไซต์
เพียงส่งลิงก์ ผ่าน SMS, Email หรือบน Social Media Platform ไม่ว่าจะเป็น LINE, Facebook Message ได้ง่ายๆ
นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบการชำระได้ทันทีที่ลูกค้าปลายทางชำระเรียบร้อยแล้ว
การรับชำระเงินผ่านช่องทางดิจิทัล หรือ Digital Collections จาก ทีทีบี นอกจากจะเป็นการเพิ่มช่องทางรับเงินให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ซื้อที่หลากหลาย และเพิ่มความสะดวก รวดเร็วให้ทั้งผู้ประกอบการและลูกค้าผู้ซื้อด้วยแล้ว ยังสามารถรับชำระเงินได้ตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยดูแลรายรับอย่างเป็นระบบ มีรายงานที่จำเป็นครบถ้วน นอกจากนี้จะช่วยให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างไร้รอยต่อบนโลกยุคดิจิทัล และเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยเสริมศักยภาพให้ผู้ประกอบธุรกิจเอสเอ็มอี ไม่พลาดโอกาสในการเดินหน้าต่อยอดธุรกิจอย่างเต็มประสิทธิภาพ ให้สามารถเติบโตอย่างยั่งยืนแข็งแกร่งได้
ที่มา :
finbiz by ttb โครงการเสริมความรู้ธุรกิจ
ผ่านหลากหลายแพลตฟอร์ม พร้อมองค์ความรู้ที่ครบครัน จาก Partner
ชั้นนำทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน เพื่อให้ธุรกิจรับมือกับความเปลี่ยนแปลง
พร้อมปรับตัวในยุคดิจิทัล และเติบโตอย่างยั่งยืน
“ครบ จบในที่เดียว ปรับใช้ได้ง่าย ต่อยอดได้จริง สู่การเป็น Smart SME”
อัปเดตทุกดิจิทัลเทรนด์ และความรู้ดี ๆ ที่ SME ไม่ควรพลาด
เพียงแอดไลน์ @ttbSME หรือคลิกเพิ่มเพื่อน