external-popup-close

คุณกำลังออกจากเว็บไซต์ ทีทีบี
เพื่อเข้าสู่

https://www.ttbbank.com/

ตกลง

Suggest Keywords

  • ห้องข่าว
  • เกี่ยวกับ ทีทีบี
  • ความยั่งยืน
  • นักลงทุนสัมพันธ์
  • ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ
  • ร่วมงานกับเรา
  • ติดต่อธนาคาร
ttb-logo
เมนู
  • ลูกค้าบุคคล
  • ลูกค้าเอสเอ็มอี
  • ลูกค้าธุรกิจ
  • ทีทีบี รีเซิร์ฟ
  • โปรโมชันและสิทธิพิเศษ
  • อัตราและค่าธรรมเนียม
  • ค้นหา
  • เข้าสู่ระบบ ttb business
    ttb business onettb business click
  • สินเชื่อเพื่อธุรกิจ
  • บัญชีและธุรกรรมภายในประเทศ
  • บัญชีและธุรกรรมระหว่างประเทศ
  • ดิจิทัลแบงก์กิ้ง และบริการอื่นๆ
  • finbiz เสริมความรู้ SME
  • สนใจสมัครผลิตภัณฑ์
ค้นหาจุดให้บริการ
หน้าหลัก ทีทีบี
ลูกค้าบุคคล
หน้าหลักลูกค้าบุคคล
เคล็ดลับการเงิน
บัญชีและบัตรเดบิต
บัตรเครดิต
สินเชื่อ
ประกัน
ลงทุน
บัญชีเงินเดือน ทีทีบี
ดิจิทัลแบงก์กิ้ง
บริการอื่น ๆ
ลูกค้าเอสเอ็มอี
หน้าหลักลูกค้าเอสเอ็มอี นิติบุคคล
สินเชื่อเพื่อธุรกิจ
บัญชีและธุรกรรมภายในประเทศ
บัญชีและธุรกรรมระหว่างประเทศ
ดิจิทัลแบงก์กิ้ง และบริการอื่นๆ
finbiz เสริมความรู้ SME
สนใจสมัครผลิตภัณฑ์
ผลิตภัณฑ์ลูกค้าเอสเอ็มอี บุคคลธรรมดา
เข้าสู่ระบบ
ttb business one
ttb business click
ลูกค้าธุรกิจ
หน้าหลักลูกค้าธุรกิจ
สินเชื่อเพื่อธุรกิจ
บัญชีและธุรกรรมภายในประเทศ
บัญชีและธุรกรรมระหว่างประเทศ
ดิจิทัลแบงก์กิ้ง และบริการอื่นๆ
เข้าสู่ระบบ
ttb business one
ttb business click
ทีทีบี รีเซิร์ฟ
หน้าหลักทีทีบี รีเซิร์ฟ
เอกสิทธิ์พิเศษ
โปรโมชันพิเศษ
อัปเดตการลงทุน
โซลูชันการลงทุนและสกุลเงินต่างประเทศ
โปรโมชันและสิทธิพิเศษ
หน้าหลักโปรโมชันและสิทธิพิเศษ
บัญชี
บัตรเดบิต
บัตรเครดิต
สินเชื่อ
ประกัน
ลงทุน
บัญชีเงินเดือน ทีทีบี
ทีทีบี รีเซิร์ฟ
ttb rewards plus
อัตราและค่าธรรมเนียม
บัญชีเงินฝากและบริการที่เกี่ยวข้อง
สินเชื่อและบริการเงินกู้
บริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
Forward Points
ห้องข่าว
หน้าหลักห้องข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
ข่าวลูกค้าธุรกิจ
ข่าวศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ
เกี่ยวกับ ทีทีบี
หน้าหลักเกี่ยวกับ ทีทีบี
รู้จัก ทีทีบี
ประวัติธนาคาร
ลักษณะประกอบธุรกิจ
โครงสร้างและการจัดการ
บรรษัทภิบาล
การบริหารความเสี่ยง
ข้อตกลงการใช้เว็บไซต์
ความยั่งยืน
หน้าหลักความยั่งยืน
แนวทางความยั่งยืน
ความยั่งยืนทางธุรกิจ
ความยั่งยืนทางด้านสิ่งแวดล้อม
ความยั่งยืนด้านสังคม
บรรษัทภิบาลและจริยธรรมทางธุรกิจ
นโยบายและการรายงาน
นักลงทุนสัมพันธ์
หน้าหลักนักลงทุนสัมพันธ์
ข้อมูลทางด้านการเงิน
ข้อมูลนำเสนอ
ข้อมูลหลักทรัพย์
ข้อมูลตราสารหนี้และอันดับความน่าเชื่อถือ
ข่าวแจ้งตลาดหลักทรัพย์และนักลงทุน
บริการผู้ถือหุ้น
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ
ร่วมงานกับเรา
หน้าหลักร่วมงานกับเรา
เหตุผลที่ควรร่วมงานกับ ttb
เราทำงานกันอย่างไร
ติดต่อเรา
นโยบายความเป็นส่วนตัวผู้สมัครงาน
ตำแหน่งที่เปิดรับสมัคร
ติดต่อธนาคาร

Thailand Net Zero Commitment และการปรับตัวของธุรกิจไทย

1 ม.ค. 2567

ปัจจุบันผู้ประกอบการจะสนใจแต่การทำกำไรและทำมาร์เก็ตติ้งอย่างเดียวไม่ได้ ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมด้วย โดยโฟกัสไปที่ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ซึ่งในวันนี้ได้อัปเกรดความรุนแรงจาก “ภาวะโลกรวน” ไปเป็น “ภาวะโลกเดือด” เรียบร้อยแล้ว ttb จึงได้จัดงานสัมมนา Sustainable Growth - The Way to Business of the Future ขึ้น โดยเชิญ คุณธาดา วรุณโชติกุล ผู้จัดการ สำนักรับรองธุรกิจคาร์บอนต่ำ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ TGO มาให้ความรู้เกี่ยวกับนโยบาย Net Zero ของประเทศ ที่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการโดยตรง เพื่อก้าวเดินสู่เส้นทางแห่งความยั่งยืนอย่างมั่นใจ


นโยบายและเป้าหมายต่อสู้กับ Climate Change


เทรนด์โลกที่ผ่านมาเราได้เห็นประเทศต่าง ๆ จริงจังกับการบริหารจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศตนให้ลดลง โดยมี 97 ประเทศที่ได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emission) ตามปีเป้าหมายที่กำหนด เช่น เป้าหมายของสหรัฐอเมริกาคือปี 2050 ส่วน Net Zero ของจีนคือปี 2060


ส่วนประเทศไทยเรา นอกจากจะตั้งใจบรรลุ Net Zero ในปี 2065 เราก็ยังต้องการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2050 แต่เป้าหมายที่ใกล้กว่านั้น คือปี 2030 ต้องลดก๊าซเรือนกระจกลงให้ได้ 30-40%


สถานการณ์ปัจจุบันของไทย

  • ปี 2023 นี้ประเทศไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจกอยู่ที่ 350-360 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า คือ หน่วยที่ใช้ชี้วัดก๊าซเรือนกระจกแต่ละชนิดว่าเทียบเท่ากับคาร์บอนไดออกไซด์ปริมาณเท่าไหร่ เพราะก๊าซเรือนกระจกประกอบด้วยก๊าซหลายชนิด) และหากปล่อยโดยที่ไม่มีการควบคุมไปจนถึงปี 2025 คาดว่าเราจะปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงสุดคือ 380 กว่าล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หลังจากนั้นก๊าซเรือนกระจกจะต้องถูกควบคุมให้ลดลงมาเรื่อย ๆ

  • ในระดับประเทศ ภาคที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดคือ ภาคพลังงาน ขนส่ง ภาคอุตสาหกรรม ภาคการเกษตร และภาคการจัดการของเสีย โดยคาดว่าประเทศไทยจะสามารถควบคุมปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเต็มที่ไม่เกิน 120 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ส่วนภาคการดูดกลับหรือภาคป่าไม้ เราดูดกลับก๊าซเรือนกระจกได้ 80 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

  • โจทย์คือทำอย่างไรให้ “ปล่อย” น้อยลง และ “ดูดกลับ” เพิ่มขึ้น ภาครัฐได้ออกนโยบายและประกาศใช้มาตรการสำคัญต่างๆ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้น้อยลง เช่น เพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนในการผลิตไฟฟ้าอย่างน้อย 68% ในปี 2040 และ 74% ในปี 2050 รวมทั้งสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ให้ได้ 69% ในปี 2035 เป็นต้น

  • ภาคเอกชนเองก็ตื่นตัวไม่น้อย มีการนำนโยบายของภาครัฐไปตั้งเป็นเป้าหมาย Net Zero ให้กับธุรกิจของตน ทั้งยังนำนวัตกรรมต่างๆ เข้ามาใช้ เช่น เทคโนโลยี CCUS (Carbon Capture Utilization Storage) เพื่อควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการเพิ่มพื้นที่สีเขียว เพื่อขยับตัวเลขการดูดกลับจาก 80 เป็น 120 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

  • คาดการณ์ว่าปี 2065 ก๊าซเรือนกระจกจะถูกลดปริมาณลงเหลือต่ำกว่า 120 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และถูกดูดกลับ 120 ล้านตันล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ประเทศไทยจะบรรลุเป้าหมาย Net Zero ได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน


“ผู้ประกอบการทุกท่านสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการตอบสนองนโยบายดังกล่าวของภาครัฐได้ โดยช่วยกันประเมินปริมาณก๊าซเรือนกระจกแบบ Bottom-up ขึ้นไป เพื่อช่วยชาติบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ และยังสามารถขยายผลนำไปสู่การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกในระดับองค์กรของเราได้”


สรุป 6 แนวทางขับเคลื่อนภายในประเทศ


  1. ด้านนโยบาย

    มีการบูรณาการและกำหนดเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emission) ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) เข้าสู่แผนระดับประเทศ รวมทั้งขับเคลื่อน BCG Model โดยมองเรื่อง Bio-Economy เน้นสร้างมูลค่าเพิ่ม, Circular Economy ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดการสูญเสีย และ Green Economy เน้นดำเนินงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสร้างความยั่งยืน เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

    นอกจากนี้ยังส่งเสริมภาคการเกษตรในการลดก๊าซเรือนกระจก ชาวนาต้องปรับตัวมาทำนาวิถีใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ข้อนี้สำคัญมากเพราะข้าวของไทยมีค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงกว่าข้าวของญี่ปุ่นถึง 4 เท่า หากมีการคิดภาษีคาร์บอนในสินค้าการเกษตร จะทำให้ราคาข้าวของเราสูงกว่า การแข่งขันทางการค้าก็จะยากลำบากยิ่งขึ้น จึงได้นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยร่วมกับปราชญ์ชาวบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการปรับค่าปุ๋ยให้เหมาะกับสภาพดิน การปลูกเปียกสลับแห้ง ซึ่งข่าวดีคือทาง TGO ได้พัฒนาระเบียบวิธีการประเมินการลดก๊าซเรือนกระจกหรือก๊าซมีเทนในนาข้าว หากลดมีเทนได้เท่าไร ก็นำมาขอขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิตได้ จึงอาจเห็นชาวนาขายคาร์บอนเครดิตในอนาคต

 

  1. ด้านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี

    ธุรกิจใดที่มีการเผาไหม้อยู่ จะปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่บรรยากาศโดยตรงไม่ได้อีก โดยอาจพิจารณาติดตั้งเทคโนโลยี CCUS ไว้ดักจับคาร์บอน นำมาอัดลงดินหรือหลุมอย่างถาวร แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีนี้มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ไม่คุ้มค่าที่จะลงทุน หากมีการใช้งานมากขึ้น และนำมาขึ้นทะเบียนโครงการลดก๊าซเรือนกระจกระดับประเทศในรูปของคาร์บอนเครดิต บวกกับแรงสนับสนุนจากภาครัฐ คาดว่าค่าใช้จ่ายอาจจะต่ำลงได้

 

  1. ด้านการค้า/การลงทุน

    ปัจจุบัน BOI ส่งเสริมเรื่องการลงทุนเพื่อสิ่งแวดล้อมและสิทธิประโยชน์ทางภาษี เช่น กรณีโรงงานแยกก๊าซธรรมชาติ ถ้าใช้เทคโนโลยี CCUS จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี กิจการห้องเย็นและขนส่งห้องเย็นที่หันมาเปลี่ยนใช้สารทำความเย็นลดก๊าซเรือนกระจกต่ำ หรือกลุ่มปิโตรเคมีใช้เทคโนโลยี CCUS จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3 ปี และ 8 ปี ตามลำดับ อีกมาตรการที่มีผู้ยื่นใช้สิทธิจำนวนมากคือ มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพ ถ้าผู้ประกอบการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อลดก๊าซเรือนกระจก จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3 ปี ร้อยละ 50 ของเงินลงทุน

    หากต้องการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ควบคู่ไปกับการมีส่วนร่วมลดก๊าซเรือนกระจก ปัจจุบันสามารถบริจาค E-Donation เพื่อสนับสนุนป่าชุมชน ใบเสร็จนำไปยกเว้นภาษีเงินได้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2023 - 31 ธันวาคม 2027

 

  1. ด้านการพัฒนากลไกตลาดคาร์บอนเครดิต

    TGO มีการพัฒนาแพลตฟอร์มให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายสามารถทำการซื้อขายคาร์บอนเครดิตได้ โดย “ผู้ซื้อ” เป็นภาคที่มีการรายงานข้อมูลและต้องการจะชดเชย ส่วน “ผู้ขาย” คือผู้ที่พัฒนาโครงการการลดก๊าซเรือนกระจก

 

  1. ด้านการเพิ่มแหล่งกักเก็บและดูดกลับก๊าซเรือนกระจก

    เป้าหมายคือเพิ่มพื้นที่กักเก็บให้ได้ 120 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ปัจจุบันมีหลายบริษัทเข้าร่วมปลูกและดูแลรักษาป่าในพื้นที่ของรัฐภายใต้โครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย T-VER เพื่อช่วยกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก คำนวณเป็นคาร์บอนเครดิตได้เท่าไร บริษัทผู้พัฒนาโครงการรับไป 90% และแบ่งปันเครดิตให้กับภาครัฐ 10%

 

  1. ด้านกฎหมาย

    ผลักดัน (ร่าง) พ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ฉบับแรกของไทย ในเบื้องต้นจะบังคับกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปริมาณที่สูงก่อน โดยให้มีการรายงานข้อมูล เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ในการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก โดยคาดว่าจะมีการประกาศใช้ พ.ร.บ. นี้ในปี 2024 นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เพื่อดูแลด้าน Climate Change โดยตรง


“เราจะเดินทางไปถึงเป้าหมายได้ ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน เช่น ภาคเอกชนนำนโยบายของภาครัฐ และเรื่องที่เกี่ยวกับ Climate Change เช่น แนวคิด ESG เข้าไปอยู่ในนโยบายขององค์กร ตั้งเป้าหมายระยะยาวและพยายามลดก๊าซเรือนกระจกด้วยตัวเอง เช่น ปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอุตสาหกรรม ส่วนที่ลดไม่ได้ก็ชดเชยจากคาร์บอนเครดิตที่ TGO ให้การรับรอง เพื่อมุ่งสู่ Carbon Neutrality และ Net Zero ตามเป้าหมาย”


ที่มา :

  • คุณธาดา วรุณโชติกุล จากงาน สัมมนา Sustainable Growth - The Way to Business of the Future

finbiz by ttb

โครงการเสริมความรู้สู่การเป็น Smart SME ผ่านหลากหลายแพลตฟอร์ม
พร้อมองค์ความรู้ ที่ครบครัน จาก Partner ชั้นนำทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน
เพื่อให้ธุรกิจสามารถก้าวผ่านความท้าทายของโลกปัจจุบัน
ปรับตัวตอบโจทย์ยุคดิจิทัล พร้อมมุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน


อัปเดตทุกดิจิทัลเทรนด์ และความรู้ดี ๆ ที่ SME ไม่ควรพลาด
เพียงแอดไลน์ @ttbSME


ผลิตภัณฑ์แนะนำ

สินเชื่อธุรกิจ ทีทีบี เอสเอ็มอี สมาร์ทบิส

บัญชีธุรกิจ ทีทีบี เอสเอ็มอีวันแบงก์

โซลูชันเพื่อองค์กรและสวัสดิการพนักงานแบบครบวงจร จาก ทีทีบี

ธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศ สำหรับ SME


หน้าหลัก finbiz


ศูนย์บริการลูกค้าธุรกิจ ทีทีบี 0 2643 7000


ศูนย์ธุรกิจต่างประเทศ ทีทีบี


finbiz team


คลิก รับข่าวสารทางไลน์

การใช้และจัดการคุกกี้

ธนาคารใช้คุกกี้ 3 ประเภท คือ 1) จำเป็นต่อการใช้งานของเว็บไซต์ 2) เพื่อประสบการณ์ที่ดีของท่าน และ 3) เพื่อการวิเคราะห์วิจัย โดยการใช้คุกกี้จะไม่สามารถระบุตัวตนของผู้ใช้งานได้ ท่านสามารถกดปุ่ม “อนุญาต” ให้ธนาคารเก็บคุกกี้การใช้งานของท่านในการกำหนดเป้าหมายทางการตลาดเพิ่มเติม เพื่อนำเสนอสิทธิประโยชน์ที่ตรงความต้องการของท่านมากที่สุด โปรดอ่านรายละเอียด นโยบายการใช้คุกกี้ ของธนาคาร

เกี่ยวกับ ทีทีบี

  • เกี่ยวกับ ทีทีบี
  • โครงสร้างองค์กร
  • คณะกรรมการและผู้บริหาร
  • ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ
  • ห้องข่าว

ติดต่อธนาคาร

  • ติดต่อธนาคาร
  • ร่วมงานกับเรา
  • ค้นหาสาขา
  • รายงานเบาะแสการทุจริต
  • บริการอื่น ๆ
  • รายงานและการเปิดเผยข้อมูลคุณภาพการให้บริการ

เว็บไซต์อื่นที่เกี่ยวข้องกับธนาคาร

  • ttb business click
  • ttb business one
  • ttb consumer
  • ttb DRIVE app
  • ttb property


  • ttb spark
  • ttb supply chain solutions
  • ttb web fleet service
  • fai-fah by ttb
  • Punboon by ttb
  • Eastspring Asset Management

ติดตามข่าวสาร

  • social-media-fb-logo
  • social-media-line-logo
  • social-media-tiktok-logo
  • social-media-twitter-logo
  • social-media-linkedin-logo

สำนักงานใหญ่

  • 3000 ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

ติดตามข่าวสาร
  • fb-icon
  • line-icon
  • tiktok-icon
  • twitter-icon
  • linkedin-icon
  • เกี่ยวกับ ทีทีบี
  • โครงสร้างองค์กร
  • คณะกรรมการและผู้บริหาร
  • ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ
  • ห้องข่าว
  • ติดต่อธนาคาร
  • ร่วมงานกับเรา
  • ค้นหาสาขา
  • รายงานเบาะแสการทุจริต
  • บริการอื่น ๆ
  • รายงานและการเปิดเผยข้อมูลคุณภาพการให้บริการ
  • ttb business click
  • ttb business one
  • ttb consumer
  • ttb DRIVE app
  • ttb property
  • ttb spark
  • ttb supply chain solutions
  • ttb web fleet service
  • fai-fah by ttb
  • Punboon by ttb
  • Eastspring Asset Management
© สงวนลิขสิทธิ์ 2568 ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน)
นโยบายความเป็นส่วนตัวลูกค้า
กลับสู่ด้านบน