เศรษฐกิจโลกชะลอตัวและเศรษฐกิจไทยเติบโตต่ำถือเป็นปัจจัยที่ท้าทายต่อการเติบโตของทุกอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตามยังมี “โอกาส” อยู่เสมอ
ครั้งนี้ finbiz by ttb ได้นำข้อมูลด้านเศรษฐกิจ และ โอกาสสำหรับอุตสาหกรรมด้านสุขภาพ โดย คุณนริศ สถาผลเดชา Chief Data and Analytics Group ทีทีบี จากเนื้อหาส่วนหนึ่งในหลักสูตร “LEAN for Sustainable Growth by ttb” รุ่นที่ 19 สำหรับอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ (Healthcare) สรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้
Healthcare เติบโตดีสวนกระแสเศรษฐกิจ
เศรษฐกิจโลกปี 2024 ถือเป็นปีที่ยาก เศรษฐกิจไม่ได้ดีอย่างที่คาด แต่ก็ไม่ได้แย่เหมือนปี 2020 ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 จุดที่เศรษฐกิจโลกแย่สุดจึงผ่านพ้นไปแล้ว โดย IMF ประเมินว่าเศรษฐกิจโลกปีนี้มีแนวโน้มขยายตัวประมาณ 3.2% อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังคงมีอยู่จากความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ทำให้ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น ต้นทุนการค้าโลกจึงพุ่งสูงเป็นเงาตามตัว แม้เงินเฟ้อจะมีแนวโน้มที่ดี แต่ดอกเบี้ยนโยบายยังคงอยู่ในระดับสูง อีกปัญหาที่เจอคือจีนระบายสินค้ากระจายไปทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ทำให้เอสเอ็มอีในแต่ละประเทศอยู่ยากมากขึ้น
สำหรับเศรษฐกิจไทยปี 2024 มีแนวโน้มฟื้นตัวคาดว่าเติบโตประมาณ 2.6% แต่กำลังซื้อภายในประเทศจะชะลอลงโดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง จากปัญหาหนี้ครัวเรือนเรื้อรังและดอกเบี้ยสูง การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐล่าช้า ทำให้เศรษฐกิจภูมิภาคไปต่อได้ยาก ขณะที่ปัจจัยบวกอยู่ที่การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยโดยรวมเติบโตช้าและต่ำกว่าศักยภาพ
เทรนด์ “เฉพาะทาง” กำลังมาแรง
แม้เศรษฐกิจไทยจะหดตัว แต่ผู้บริโภคยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ ส่งผลให้ธุรกิจสุขภาพในไทยเติบโตต่อเนื่อง
- ปี 2024 คาดว่าตลาดบริการทางการแพทย์เอกชนจะมีรายได้เติบโต 4.4 แสนล้านบาท โดยรายได้ 72% ของตลาดมาจากโรงพยาบาลเอกชน และรายได้ส่วนใหญ่ยังคงกระจุกอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ในสัดส่วน 75% รองลงมาเป็นภาคตะวันออก 8%
- กลุ่มเป้าหมายสำคัญที่ขับเคลื่อนตลาดบริการทางการแพทย์ไทย คือ นักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งคาดว่าจะเข้ามาประเทศไทยประมาณ 33 ล้านคนในปีนี้ โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวตะวันออกกลางมีสัดส่วนรายจ่ายการแพทย์ที่สูง อีกกลุ่มคือ แรงงานต่างด้าวถูกกฎหมาย จำนวน 2.6 ล้านคน ซึ่งมีประกันตนในสัดส่วน 40%
- โดยเทรนด์ธุรกิจที่น่าจับตามีอยู่ 3 กลุ่ม คือ โรงพยาบาลเฉพาะทาง คลินิกเฉพาะทาง และห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ เนื่องจากมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง คาดว่าต่อไปคลินิกทั่วไปและโรงพยาบาลเอกชนทั่วไปจะอยู่ยากขึ้น
- ถ้าโฟกัสที่โครงสร้างประชากรไทยช่วงอายุ 40 ปีขึ้นไป ปัจจุบันมีจำนวน 32 ล้านคน แต่ในปี 2031 คาดว่ากลุ่มวัยนี้จะเพิ่มจำนวนเป็น 37 ล้านคน ซึ่งจะเป็นปัจจัยส่งเสริมให้กลุ่มธุรกิจกายภาพบำบัดเติบโต เพราะได้รับแรงหนุนจากโรคเรื้อรังที่ต้องอาศัยการรักษาอย่างต่อเนื่อง เช่น โรค Office Syndrome
“เทรนด์ Specialized กำลังมา ธุรกิจการแพทย์เฉพาะทางจะกินส่วนแบ่งตลาดมากขึ้น โดยเติบโตได้ดีกว่า 15% ต่อปีในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ เมื่อเทียบรายได้ระหว่างโรงพยาบาลเอกชนที่เน้นลูกค้าต่างชาติกับเน้นกลุ่มคนไทยแล้ว พบว่าช่องว่างของรายได้จะห่างกันเรื่อย ๆ อย่างเห็นได้ชัด จึงเป็นโอกาสของธุรกิจที่มีกลุ่มลูกค้าเป็นชาวต่างชาติ”
ท่องเที่ยวเชิงการแพทย์...โมเดลธุรกิจที่จะได้ไปต่อในอนาคต
แม้กลุ่ม Hospitality จะเป็นจุดแข็งของประเทศไทย แต่ในเมื่อการขยายตลาดในประเทศมีข้อจำกัด ทำให้ “H2H Model” หรือ Hospitality to HealthCare กลายเป็นโมเดลธุรกิจที่น่าสนใจ โดยควรเน้นกลุ่มลูกค้าต่างชาติมากขึ้น และผูกอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ไปกับการท่องเที่ยว ในนามของ การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism) ซึ่งผู้ประกอบการสามารถนำไปปรับใช้ได้ ดังนี้
- โฟกัสคุณภาพของนักท่องเที่ยวมากกว่าจำนวน โดยเน้นไปที่กลุ่มต่างชาติเกษียณอายุ และกลุ่มคนทำงาน Digital Nomad ประมาณการรายจ่ายต่อหัวอยู่ที่ 80,000-120,000 บาทต่อทริป
- ออกแบบ Customer Journey และวางแผน Medical Tourism Supply Chain อย่างรอบด้าน เช่น ส่งต่อข้อมูลของเราให้กับบริษัททัวร์, แอปพลิเคชัน หรือ Medical Agent จัดเตรียมการเดินทางและการส่งต่อผู้ป่วยระหว่างประเทศ ในขณะที่ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลหรือคลินิกเฉพาะทาง ต้องจัดเตรียมที่พักและโปรแกรมการท่องเที่ยวรองรับญาติผู้ป่วยที่เดินทางมาด้วยกันด้วย
“เมื่อมองไปข้างหน้า ธีมการวางโมเดลธุรกิจในอนาคตจะเป็นไปในรูปแบบ Subscription คือระบบสร้างรายได้หมุนเวียนเพื่อสร้างกลุ่มลูกค้ารายได้ประจำให้กับธุรกิจ โดยสร้างความต้องการใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มความถี่ในการเข้ารับบริการ เช่น Tele-Medicine บริการการแพทย์ทางไกล รวมทั้งศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นอีกแนวทางที่สามารถสร้างรายได้หมุนเวียนให้กับธุรกิจในระยะยาว”
ด้วยระบบดูแลสุขภาพของไทยติดอันดับ Top 5 ของโลก และมีต้นทุนค่ารักษาพยาบาลที่สามารถแข่งขันได้ นอกจากนี้ โรงพยาบาลไทยยังมีมาตรฐานระดับโลก บุคลากรทางการแพทย์ของเรายังเก่งและแคร์ จึงมั่นใจได้ว่าประเทศไทยเรามีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะเป็น Medical Hub ได้อย่างแน่นอน
ที่มา :
- คุณนริศ สถาผลเดชา Chief Data and Analytics Group ทีทีบี
จากหลักสูตร “LEAN for Sustainable Growth by ttb” รุ่นที่ 19 สำหรับอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ (Healthcare)
finbiz by ttb
โครงการเสริมความรู้สู่การเป็น Smart SME ผ่านหลากหลายแพลตฟอร์ม
พร้อมองค์ความรู้ ที่ครบครัน จาก Partner ชั้นนำทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน
เพื่อให้ธุรกิจสามารถก้าวผ่านความท้าทายของโลกปัจจุบัน
ปรับตัวตอบโจทย์ยุคดิจิทัล พร้อมมุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
อัปเดตทุกดิจิทัลเทรนด์ และความรู้ดี ๆ ที่ SME ไม่ควรพลาด
เพียงแอดไลน์ @ttbSME