หยุดช้อปไม่ได้แต่อยากมีเงินเก็บ ต้องเริ่มอย่างไร?

ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหน ย่อมไม่มีอะไรหยุดยั้งนักช้อปได้ ยิ่งในช่วงที่ต้องอยู่บ้านกันทั้งวันแบบนี้ เมื่อปล่อยให้โทรศัพท์มือถืออยู่ในมือนักช้อป จู่ ๆ ข้าวของเครื่องใช้ที่เคยใช้ได้ดีไม่มีปัญหาก็เริ่มไม่เพียงพอต่อความต้องการ

เสื้อเริ่มไม่มีใส่ทั้งที่มีอยู่เต็มตู้ หน้าจอทีวีที่เคยดูชัดเจนใหญ่โตก็กลับเล็กลงเมื่อเจอจอที่ใหญ่กว่าคมชัดกว่า

ก็การนั่งดูสินค้าต่าง ๆ ช่วงอยู่บ้านเป็นความเพลิดเพลินอย่างหนึ่ง และจะมีความสุขมากเมื่อได้กดสั่งซื้อพร้อมรอคอยการมาถึงอย่างมีความหวัง …นี่แหละ หน้าตาของความสุข!

แต่ความสุขจากการช้อปปิ้งก็ต้องแลกมาด้วยรายจ่ายซึ่งเป็นอุปสรรคสำหรับคนที่อยากจะมีเงินออม

จะดีกว่าไหมถ้าเรามีความสุขกับการซื้อของและมีความมั่งคงทางการเงินไปพร้อม ๆ กัน ด้วยการมีเงินเก็บ วันนี้เราชวนมาดู 5 เคล็ดลับการออมเงินสำหรับนักช้อป เพื่อไม่ให้ความสุขในการช้อปหายไป และมีเงินออมเหลือเก็บได้ตามเป้าหมาย

1 : Challenge ตัวเองทุกการช้อป

การตั้งโจทย์ หรือ Challenge ต่าง ๆ ให้ตัวเองเป็นวิธีการเพิ่มแรงผลักดันให้เราอยากเอาชนะขีดจำกัดของตัวเอง และการทำตามโจทย์ที่ตั้งไว้สำเร็จ ยังทำให้เรามีความเชื่อมั่นในตัวเองและเกิดแรงบันดาลใจในชีวิตอีกด้วย เราอาจจะเริ่มจากการตั้งโจทย์ให้ตัวเอง เช่น ก่อนจะซื้อของต้องเก็บเงินเข้าบัญชีไปเลยครั้งละ 500 บาท หรือ ออมเงิน 50 % ของราคาสินค้า หรือที่ง่ายที่สุดคือกำหนดวงเงินการช้อปไปเลย โดยเป็นเงินก้อนที่ถูกหักไปจากค่าใช้จ่ายรายเดือน และจากเงินออมไปแล้ว 30% เหลือเงินเท่าไหร่ก็ใช้ช้อปได้เต็มที่โดยไม่รู้สึกผิด

2 : เลือกซื้อให้ถูกเวลา

เลี่ยงการช้อปปิ้งในช่วงต้นเดือนหลังจากวันเงินเดือนออก เพราะตัวเลขในบัญชีช่วงต้นเดือนอาจทำให้ช้อปเพลินจนเกินงบได้ และอาจมีค่าใช้จ่ายฉุกเฉินโผล่ขึ้นกลางเดือน หากเราใช้เงินหมดไปกับการช้อปปิ้งแล้ว อาจทำให้เกิดปัญหาจนต้องดึงเงินเก็บมาใช้แทน ข้อดีของการช้อปสิ้นเดือนนอกจากจะไม่กระทบเงินเก็บแล้ว ยังเป็นช่วงเวลาที่ร้านค้าออกโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมมาดึงดูดผู้ซื้อ ไม่ต่างจากโปรโมชัน 1.1 หรือ 3.3 ช่วงต้นเดือนเลย อดใจรออีกหน่อยให้แน่ใจแล้วว่ามีเงินเหลือจริง ๆ ค่อยช้อปเป็นวิธีที่ปลอดภัยกว่า แถมยังได้ประโยชน์จากสินค้าราคาคุ้มค่า และข้อเสนอพิเศษต่าง ๆ อีกด้วย

อีกหนึ่งเวลาที่ดูดเงินเราไปอย่างไม่รู้ตัวเลยก็คือ ช่วงเวลาที่เราไถมือถืออยู่บนเตียงก่อนนอน ซึ่งเป็นเวลาที่เราสบายใจ ปล่อยตัวปล่อยใจจากความเหนื่อยทั้งวันได้มากที่สุด ถ้าหากเราเลือกซื้อของตอนนี้จะตัดสินใจซื้อได้ง่าย เพราะกำลังสบายใจสบายตัว เลือกไว โอนไว หลับสบาย แต่เสียเงินอย่างไม่รู้ตัวเลย เพราะฉะนั้นพยายามหลีกเลี่ยงการช้อปปิ้งก่อนนอนจะดีกว่า

3 : กฎ 3 วัน

ก่อนจะตัดสินใจกดสั่งซื้อและชำระเงิน ลองหยุดคิดก่อนสักนิด ทบทวนดูก่อนว่าเป็นสิ่งที่เราจำเป็นต้องใช้จริง ๆ ไหม ตอนนี้มีสิ่งที่จำเป็นกว่าที่ควรจะเก็บเงินไปซื้อหรือไม่ และพิจารณาความต้องการของเราด้วยว่าเราต้องการสิ่งนั้นจริงหรือเปล่า รอเวลาให้ผ่านไป 3 วันแล้วตัดสินใจอีกครั้ง วิธีนี้จะช่วยให้เรามีสติในการซื้อ และไม่ต้องมาเสียใจทีหลังว่าใช้เงินไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็น

ถ้าปล่อยเวลา 3 วันแล้วยังอยากได้ ลองคิดถึงคุณภาพและการใช้งานในระยะยาวของสินค้า ทบทวนดูว่าสินค้าใช้ได้นานแค่ไหน มีคุณภาพหรือเปล่า ที่สำคัญคืออย่าคิดแค่ว่าราคาถูกแล้วจึงรีบซื้อ ถ้าทบทวนดูแล้วผ่านทุกข้อ และยังอยู่ในงบเงินช้อปก็จัดการสั่งซื้อได้เลย

4 : เทียบราคาหลาย ๆ ร้านก่อนซื้อ

หากตัดสินใจซื้อแล้ว อย่าเพิ่งรีบกดซื้อจากร้านแรกที่ขึ้นมา ลองดูหลายๆ ร้าน หลาย ๆ แอปพลิเคชัน เพื่อเปรียบเทียบราคาของสินค้า เพราะถึงจะเป็นสินค้าแบบเดียวกัน แต่ละร้านอาจจะมีการตั้งราคาและมีข้อเสนอที่ต่างกันได้ และนี่คือข้อดีของการช้อปปิ้งออนไลน์ที่เราควรนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ เพราะมันเปิดโอกาสให้เราเปรียบเทียบราคาได้ง่ายและสะดวกกว่า โดยไม่ต้องเดินทางไปมาหลายร้าน

นอกจากเรื่องราคาแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เราควรตรวจสอบคือความน่าเชื่อถือของร้าน พยายามเลือกร้านที่เชื่อถือได้ เช่น เคยมีผู้ซื้อแล้ว และมีรีวิวสินค้าที่ได้รับชัดเจน พยายามอ่านรีวิวจากลูกค้าของร้านในหลาย ๆ ด้าน ก่อนจะตัดสินใจซื้อ ทั้งด้านการบริการและคุณภาพสินค้า เช่น ผู้ขายส่งสินค้าได้อย่างปลอดภัยไหม สินค้าชำรุดหรือมีตำหนิหรือเปล่า สามารถคืนสินค้า หรือมีการรับประกันไหม เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาภายหลังให้มากที่สุด และทำให้เงินที่เราจ่ายไปไม่เสียเปล่า

5 : เลือกวิธีจ่ายเงินให้ปลอดภัย

ควรใช้จ่ายตามจำนวนเงินที่เรามีเท่านั้น แนะนำให้ใช้วิธีจ่ายเงินสดปลายทาง, โอนผ่านแอปพลิเคชันธนาคาร ชำระผ่านบัตรก็ขอให้ตัดบัตรเดบิต ที่ตัดเงินจากบัญชีของเราโดยตรงเป็นหลัก หมดแล้วหมดเลยไม่สามารถใช้เกินได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ใช้เงินอนาคตมากเกินควรจนเกิดหนี้สิน อย่าลืม ศึกษาสิทธิ์ประโยชน์ต่าง ๆ ที่เราได้จากบัตร ไม่ว่าจะเป็นแต้มจากการใช้จ่ายที่สามารถแลกเป็นเงินได้ หรือโปรโมชั่นที่บัตรของเราทำร่วมกับแบรนด์ต่าง ๆ เพื่อให้เราใช้จ่ายอย่างคุ้มค่าและได้รับสิทธิ์ประโยชน์เต็มที่ หรือ ยิ่งเลือกบัตรที่มีประกันคุ้มครองการช้อปออนไลน์ด้วยยิ่งดี

ถ้าลองอ่านข้อที่ 1 ดี ๆ จะรู้ว่า เรายังมีโอกาสเก็บเงินได้มาก ไปพร้อมกับได้ของที่อยากได้ไปด้วย เงินส่วนที่เป็นเงินเก็บ อย่าลืมเลือกฝากในบัญชีที่ทำเงินให้งอกเงยได้เร็วกว่าเดิมด้วยนะ

หวังว่านักช้อปทุกคนจะมีความสุขกับการใช้จ่ายจากเคล็ดลับทั้ง 5 ข้อนี้ เพราะเมื่อเรามั่นใจว่าได้ใช้เงินอย่างคุ้มค่า เมื่อมองไปที่บัญชีเงินฝากยังมีเงินก้อนนอนอุ่นๆ ให้เราได้อุ่นใจ ของก็ได้ เงินเก็บก็มี แบบนี้แหละหน้าตาความสุขที่แท้จริงว่าไหม?