ปฎิเสธไม่ได้ว่า ปัจจุบันโซล่าเซลล์ได้กลายเป็นหนึ่งในทางเลือกสำคัญที่ช่วยประหยัดค่าไฟ และได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งการติดตั้งโซล่าเซลล์จะเป็นการลงทุนในระยะยาว เพื่อช่วยลดภาระรายจ่ายค่าไฟในบ้านของเราได้ แต่ก่อนที่จะตัดสินใจติดตั้งนั้น ควรศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับระบบโซล่าเซลล์ให้รอบคอบและเลือกให้ถูกประเภทการใช้งานที่ต้องการก่อน บทความนี้ทีทีบีจะมาแนะนำทุกเรื่องที่ต้องรู้ เพื่อวางแผนการติดตั้งโซล่าเซลล์ให้คุ้มค่าและประหยัดค่าไฟได้อย่างแท้จริง
ทำไมการติดตั้งโซล่าเซลล์เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
การตัดสินใจติดตั้งโซล่าเซลล์ไม่ได้เป็นเพียงแค่การตามกระแส แต่เป็นการลงทุนระยะยาว และนี่คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้การติดโซล่าเซลล์ บ้านได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
- ประหยัดค่าไฟฟ้าระยะยาว สู้ค่าไฟแพง ด้วยการสร้างไฟฟ้าใช้เองจากแสงอาทิตย์ โดยเฉพาะในเวลากลางวันที่แผงโซลาร์เซลล์ผลิตไฟฟ้าได้เต็มที่ ตอบโจทย์สำหรับคนที่ใช้แอร์ทั้งวัน ช่วยลดการใช้ไฟฟ้าจากการไฟฟ้าฯ ได้หลายเท่าตัว แม้จะต้องใช้งบติดตั้งในช่วงแรก แต่ก็เป็นการลงทุนครั้งเดียวที่ช่วยประหยัดค่าไฟได้ในระยะยาวนาน
- สร้างพลังงานสะอาด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานสะอาดที่ไม่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน การติดตั้งโซล่าเซลล์จึงเปรียบเสมือนการมีส่วนร่วมในการดูแลโลก ช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของครัวเรือน และสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้กับคนรุ่นต่อไป
- เพิ่มมูลค่าให้กับบ้านและอาคาร บ้านที่ติดตั้งระบบโซล่าเซลล์ถือเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงขึ้นในตลาดอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากเป็นจุดขายที่ดึงดูดผู้ซื้อที่มองหาบ้านที่ช่วยประหยัดพลังงานและมีความทันสมัย ถือเป็นการลงทุนที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับตัวบ้านได้เป็นอย่างดี
- ลดการพึ่งพาไฟฟ้าจากการไฟฟ้าฯ การมีแหล่งพลังงานสำรองของตัวเองช่วยสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับครัวเรือน โดยเฉพาะในระบบไฮบริดที่มีแบตเตอรี่ จะช่วยให้มีไฟฟ้าใช้แม้ในเวลาที่เกิดเหตุไฟฟ้าดับ และลดความผันผวนจากนโยบายการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าในอนาคตได้
รู้จักประเภทของระบบโซล่าเซลล์
ก่อนที่จะตัดสินใจติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ สิ่งสำคัญคือต้องทำความเข้าใจระบบการทำงานแต่ละประเภท เพื่อให้สามารถเลือกโซลูชันที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ไฟฟ้าและงบประมาณของคุณได้อย่างเหมาะสมที่สุด ซึ่งโดยหลักแล้วจะแบ่งออกเป็น 3 ระบบด้วยกัน
ระบบออนกริด (On-Grid)
ระบบออนกริด คือระบบโซล่าเซลล์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดสำหรับบ้านพักอาศัยและอาคารสำนักงานทั่วไป หลักการทำงานคือระบบจะเชื่อมต่อกับโครงข่ายของการไฟฟ้า (MEA หรือ PEA) โดยตรง ในช่วงเวลากลางวันที่มีแสงแดด โซล่าเซลล์จะผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อจ่ายให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน หากผลิตไฟฟ้าได้มากกว่าที่ใช้งาน ไฟฟ้าส่วนเกินจะถูกส่งย้อนกลับเข้าไปในสายส่งของการไฟฟ้า (ซึ่งสามารถขายคืนได้ตามนโยบายของภาครัฐ) ในทางกลับกัน หากผลิตไฟฟ้าไม่เพียงพอหรือในช่วงกลางคืนที่ไม่มีแสงแดด ระบบจะดึงไฟฟ้าจากการไฟฟ้ามาใช้งานตามปกติ
เหมาะสำหรับ บ้านที่ใช้ไฟฟ้าส่วนใหญ่ในเวลากลางวัน และอยู่ในพื้นที่ที่ไฟฟ้าเข้าถึง มีความเสถียร
ระบบออฟกริด (Off-Grid)
ระบบออฟกริดเป็นระบบพลังงานแสงอาทิตย์แบบสมบูรณ์ที่ไม่พึ่งพิงโครงข่ายไฟฟ้าหลักเลยแม้แต่น้อย ระบบนี้จำเป็นต้องมี “แบตเตอรี่” เป็นหัวใจสำคัญในการเก็บสำรองพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้ในตอนกลางวัน เพื่อนำไปใช้ในช่วงเวลากลางคืนหรือในวันที่แสงแดดน้อย ระบบนี้จึงสามารถจ่ายไฟได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้การติดตั้งระบบโซล่าเซลล์แบบนี้เหมาะกับพื้นที่ห่างไกลที่สายส่งไฟฟ้าเข้าไม่ถึง เช่น บ้านสวน กระท่อม หรือพื้นที่ทำการเกษตรที่ต้องการแหล่งพลังงานเป็นของตัวเอง
เหมาะสำหรับ พื้นที่ห่างไกลที่ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง หรือผู้ที่ต้องการพึ่งพาตนเองด้านพลังงาน 100%
ระบบไฮบริด (Hybrid)
ระบบไฮบริดคือการนำข้อดีของระบบออนกริดและออฟกริดมารวมกัน โดยระบบจะเชื่อมต่อกับการไฟฟ้าเช่นเดียวกับระบบออนกริด แต่จะมีการติดตั้งแบตเตอรี่เพื่อสำรองพลังงานเพิ่มเติม หลักการทำงานคือเมื่อโซล่าเซลล์ผลิตไฟฟ้าได้ จะถูกนำไปใช้ในบ้านก่อน ส่วนที่เหลือจะถูกชาร์จเข้าแบตเตอรี่จนเต็ม และหากยังมีไฟฟ้าเหลืออีก ก็จะสามารถขายคืนเข้าระบบของการไฟฟ้าได้ เมื่อถึงเวลากลางคืน ระบบจะดึงพลังงานจากแบตเตอรี่มาใช้ก่อน หากไม่เพียงพอจึงจะดึงไฟฟ้าจากสายส่งมาใช้เป็นลำดับสุดท้าย ทำให้การติดตั้งโซล่าเซลล์รูปแบบนี้ มีไฟฟ้าใช้ได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นกลางวัน กลางคืน หรือแม้แต่ตอนไฟดับ
เหมาะสำหรับ บ้านที่ต้องการไฟฟ้าใช้ตลอด 24 ชั่วโมง
5 ขั้นตอนสำคัญก่อนตัดสินใจติดตั้งแผงโซล่าเซลล์
การวางแผนที่ดีคือหัวใจของความคุ้มค่า เพื่อให้การลงทุนติดตั้งโซล่าเซลล์ของคุณเกิดประโยชน์สูงสุด ควรมีการเตรียมความพร้อมและพิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบ ซึ่งมี 5 ขั้นตอนสำคัญที่ไม่อาจมองข้ามได้ก่อนการตัดสินใจ
1. สำรวจพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าและบิลค่าไฟย้อนหลัง
ขั้นตอนแรกคือการทำความเข้าใจโปรไฟล์การใช้พลังงานของตัวเอง ให้ลองรวบรวมบิลค่าไฟฟ้าย้อนหลังอย่างน้อย 6-12 เดือน เพื่อดูว่าโดยเฉลี่ยแล้วบ้านของคุณใช้ไฟฟ้ากี่หน่วยต่อเดือน และมีค่าใช้จ่ายเท่าไร สิ่งสำคัญคือการสังเกตพฤติกรรมการใช้งานว่าใช้ไฟฟ้าหนักในช่วงเวลากลางวันหรือกลางคืนมากกว่ากัน ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นตัวกำหนดขนาดการติดตั้งโซล่าเซลล์ที่เหมาะสม และช่วยให้เห็นภาพความคุ้มค่าได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
2. ประเมินพื้นที่หลังคาและความพร้อมของโครงสร้าง
พื้นที่สำหรับติดแผงโซล่าเซลล์มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยหลังคาในทิศใต้ถือว่าเหมาะสมที่สุดในประเทศไทย เพราะจะรับแสงแดดได้ยาวนานตลอดวัน รองลงมาคือทิศตะวันตกและตะวันออก และควรเป็นพื้นที่โล่ง ไม่มีเงาของต้นไม้หรืออาคารสูงมาบดบัง นอกจากนี้ ต้องตรวจสอบสภาพความแข็งแรงของ โครงสร้างหลังคาว่าสามารถรับน้ำหนักของแผงและอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ ซึ่งโดยทั่วไปบริษัทผู้ติดตั้งจะมีวิศวกรเข้าสำรวจและประเมินให้ก่อนดำเนินการ
3. เลือกขนาดกำลังการผลิต (kW) ให้เหมาะสม
ขนาดกำลังการผลิต หรือ กิโลวัตต์ (kW) ควรเลือกให้สอดคล้องกับปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่ประเมินไว้ในขั้นตอนแรก ซึ่งมีตั้งแต่ 3 kW (กิโลวัตต์) สำหรับบ้านทั่วไป ไปจนถึง 5 kW, 10 kW หรือมากกว่านั้น หากเลือกขนาดเล็กเกินไป ก็จะลดค่าไฟได้ไม่มากนัก แต่หากเลือกขนาดใหญ่เกินความจำเป็น ก็จะทำให้ใช้งบประมาณสูงและใช้ระยะเวลาคืนทุนนานขึ้น
4. การเลือกอุปกรณ์ในระบบติดตั้งโซล่าเซลล์
คุณภาพของอุปกรณ์คือปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพและอายุการใช้งานของระบบโดยตรง ส่วนประกอบหลักที่ต้องให้ความสำคัญ ได้แก่
- แผงโซล่าเซลล์ (Solar Panel) คือส่วนที่ทำหน้าที่รับแสงและเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า มีหลายเทคโนโลยี เช่น Monocrystalline (ประสิทธิภาพสูง) หรือ Polycrystalline (ราคาย่อมเยา)
- อินเวอร์เตอร์ (Inverter) เปรียบเสมือนสมองของระบบ ทำหน้าที่แปลงไฟฟ้ากระแสตรง (DC) จากแผงให้เป็นไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) เพื่อใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน
- อุปกรณ์อื่นๆ เช่น โครงสร้างจับยึด (Mounting), ตู้ควบคุมไฟฟ้า (MDB), และสายไฟ ซึ่งต้องได้มาตรฐานความปลอดภัย
5. การคำนวณงบประมาณและความคุ้มค่า (ROI)
สุดท้ายคือการประเมินด้านการเงิน ควรขอใบเสนอราคาจากบริษัทที่น่าเชื่อถืออย่างน้อย 2-3 แห่ง เพื่อเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบโซล่าเซลล์ทั้งหมด จากนั้นนำมาคำนวณหาความคุ้มค่าในการลงทุน (Return on Investment - ROI) และระยะเวลาคืนทุน (Payback Period) โดยคำนวณจากค่าไฟที่คาดว่าจะประหยัดได้ในแต่ละปีเทียบกับงบประมาณที่ลงทุนไป การติดโซล่าเซลล์ บ้านส่วนใหญ่จะมีระยะเวลาคืนทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 6-10 ปี หลังจากนั้นคือกำไรจากค่าไฟที่ประหยัดได้ไปตลอดอายุการใช้งานของแผง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการติดโซล่าเซลล์บ้าน
ติดตั้งโซล่าเซลล์แล้วต้องดูแลรักษาอย่างไร?
การดูแลรักษาระบบโซล่าเซลล์ไม่ยุ่งยาก โดยหลักแล้วคือการทำความสะอาดผิวหน้าแผงด้วยน้ำสะอาด เพื่อล้างคราบฝุ่นและสิ่งสกปรก อย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง เพื่อให้แผงรับแสงได้เต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ควรมีการตรวจเช็กสภาพอุปกรณ์และระบบไฟฟ้าโดยรวมจากบริษัทผู้ติดตั้งตามระยะที่แนะนำ เพื่อให้มั่นใจว่าการติดตั้งโซล่าเซลล์ของคุณทำงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด
ฝนตกหรือไม่มีแดด โซล่าเซลล์ยังผลิตไฟได้ไหม?
โซล่าเซลล์ยังสามารถผลิตไฟฟ้าได้ในวันที่มีเมฆมากหรือฝนตกปรอยๆ แต่ประสิทธิภาพจะลดลง ตามปริมาณความเข้มของแสงที่ส่องมาถึงแผง สำหรับช่วงเวลากลางคืนที่ไม่มีแสงแดดเลย แผงโซล่าเซลล์จะไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ ในกรณีนี้ระบบออนกริดจะดึงไฟฟ้าจากการไฟฟ้าฯ มาใช้ ส่วนระบบไฮบริดและออฟกริดจะดึงพลังงานจากแบตเตอรี่ที่เก็บสำรองไว้มาใช้งาน
สามารถขายไฟคืนให้การไฟฟ้าได้หรือไม่?
สามารถทำได้ สำหรับผู้ที่ติดแผงโซล่าเซลล์ในระบบออนกริดหรือไฮบริด โดยต้องดำเนินการยื่นเรื่อง ขออนุญาตขนานไฟฟ้าและสมัครเข้าร่วม "โครงการโซลาร์ภาคประชาชน" กับการไฟฟ้านครหลวง (MEA) หรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ในพื้นที่ของตนเอง ซึ่งจะมีระเบียบและอัตรารับซื้อ ไฟฟ้าที่ภาครัฐประกาศในแต่ละช่วงเวลา การติดตั้งโซล่าเซลล์จึงไม่เพียงแต่ช่วยลดค่าใช้จ่าย แต่ยังอาจสร้างรายได้เสริมได้อีกด้วย
สรุปบทความ
สำหรับบ้านที่ใช้ไฟฟ้าค่อนข้างเยอะ มีพื้นที่หลังคาที่รับแสงแดดได้ดีและมีงบประมาณในการลงทุนก้อนแรก การติดตั้งโซลาร์เซลล์ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว แม้การลงทุนติดตั้งโซล่าเซลล์จะมีประโยชน์มากมาย แต่ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นอาจเป็นโจทย์ใหญ่สำหรับใครหลายคน ทีทีบีเข้าใจและพร้อมสนับสนุนการใช้พลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อช่วยคนไทยลดร้อน ลดภาระค่าไฟ ให้คุณติดตั้งได้ไว ไม่ต้องใช้เงินก้อน และเซฟค่าไฟได้ตั้งแต่เดือนแรก ด้วย
สินเชื่อบ้านแลกเงิน ทีทีบี Go Green สำหรับติดตั้ง Solar Roof หรือ EV charger
- โปรโมชันพิเศษ ทีทีบีช่วยออกเงินค่าติดตั้ง 5% ของยอดรวมในใบเสร็จ หรือสูงสุด 10,000 บาท/สัญญา
- ผ่อนสบาย เลือกระยะเวลาผ่อนชำระได้สูงสุดถึง 30 ปี (เมื่อรวมกับอายุผู้กู้แล้วต้องไม่เกิน 65 ปี)
สินเชื่อนี้สำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดา ไม่ว่าจะบ้านผ่อนอยู่ หรือบ้านปลอดภาระ ขอวงเงินกู้เพิ่ม เพื่อติดตั้งโซลาร์เซลล์ได้ โดยสามารถสมัครเพื่อรับสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 68 – 31 ธ.ค. 68
สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถดูรายละเอียดข้อมูลสินเชื่อบ้านแลกเงิน ทีทีบี Go Green เพิ่มเติมได้ที่นี่
กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว : สินเชื่อบ้านแลกเงิน อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา 5% - 11% ต่อปี • สมมติฐานการคำนวณมาจากอัตราดอกเบี้ย MRR-1.855% ถึง MRR+3.020% ต่อปี • โดยอัตราดอกเบี้ย MRR ณ วันที่ 15 ส.ค. 68 = 7.305% ต่อปี • อัตราดอกเบี้ยลอยตัวสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ • เงื่อนไขการสมัครและอนุมัติสินเชื่อเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารกําหนด • รายละเอียดการคำนวณเพิ่มเติมดูได้ที่เว็บไซต์ www.ttbbank.com