การตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนงานดีไหม? นับว่าเป็นเรื่องใหญ่ของชีวิตที่ต้องใช้ทั้งความกล้าหาญและการวางแผนอย่างรอบคอบ เพราะไม่ใช่แค่เรื่องของความชอบหรือโอกาสใหม่เท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับความมั่นคงทางการเงินและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้อีกด้วย หากไม่มีการเตรียมตัวที่ดี อาจทำให้เกิดความกังวลหรือปัญหาทางการเงินตามมาได้
ดังนั้น ในบทความนี้ fin tips by ttb จะมาช่วยคุณตอบคำถามว่า ถ้าอยากย้ายงาน จะดีไหม? พร้อมแนะนำวิธีเก็บเงินและวางแผนการเงินอย่างเป็นระบบ เพื่อให้คุณพร้อมรับมือกับความท้าทายก่อนตัดสินใจลาออกจากงานเดิมอย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น
สัญญาณเตือนที่บอกว่า ควรเปลี่ยนงานได้แล้ว มีอะไรบ้าง
หากคุณกำลังลังเลว่า เปลี่ยนงานดีไหม ลองสำรวจตัวเองจากสัญญาณเหล่านี้ดู ว่ามีข้อไหนที่ตรงกับความรู้สึกของคุณบ้าง เช่น

- หมดไฟ (Burnout) ในการทำงาน รู้สึกเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่อยากตื่นไปทำงานในตอนเช้า ประสิทธิภาพการทำงานลดลงอย่างเห็นได้ชัด และเริ่มรู้สึกว่างานที่เคยรักกลายเป็นภาระ
- ไม่เห็นโอกาสเติบโตในสายอาชีพ รู้สึกว่างานที่ทำอยู่มาถึงทางตัน ไม่มีอะไรให้เรียนรู้หรือท้าทายอีกต่อไป และองค์กรก็ไม่มีนโยบายสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของพนักงานเท่าที่ควร
- ค่าตอบแทนไม่สมเหตุสมผล และรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมองค์กร ค่านิยมและวิธีการทำงานของทีมได้
- สภาพแวดล้อมในการทำงานเป็นพิษ (Toxic Workplace) ที่ทำงานเต็มไปด้วยการเมือง การนินทา หรือการแข่งขันที่ไม่สร้างสรรค์ เพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้างานสร้างบรรยากาศเชิงลบที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของคุณ ทำให้รู้สึกเครียดและไม่มีความสุขทุกครั้งที่ต้องไปทำงาน
- ปัญหาสุขภาพกายและสุขภาพจิต การทำงานส่งผลเสียต่อสุขภาพของคุณอย่างชัดเจน เช่น มีอาการนอนไม่หลับ ปวดหัวเรื้อรัง เครียดสะสมหรือมีภาวะซึมเศร้า ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่าร่างกายและจิตใจของคุณกำลังแบกรับภาระจากงานหนักเกินไป
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ควรประเมินสถานการณ์ให้แน่ใจอีกครั้ง เนื่องจากปัญหาบางอย่างอาจสามารถแก้ไขได้ผ่านการพูดคุยกับหัวหน้างานโดยตรง ลองเปิดใจสื่อสารในประเด็นต่าง ๆ เช่น อาการรู้สึกหมดไฟ (Burnout) โอกาสเติบโตในสายอาชีพ หรือแม้แต่เรื่องผลตอบแทนและวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่ตอบโจทย์ เพราะการพูดคุยอาจนำไปสู่ทางออกหรือการปรับเปลี่ยนที่ดีขึ้นได้ แต่หากลองพยายามแล้วปัญหายังคงไม่ได้รับการแก้ไข การตัดสินใจมองหางานใหม่อาจเป็นคำตอบที่เหมาะสมที่สุด และเมื่อตัดสินใจได้แล้ว ก็จำเป็นต้องอาศัยการวางแผนทางการเงินให้ดีเช่นกัน เพื่อการเปลี่ยนงานของคุณนั้นเป็นไปอย่างราบรื่น
ทำไมต้องเก็บเงินก่อนเปลี่ยนงาน?
- ความเสี่ยงทางการเงินเมื่อตัดสินใจเปลี่ยนงานโดยไม่มีเงินสำรอง ในช่วงที่ว่างงาน รายได้หลักจะหายไป แต่รายจ่ายยังคงอยู่ หากไม่มีเงินสำรองอาจทำให้ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน หรือใช้จ่ายจากบัตรเครดิตจนเกินตัว ซึ่งอาจสร้างภาระทางการเงินในระยะยาวได้
- ค่าใช้จ่ายที่ต้องเผื่อไว้ช่วงเปลี่ยนงาน นอกจากค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันแล้ว อาจมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่คาดไม่ถึง เช่น ค่าเดินทางไปสัมภาษณ์ ค่าพัฒนาทักษะเพิ่มเติมหรือแม้กระทั่งค่าใช้จ่ายในการปรับตัวกับที่ทำงานใหม่
- การเตรียมเงินช่วยให้เปลี่ยนงานอย่างมั่นใจ เมื่อมีเงินสำรองเพียงพอ คุณจะมีอิสระในการตัดสินใจเลือกงานที่ใช่ โดยไม่ต้องรีบร้อนเพราะความกดดันทางการเงิน ทำให้คุณสามารถเลือกองค์กรและตำแหน่งที่ตอบโจทย์เป้าหมายในอาชีพได้ดีที่สุด
ข้อดีของการย้ายงาน
การเปลี่ยนงานมักมาพร้อมกับโอกาสและข้อดีหลายประการ เช่น
- เปิดโอกาสในการพัฒนาทักษะและความรู้ใหม่ ๆ ที่แตกต่างจากงานเดิม ซึ่งจะช่วยให้คุณมีทักษะที่หลากหลายและปรับตัวได้เก่งขึ้น การได้แก้ปัญหาใหม่ ๆ จะช่วยฝึกฝนวิธีคิดและเพิ่มความสามารถรอบด้าน ทำให้โปรไฟล์ของคุณน่าสนใจและมีมูลค่าในตลาดแรงงานมากขึ้น แทนที่จะเชี่ยวชาญเพียงเรื่องเดียวในที่เดิม
- ได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้น จากผลสำรวจของ Good Work Index 2023 ของ Chartered Institute of Personnel and Development (CIPD) พบว่าการปรับเงินเดือนประจำปีในบริษัทเดิมมักมีเพดานจำกัด แต่อีก 29% พบว่าการย้ายไปสู่บริษัทใหม่มักเปิดโอกาสให้ได้เจรจาต่อรองเงินเดือนที่สูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด
- พบเจอวัฒนธรรมองค์กรหรือสภาพแวดล้อมการทำงานที่เหมาะสมและส่งเสริมการเติบโต สภาพแวดล้อมการทำงานส่งผลโดยตรงต่อความสุขและประสิทธิภาพในการทำงาน การเปลี่ยนงานเปิดโอกาสให้คุณได้เลือกองค์กรที่มีวัฒนธรรมที่ใช่สำหรับคุณมากขึ้น เพราะสภาพแวดล้อมที่ดีจะช่วยส่งเสริมให้คุณอยากพัฒนาตัวเองและทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ
- มีโอกาสขยายเครือข่ายทางอาชีพ และสร้างความท้าทายใหม่ ๆ ที่ช่วยกระตุ้นแรงบันดาลใจ ในขณะเดียวกัน ก็ช่วยให้คุณเจอกับหน้าที่รับผิดชอบใหม่ ๆ ที่ท้าทายกว่าเดิม และปลุกไฟในการทำงานที่เริ่มมอดให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง
- ลดความเครียดหรือความรู้สึกหมดไฟจากงานเดิม ทำให้สุขภาพจิตดีขึ้น การเปลี่ยนงานถือเป็นการรีเซ็ตตัวเองที่ดีที่สุด โดยจะช่วยฟื้นฟูสุขภาพจิตใจให้กลับมาดีขึ้น ทำให้คุณมีพลังงานและความคิดสร้างสรรค์ในการทำงานและใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากกว่าเดิม
ข้อเสียของการย้ายงาน
แม้ว่าการเปลี่ยนงานจะมีข้อดี แต่ก็มีความเสี่ยงและข้อเสียที่ควรพิจารณา เช่น
- ความไม่แน่นอนเรื่องความมั่นคงของงานใหม่ อาจมีความเสี่ยงเรื่องสภาพแวดล้อม หรือการทำงานที่แตกต่างจนปรับตัวยาก คุณพร้อมรับมือกับความไม่แน่นอนหรือไม่
- สูญเสียสิทธิประโยชน์บางอย่าง เช่น สวัสดิการ หรือโบนัสที่สะสมจากงานเดิม
- ช่วงเวลาว่างงาน หรือรายได้ลดลงในช่วงเปลี่ยนงาน ซึ่งอาจกระทบการเงินส่วนตัวได้ ควรมีเงินสำรองอย่างน้อย 3 – 6 เดือนก่อนลาออก เพื่อรองรับช่วงเปลี่ยนผ่าน แม้ว่าการมีงานใหม่รองรับไว้ก่อนลาออกจะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด แต่สำหรับผู้ที่ต้องการลาออกมาเพื่อพักฟื้นฟูร่างกายและจิตใจก่อนเริ่มต้นอีกครั้ง เงินสำรองก้อนนี้ก็จะเปรียบเสมือนเซฟตี้ที่จะช่วยให้คุณก้าวผ่านช่วงเวลานั้นไปได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเงิน
- ความเครียดจากการปรับตัวเข้าสู่บทบาทและหน้าที่ใหม่ รวมถึงความกดดันจากความคาดหวังขององค์กรใหม่
- ต้องใช้เวลาและพลังงานในการสร้างความน่าเชื่อถือ และความสัมพันธ์ใหม่กับเพื่อนร่วมงานและหัวหน้า
6 สเต็ปวางแผนการเงินก่อนย้ายงาน เตรียมตัวอย่างไรให้มั่นคง
ไม่ว่าคุณจะย้ายงานหลังจากได้งานใหม่ที่แน่นอนแล้ว หรืออยากจะลาออกมาเพื่อพักผ่อนและให้เวลาตัวเองได้ค้นหาเส้นทางต่อไป การวางแผนการเงินล่วงหน้าก็ยังคงเป็นหัวใจสำคัญที่ขาดไม่ได้ เพราะมันคือรากฐานที่จะช่วยให้การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ราบรื่นและมั่นคงที่สุด แนะนำให้ลองแบ่งเงินเก็บออกเป็น 6 ส่วนตามนี้
1. เงินสำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นรายเดือน
เงินส่วนนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเพราะเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต้องจ่ายทุกเดือน เช่น ค่าอาหาร ค่าที่พัก ค่าน้ำไฟ ค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายพื้นฐานอื่น ๆ ที่ช่วยให้ชีวิตประจำวันดำเนินไปได้อย่างราบรื่น หากไม่มีเงินส่วนนี้ อาจทำให้เกิดปัญหาทางการเงินหรือความลำบากในการดำรงชีวิตได้
2. เงินเก็บสำรองฉุกเฉิน
การมีเงินเก็บฉุกเฉินไว้ช่วยให้คุณพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้น เช่น เจ็บป่วย หรือซ่อมแซมบ้านอย่างเร่งด่วน เงินก้อนนี้จะช่วยให้คุณไม่ต้องกู้ยืมหรือขายทรัพย์สินในเวลาที่ลำบาก ทั้งนี้หากคุณยังไม่มีเงินสำรองฉุกเฉินเพื่อใช้ในเหตุด่วนนี้ สินเชื่อส่วนบุคคล แคชทูโก อีกทางเลือกที่จะช่วยเสริมสภาพคล่องได้ในช่วงที่จำเป็นต้องใช้เงิน เพราะเป็นสินเชื่อที่ให้วงเงินอนุมัติสูงสุด 5 เท่าของรายได้เฉลี่ยต่อเดือน หรือสูงสุดถึง 2 ล้านบาท รับเงินไปใช้จัดการเรื่องฉุกเฉินได้ โดยไม่กระทบกับเงินเก็บสำรองฉุกเฉินที่มีอยู่ ผ่อนสบาย เลือกผ่อนสั้นหรือผ่อนยาวได้สูงสุด 12-72 เดือน สามารถเลือกผ่อนให้เหมาะกับความสามารถทางการเงิน ให้คุณได้จัดการค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนได้สะดวกขึ้น
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดก่อนจะตัดสินใจขอวงเงินสินเชื่อคือต้องรู้และวางแผนล่วงหน้าว่า คุณจะสามารถผ่อนชำระค่างวดได้ และไม่ควรใช้วงเงินโดยไม่มีแผนชำระคืนที่ชัดเจน เพราะหนี้ที่เกิดขึ้นหากบริหารไม่ดี อาจกลายเป็นภาระหนักในระยะยาวได้
3. เงินสำหรับการเก็บออมและลงทุนเพื่ออนาคต
เงินส่วนนี้เป็นการวางแผนทางการเงินระยะยาวเพื่อสร้างความมั่นคง เช่น การลงทุนในกองทุน หุ้น หรือประกันชีวิต เพื่อให้เงินงอกเงยและช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทางการเงินในอนาคต เช่น การเกษียณ หรือการศึกษาของบุตร เป็นต้น
4. เงินเก็บตามเป้าหมาย
เงินส่วนนี้จัดสรรไว้สำหรับเป้าหมายเฉพาะที่คุณตั้งใจไว้ เช่น เก็บเงินเพื่อมาเปิดกิจการธุรกิจเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง การมีเงินเก็บตามเป้าหมายจะช่วยให้คุณไม่ใช้เงินก้อนนี้ไปกับเรื่องอื่นโดยไม่ตั้งใจ และเป็นการสร้างวินัยและแรงผลักดันที่สำคัญ เพราะเมื่อคุณเห็นภาพความฝันชัดเจน การเก็บออมก็จะไม่ใช่เรื่องน่าเบื่ออีกต่อไป
5. เงินสำหรับพัฒนาตนเอง
เงินก้อนนี้ไม่ใช่ค่าใช้จ่าย แต่คือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด เพราะเป็นการลงทุนในทรัพย์สินที่สำคัญที่สุด นั่นคือตัวคุณเอง ในโลกการทำงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การหยุดเรียนรู้เท่ากับเดินถอยหลัง หากคุณมีงบประมาณสำหรับพัฒนาตัวเอง ก็จะทำให้คุณพร้อมเสมอที่จะคว้าโอกาสใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการลงเรียนคอร์สออนไลน์เพื่อเพิ่มทักษะด้านดิจิทัล การสอบใบ Certificate เฉพาะทาง การเรียนภาษาที่สาม หรือแม้แต่การซื้อหนังสือดี ๆ มาอ่าน หากลงทุนกับสิ่งเหล่านี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถ ทำให้คุณเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน และสร้างความได้เปรียบในการต่อรองรายได้ที่สูงขึ้นในการย้ายงานครั้งต่อไปอีกด้วย
6. เงินสำหรับให้รางวัลตัวเอง
หลายคนมักมองข้ามเงินส่วนนี้ไปเพราะคิดว่าเป็นการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แต่จริง ๆ แล้วมันคือส่วนสำคัญที่ทำให้แผนการเงินของคุณมีความยืดหยุ่นและทำได้จริงในระยะยาว การวางแผนการเงินที่ตึงเครียดเกินไปอาจทำให้คุณรู้สึกกดดันและล้มเลิกไปกลางคันได้ เงินส่วนนี้จึงมีไว้เพื่อเติมพลังใจให้กับตัวเอง เป็นการใช้เงินอย่างมีสติเพื่อสร้างความสุขและรักษาสมดุลของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการไปทานอาหารมื้อพิเศษ ซื้อของที่อยากได้หรือไปทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายความเครียดจากการทำงานและการวางแผนเปลี่ยนงาน การให้รางวัลตัวเองเมื่อทำตามแผนได้สำเร็จ จะเป็นแรงจูงใจชั้นดีที่ทำให้คุณมีพลังในการบริหารเงินและเดินตามเป้าหมายต่อไปได้อย่างมีความสุข
วิธีบริหารเงินหลังตัดสินใจลาออกจนกว่าจะได้งานใหม่
การบริหารเงินในช่วงเวลาที่ตัดสินใจลาออกจากงานเก่าและยังไม่ได้เริ่มงานใหม่เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะช่วงเวลานี้ถือเป็นช่วงว่างงานที่รายได้หลักอาจขาดหายไป หากไม่มีการวางแผนและบริหารจัดการเงินอย่างรอบคอบ อาจทำให้เกิดปัญหาทางการเงินได้ ดังนั้น ควรปฏิบัติดังนี้
- วางแผนการใช้เงินอย่างรอบคอบ ควรจัดสรรเงินสำรองฉุกเฉินและเงินที่เตรียมไว้สำหรับค่าใช้จ่ายประจำอย่างระมัดระวัง โดยให้ความสำคัญกับค่าใช้จ่ายจำเป็น เช่น ค่ากินอยู่ ค่าที่พัก ค่ารักษาพยาบาล และค่าใช้จ่ายพื้นฐานอื่น ๆ ที่ไม่สามารถลดได้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้เงินกับสิ่งฟุ่มเฟือยหรือความบันเทิงที่ไม่จำเป็น เพื่อรักษาเงินสำรองให้เพียงพอจนกว่าจะได้งานใหม่
- วิธีหารายได้เสริมระหว่างรอเริ่มงานใหม่ เพื่อช่วยเพิ่มรายได้ในช่วงว่างงาน สามารถพิจารณาหารายได้เสริม เช่น งานฟรีแลนซ์ งานออนไลน์ หรือขายของที่บ้าน ซึ่งช่วยลดภาระการใช้เงินเก็บได้ นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสในการเสริมทักษะหรือสร้างเครือข่ายใหม่ ๆ ที่อาจเป็นประโยชน์กับงานใหม่ในอนาคต
- การวางแผนการเงินระยะยาวหลังเปลี่ยนงาน เมื่อเริ่มงานใหม่แล้ว ควรรีบจัดระบบการเงินตั้งแต่ต้น โดยใช้หลักการบริหารเงินอย่างเป็นระบบ เพื่อแบ่งสัดส่วนรายได้ให้เหมาะสม ระหว่างค่าใช้จ่ายจำเป็น เงินออม เงินลงทุนและเงินสำหรับพัฒนาตัวเอง เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินและลดความเสี่ยงในอนาคต

สรุปบทความ
สุดท้ายแล้ว คำถามที่ว่า เปลี่ยนงานดีไหม ไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิด เพราะขึ้นอยู่กับสถานการณ์และเป้าหมายของแต่ละคน แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการเตรียมความพร้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวางแผนทางการเงินให้รอบคอบ การมีเงินสำรองที่เพียงพอจะช่วยลดความเสี่ยงและทำให้คุณมีอิสระในการตัดสินใจเลือกเส้นทางอาชีพที่ใช่สำหรับคุณมากที่สุด เมื่อคุณพร้อมทั้งเรื่องการเงินและเป้าหมายในใจ การเปลี่ยนงานก็จะเป็นก้าวต่อไปที่มั่นคงและนำไปสู่ความสำเร็จอย่างแน่นอน
กู้เท่าที่จำป็นและชำระคืนไหว
สินเชื่อส่วนบุคคล แคชทูโก อัตราดอกเบี้ย 18% - 25% ต่อปี
เงื่อนไขการพิจารณาสินเชื่อเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

