ในยุคที่เศรษฐกิจผันผวน การพึ่งพารายได้จากแหล่งเดียวอาจไม่เพียงพอสำหรับการจับจ่ายในชีวิตประจำวัน หลายคนจึงมองหาวิธีสร้างรายได้เสริมที่ไม่ต้องลงแรงมากนัก นั่นคือที่มาของแนวคิด "Passive Income" หรือรายได้แบบอัตโนมัติ ที่สามารถสร้างรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอโดยไม่ต้องทำงานตลอดเวลา
วันนี้เราจะพาคุณมาเจาะลึกวิธีการสร้าง Passive Income 6 รูปแบบที่น่าสนใจ พร้อมข้อดีและข้อควรระวัง เพื่อให้คุณสามารถเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองได้อย่างชาญฉลาด
Passive Income คืออะไร
Passive Income หรือรายได้แบบอัตโนมัติ คือรายได้ที่เราได้รับโดยไม่ต้องทำงานหรือลงแรงมากนัก หลังจากที่เราได้ลงทุนทั้งเงินทุน เวลาและความพยายามไปแล้วในช่วงแรก โดยจะเปรียบเสมือนการปลูกต้นไม้ที่ต้องดูแลอย่างดีในระยะแรก แต่เมื่อต้นไม้เติบโตแข็งแรงแล้ว ก็จะออกผลให้เราได้เก็บเกี่ยวอย่างสม่ำเสมอ
ในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่มีความไม่แน่นอนสูงแบบนี้ การมี Passive Income ก็เป็นเหมือนเกราะป้องกันทางการเงิน ที่ช่วยลดความเสี่ยงของคุณจากการพึ่งพารายได้แหล่งเดียว และเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงินให้กับเราได้อีกด้วย
วิธีการสร้าง Passive Income มีอะไรบ้าง?
การทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน หาเช้ากินค่ำในยุคที่เศรษฐกิจผันผวนเช่นนี้ รายได้จากช่องทางเดียวอาจไม่เพียงพอสำหรับการสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว วันนี้ ttb มาแนะนำช่องทางการสร้างรายได้ให้งอกเงยแบบ Passive Income ที่น่าสนใจ 6 วิธี ดังนี้
1. ฝากประจำ
การฝากประจำเป็นวิธีสร้าง Passive Income ที่ง่ายและมีความเสี่ยงต่ำที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นคงและไม่ต้องการความเสี่ยงสูง โดยผลตอบแทนจะอยู่ในรูปแบบของดอกเบี้ย ซึ่งจะได้รับเป็นประจำตามระยะเวลาที่กำหนด เช่น ทุก 3 เดือน 6 เดือน 12 เดือน หรือ 24 เดือน เป็นต้น โดยจะได้อัตราดอกเบี้ย 0.4% - 3% ต่อปี ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคารกำหนด
ข้อดีของการฝากประจำคือมีความเสี่ยงต่ำ เงินต้นปลอดภัยและรู้อัตราผลตอบแทนที่แน่นอน ทำให้คุณมีเงินเก็บไว้ในในอนาคตอีกด้วย
2. ลงทุนในกองทุนรวม
การลงทุนในกองทุนรวมเป็นอีกวิธีหนึ่งในการสร้าง Passive Income ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกองทุนรวมที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล วิธีนี้แตกต่างจากการฝากประจำตรงที่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่า แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นเช่นกัน ผลตอบแทนของการซื้อกองทุนรวมจะอยู่ในรูปแบบของเงินปันผล ซึ่งอาจจะได้รับเป็นรายไตรมาสหรือรายปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละกองทุน นอกจากนี้ ยังมีโอกาสได้รับกำไรจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าหน่วยลงทุนอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ข้อเสียของวิธีนี้คือ มีความเสี่ยงสูงกว่าการฝากประจำ ผลตอบแทนไม่แน่นอนและอาจขาดทุนได้ เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินในลงทุน
3. ลงทุนในพันธบัตรหรือตราสารหนี้
การลงทุนในพันธบัตรหรือตราสารหนี้ เป็นอีกทางเลือกในการสร้าง Passive Income ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าการลงทุนในกองทุนรวมหรือหุ้น แต่ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากประจำ เนื่องจากพันธบัตรและตราสารหนี้ เป็นตราสารทางการเงินที่ออกโดยรัฐบาลหรือบริษัทเอกชน เพื่อระดมทุนจากนักลงทุน โดยผู้ซื้อจะได้รับดอกเบี้ยเป็นผลตอบแทนตามระยะเวลาที่กำหนด และจะได้รับเงินต้นคืนเมื่อครบกำหนดอายุของตราสาร จึงทำให้มีความเสี่ยงต่ำ แต่ให้ผลตอบแทนที่แน่นอนและสม่ำเสมอ
แต่ผลตอบแทนอาจไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับการลงทุนในหุ้นหรือกองทุนรวม และอาจมีความเสี่ยงด้านสภาพคล่องหากต้องการขายก่อนครบกำหนด นอกจากนี้ ยังต้องระวังภาวะที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดที่สูงขึ้น ทำให้มูลค่าของพันธบัตรหรือตราสารหนี้ที่ถืออยู่อาจลดลงได้อีกด้วย
4. อสังหาริมทรัพย์
การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เป็นวิธีสร้าง Passive Income ที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน โดยสามารถทำได้หลายรูปแบบ เช่น การซื้อบ้าน คอนโดมิเนียม หรือที่ดินเพื่อปล่อยเช่า หรือการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) หรือทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT)
การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นสินทรัพย์ที่มีตัวตน มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูง โดยรายได้อัตโนมัติที่เข้ามาจะมาทั้งจากค่าเช่า และการเพิ่มขึ้นของมูลค่าทรัพย์สิน นอกจากนี้ยังเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากสถานการณ์เงินเฟ้อได้ดีอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ก็มีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ตามมาด้วย เช่น เงินลงทุนสูง มีค่าบำรุงรักษา และอาจมีเกิดปัญหาสภาพคล่อง ในกรณีที่ต้องการขายทรัพย์สินในระยะเวลาอันสั้น รวมถึงความเสี่ยงจากการไม่มีผู้เช่า หรือผู้เช่าไม่จ่ายค่าเช่าอีกด้วย
5. ประกันสะสมทรัพย์
ประกันชีวิตสะสมทรัพย์ เป็นการเก็บออมเงินในรูปแบบของการซื้อประกันชีวิต โดยผู้ทำประกันจะได้รับความคุ้มครองชีวิตและได้ผลตอบแทนจากการออมเงินในระยะยาว ทำให้สามารถสร้าง Passive Income ได้ผ่านเงินคืนตามกรมธรรม์ที่จะได้รับเป็นระยะ ๆ และเงินครบกำหนดสัญญาเมื่อกรมธรรม์สิ้นสุด วิธีนี้ค่อนข้างมีความเสี่ยงต่ำ และได้ผลตอบแทนแน่นอน นอกจากนี้ ยังสามารถนำเบี้ยประกันมาลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นการวางแผนทางการเงินที่ดีอีกหนึ่งช่องทางเลย
6. การทำ Affiliate Marketing
Affiliate Marketing เป็นรูปแบบการตลาดที่ผู้ทำ (Affiliate) จะได้รับค่าคอมมิชชันเมื่อมีคนซื้อสินค้าหรือบริการผ่านลิงก์หรือรหัสที่ตนแนะนำ วิธีนี้เป็นช่องทางการสร้าง Passive Income ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะในกลุ่ม Influencer หรือผู้ที่มีผู้ติดตามจำนวนมากบนโซเชียลมีเดีย
โดยข้อดีของการทำ Affiliate Marketing คือ ไม่จำเป็นต้องมีสินค้าหรือบริการเป็นของตัวเอง ไม่ต้องจัดการเรื่องสต็อกสินค้าหรือการจัดส่ง เพียงแค่ทำลิงก์ หรือที่หลาย ๆ คนได้ยินกันอยู่บ่อย ๆ หูว่า “ปักตะกร้า” และมีคนคลิกเข้ามาเพื่อทำรายการสั่งซื้อ เช่น การทำคลิปรีวิวสินค้าบนแพลตฟอร์มที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน พร้อมปักตะกร้าหรือฝังลิงก์ Affiliate ไว้ พอคนอื่นเข้ามาเห็นและคลิกลิงก์เข้ามาซื้อสินค้าจากลิงก์ที่เราแนบไว้ แค่นี้ก็สามารถสร้างรายได้จากที่ไหนก็ได้ ขอเพียงแค่ที่มีอินเทอร์เน็ตใช้งานก็พอ
ข้อดีของการสร้าง Passive Income
- สร้างความมั่นคงทางการเงิน ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และยังช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพารายได้แหล่งเดียวอีกด้วย ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน ต้องใช้เงินสำรองด่วนก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป
- เพิ่มอิสรภาพทางการเงิน เมื่อมีแหล่งรายได้มากขึ้น ทำให้เรามีทางเลือกมากขึ้นในการใช้ชีวิตและการทำงานมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ก็จำเป็นต้องจัดการและบริหารค่าใช้จ่ายให้ดี เพื่อไม่ให้เกิดภาระหนี้เพิ่มขึ้นอีก
- สร้างโอกาสในการลงทุนต่อยอด เงินที่ได้จากการลงทุนสามารถนำไปลงทุนต่อเพื่อสร้าง Passive Income เพิ่มเติมอื่น ๆ อีกได้ เช่น นำไปซื้อกองทุนเพิ่ม หรือจ่ายค่าเบี้ยประกัน เป็นต้น
- ลดความเครียดทางการเงิน การมีรายได้จากหลากหลายทางจะช่วยลดความกังวลเรื่องการเงินได้ ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังเรื่องสภาพคล่องทางการเงินอีกต่อไป
ข้อเสียของการสร้าง Passive Income
- ต้องใช้เงินลงทุนสูง หลายวิธีในการสร้าง Passive Income ต้องใช้เงินทุนจำนวนมากในช่วงแรก เช่น การลงทุนในกองทุนหรือพันธบัตร การครอบครองอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น แต่ในบางวิธีก็ไม่จำเป็นต้องมีเงินลงทุนสูง เช่น การฝากประจำ สามารถเริ่มเก็บออมได้ตั้งแต่หลักสิบไปจนถึงหลักร้อย แต่อาศัยการเก็บเป็นประจำและสม่ำเสมอก็จะช่วยให้เราสามารถมีเงินสำรองเลี้ยงชีพได้
- ใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล รายได้จาก Passive Income มักไม่ใช่การสร้างรายได้แบบทันที ทั้งนี้จำเป็นต้องใช้เวลาและความอดทน ถึงจะเห็นผลกำไรที่งอกเงยในภายหลัง
- มีความเสี่ยง เนื่องจากทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ทั้งนี้อาจมีโอกาสขาดทุนได้
สรุปเกี่ยวกับการสร้าง Passive Income
การหาช่องทางการสร้างรายได้ หรือ Passive Income เป็นวิธีที่จะช่วยเพิ่มความมั่นคงทางการเงินและสร้างอิสรภาพในชีวิตได้ ไม่ว่าจะเป็นการฝากประจำ การลงทุนในกองทุนรวม การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ การทำประกันสะสมทรัพย์ หรือการทำ Affiliate Marketing ล้วนเป็นช่องทางสามารถเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินได้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ จำเป็นต้องอาศัยการวางแผนที่ดี ใช้ความอดทน และการลงทุนทั้งเวลาและเงินทุนในช่วงแรก อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกที่รอให้รายได้งอกเงย อาจมีเรื่องด่วน เหตุฉุกเฉินที่จำเป็นต้องใช้เงินด่วนเข้ามา เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าเทอม ฯลฯ หากเกิดสถานการณ์เช่นนั้น ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะยังมีอีกหนึ่งตัวช่วยเสริมสภาพคล่องจาก ทีทีบี ด้วยบริการสินเชื่อบุคคล ช่วยให้คุณก้าวผ่านอุปสรรคทางการเงินไปได้ ดังนี้
- สำหรับผู้ที่ต้องการเงินก้อนไปลงทุนหรือขยายธุรกิจ ในช่วงเริ่มต้นที่อาจจะมีภาวะสะดุดทางการเงิน ให้สินเชื่อส่วนบุคคล แคชทูโก ช่วยคุณได้ เพราะสมัครง่าย ไม่ต้องมีคนค้ำ รับวงเงินอนุมัติสูงสุดถึง 5 เท่าของรายได้เฉลี่ยต่อเดือน สูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาท เลือกผ่อนได้นานสูงสุดถึง 72 เดือน พร้อมรับส่วนลดดอกเบี้ย 2% ต่อปี เมื่อใช้คู่กับผลิตภัณฑ์ที่กำหนด ดอกเบี้ย 18% - 25% ต่อปี กู้เท่าที่จำเป็นและขำระคืนไหว
- บัตรกดเงินสดทีทีบี แฟลช เกิดเหตุด่วน เรื่องฉุกเฉินก็สามารถเบิกถอนเงินสดผ่านตู้ ATM และแอปพลิเคชัน ttb touch ได้ตลอด 24 ชม. สมัครง่าย อนุมัติไว วงเงิน 3 - 5 เท่าของรายได้เฉลี่ยต่อเดือน สูงสุดไม่เกิน 1 ล้านบาท มีโปรแกรม เลือกผ่อนคืนได้แบบเท่ากันทุกเดือน หรือจ่ายขั้นต่ำ 3% ต่อเดือน และยังมีบริการผ่อนชำระสินค้า 0% นานสูงสุด 60 เดือน เฉพาะร้านค้าที่ร่วมรายการไม่ค่าธรรมเนียมเบิกถอนเงินสด ค่าแรกเข้าและรายปี ดอกเบี้ย 25% ต่อปี กู้เท่าที่จำเป็นและขำระคืนไหว
หากคุณกำลังมองหาวิธีเสริมสภาพคล่องทางการเงินในระหว่างการสร้าง Passive Income ทีทีบี มีบริการสินเชื่อบุคคลอาจช่วยคุณได้ สามารถศึกษาข้อมูลและรายละเอียดผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่นี่ หรือสมัครได้ง่าย ๆ ผ่านเว็บไซต์ ทีทีบี หรือช่องทางออนไลน์ สะดวกและรวดเร็ว ผ่านแอปพลิชัน ttb touch หรือที่ ttb ทุกสาขา
***กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว ดอกเบี้ย 18% - 25% ต่อปี
***เงื่อนไขการพิจารณาสินเชื่อเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด