ทำไมต้องหุ้นขนาดใหญ่ Information Technology ของสหรัฐฯ
ปัจจุบันเราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าบริษัทยักษ์ใหญ่กลุ่มเทคโนโลยีมีบทบาทเกี่ยวข้องกับกิจกรรมในชีวิตประจำวันของคนทั่วทุกมุมโลกมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์สื่อสาร การเรียน การทำงาน การจ่ายเงิน ความบันเทิง การเดินทาง เมื่อเรามามองที่ตลาดหุ้นจะพบว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ในปัจจุบันนี้เมื่อเรียงตามมูลค่าขนาดแล้วปรากฎว่า หุ้นกลุ่ม Information Technology (IT) นั้นติดอยู่ในอันดับต้นๆ บริษัทเหล่านี้ล้วนเป็นบริษัทที่มีชื่อที่รู้จักคุ้นหูเพราะพวกเรานั้นเป็นลูกค้าที่ซื้อสินค้าหรือใช้บริการแบรนด์ของบริษัทเหล่านี้อยู่ในชีวิตประจำวันไม่มากก็น้อย และเป็นที่น่าสังเกตว่าบริษัทแบรนด์ดังเหล่านี้ล้วนจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยกตัวอย่างเช่น Apple , Microsoft , Nvidia , Intel , AMD , Adobe ฯ
ลำดับบริษัทเรียงตามมูลค่าตลาด
(ข้อมูล : https://companiesmarketcap.com/, 26 ส.ค. 65)
บริษัทที่มีมูลค่าระดับสูงเหล่านี้ แสดงให้เห็นถึงความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลกที่แสวงหาโอกาสลงทุนในบริษัทชั้นนำในสหรัฐฯ ที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลกในปัจจุบัน
อย่างไรก็ดี ตั้งแต่ต้นปีมีปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนมากขึ้น ทั้งปัจจัยการเมืองสงครามรัสเซีย ยูเครน ที่ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกปรับตัวขึ้นต่อเนื่องผ่านราคาน้ำมัน การขนส่ง รวมถึงสินค้าเกษตร ซึ่งส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เริ่มมีท่าทีใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นด้วยการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อลดความร้อนแรงของเงินเฟ้อ และเป็นผลให้ตลาดสินทรัพย์ต่างๆ เกิดความผันผวน โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ นั้นได้ปรับตัวลดลงกว่า 14.0% ตั้งแต่ต้นปี ขณะที่หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีที่เป็นหุ้นกลุ่มหุ้นเติบโตสูงได้รับผลกระทบค่อนข้างมากกว่าจากความกังวลในยีลด์พันธบัตรที่ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามในไตรมาสที่ 3 แรงกดดันในตลาดหุ้นเริ่มที่จะผ่อนคลายลง หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีกลับเป็นกลุ่ม Outperform ด้วยอัตราผลตอบแทนกว่า +10.13% ขณะที่ S&P500 ปรับตัวขึ้นเช่นกันแต่อยู่ที่ +7.45% (ข้อมูล ณ 26 ส.ค. 2022, S&P500 IT Sector Index (NR), S&P500 Index (NR), ตามลำดับ) อันเนื่องจากราคาหุ้นหลายตัวที่กลับตัวเพิ่มขึ้นไม่ว่าจะเป็น Apple (+18.94%, QTD) หรือ Microsoft (+4.38%, QTD) จากผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ออกมาแข็งแกร่ง และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่ลดลง นำมาซึ่งปัจจัยสนับสนุนการลงทุนในหุ้น Big Cap กลุ่ม IT สหรัฐฯ สรุปได้ดังนี้
1. แนวโน้มเงินเฟ้อสหรัฐฯที่ลดลง : อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอตัวจากราคาน้ำมันและต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวลง ล่าสุดตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ณ เดือน ก.ค. ที่ 8.5% ไต่ระดับลงมาจากเดือน มิ.ย ที่ 9.1% จากราคาน้ำมันและต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวลง ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) มีแนวโน้มลดการเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อคุมเงินเฟ้อ
ที่มา: ttbInvestment Strategist, Bloomberg, as of Aug. 2022
2. คาดการณ์หุ้นสหรัฐฯ Bottom Out ในไตรมาส 3 และกลุ่มเทคฯ จะเป็นกลุ่มที่ Outperform : Fed New York ประเมินโอกาสเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ณ สิ้นปี 2022 มีไม่ถึง 10% เท่านั้น เป็นปัจจัยสนับสนุนการลงทุนในตลาดหุ้นต่อไป โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่ยังมีตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ขณะที่ยีลด์พันธบัตรสหรัฐฯ ระยะยาวที่เริ่มปรับตัวลง ส่วนหนึ่งเพราะ Fed ลดความจำเป็นในการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ย จุดนี้จะส่งผลดีต่อกลุ่ม IT มากที่สุดเนื่องจากราคาหุ้นกลุ่ม IT ได้ปรับตัวลงกว่ากลุ่มอื่นอันเนื่องมาจากช่วงก่อนหน้าที่ Bond Yield ปรับเร่งขึ้นเร็ว (หมายเหตุ : ในการคำนวณมูลค่าหุ้นของนักวิเคราะห์ด้วย Discount Cash Flow, หุ้นกลุ่มเติบโตสูงจะมีความกังวลที่จะมีการปรับลดราคาเป้าหมายมากกว่าหากปัจจัยคิดลด หรือ Discounted Rate มีอัตราสูงขึ้น)
ที่มา : EITH, Bloomberg, 20 ส.ค. 2565
3. บริษัทเทคฯ ขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ มีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง : ในแง่ปัจจัยพื้นฐาน ผลประกอบการไตรมาส 2 ของกลุ่ม IT ออกมาสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ประมาณการมากที่สุด
นอกจากนี้หากดูบริษัทขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Apple Microsoft หรือ Nvidia ต่างมีรายได้ กำไร ที่สม่ำเสมอ มีลักษณะการเติบโตแบบ Snowball (มากขึ้นเรื่อยๆ) เนื่องจากสินค้าบริการที่มีความแตกต่าง มีโมเดลธุรกิจที่แข็งแกร่ง คู่แข่งทัดเทียมได้ยากนั่นเอง
ที่มา: Apple (Investor Filling), Microsoft (Annual report), Dec 2021 และ Nvidia (Annual report), Jan 2022
4. ลักษณะกิจการที่ประสบความสำเร็จ “Winner takes all” หรือ “Winner takes most” : การกินรวบในอุตสาหกรรมของบริษัท สะท้อนมาที่ความสามารถในการสร้างอัตราการทำกำไรและการสร้างกระแสเงินสดที่ดี
5. เทคโนโลยียังเป็นตัวหลักในการผลักดันเศรษฐกิจและมีแนวโน้มเป็นส่วนหลักในการพัฒนาเศรษฐกิจ : ในปี 2025 50% ของการทำงาน ณ ปัจจุบันจะถูกแทนที่ด้วย Automation และ ในปี 2030 มากกว่า 80%ของประชากรทั่วโลกจะเข้าถึงเทคโนโลยี 5G (ที่มา : Mckinsey (Tech Trends) as of 11 มิ.ย. 64)
ความน่าสนใจของกลุ่ม IT Sector บน ตลาด S&P 500
ในแง่ผลตอบแทนที่ผ่านมาในภาพรวมของกลุ่ม IT Sector จาก S&P500 ค่อนข้างโดดเด่น และสม่ำเสมอกว่ากลุ่ม Communication Services และ Consumer Discretionary จาก S&P500 ด้วยกันเอง นอกจากนี้เมื่อเทียบกับ ดัชนี Nasdaq ที่คนส่วนใหญ่มักใช้เป็นตัวแทนหุ้นกลุ่มเติบโตสูงหรือหุ้นกลุ่มเทคฯ นั้นมีถึง 6 ใน 10 ปี ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาที่หุ้นในกลุ่ม IT จากดัชนี S&P500 ชนะ Nasdaq ได้
ที่มา: BlackRock, Bloomberg, Jun 2022
ด้วยปัจจัยสนับสนุนทั้งระยะสั้นและระยะยาวข้างต้น ทีทีบี จึงมองเห็นโอกาสที่จะลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ขนาดใหญ่ IT Sector ในดัชนี S&P500 ผ่านกองทุนเปิด Eastspring US Information Technology Fund (ES-USTECH) ซึ่งเป็นกองทุน Feeder Fund กองแรกในประเทศไทยที่มีนโยบายการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองเดียว คือ กองทุน iShares S&P500 IT Sector UCITS ETF (กองทุนหลัก) ในหน่วยลงทุนชนิด Class Acc USD ที่จดทะเบียนซื้อขายในประเทศไอร์แลนด์ (Ireland) ดำเนินงานตามระเบียบของ UCITS ในอัตราส่วนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
กระบวนการลงทุนของกองทุนหลัก iShares S&P500 IT Sector UCITS ETF
- เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทในกลุ่ม Information Technology จาก ดัชนี S&P500 หรือหุ้นสหรัฐฯขนาดใหญ่ 500 ลำดับแรกตลาดหุ้นสหรัฐฯ
- ถือหุ้นราว 75 ตัว (ถือหุ้น 76 ตัว ณ 30 มิ.ย.22) ตาม Market Capital Weight, Free Float Adjusted โดยจะมีการ rebalance ทุกไตรมาสอย่างเป็นระบบ
- กองทุนหลักมี Track Record โดดเด่นโดยให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 5 ปี ย้อนหลังที่ 21.27% ต่อปี เมื่อเทียบกับดัชนี MSCI ACWI ที่ 8.43%ต่อปี และ Nasdaq Composite ที่ 15.43% ต่อปี (ที่มา : Bloomberg Consensus, ณ วันที่ 31 ก.ค. 2565) และได้รับ Morningstar Rating 5 ดาว (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ก.ค. 2022)
(5 ปี ย้อนหลัง, ระยะเวลา 29 Jul 2017 – 29 Jul 2022)
สัดส่วนสินทรัพย์ที่ลงทุนของกองทุนหลัก (ที่มา : Master Fund’s Fund FactSheet, ก.ค. 22)
- สัดส่วนการลงทุนในหลักทรัพย์ Top 10 ณ ก.ค. 2022
Sub-Sector % Weight Technology Hardware, Storage & Peripherals 26.77 Systems Software 21.95 Semiconductors 17.47 Data Processing & Outsourced Services 11.86 Application Software 8.55 IT Consulting & Other Services 4.26 Communications Equip 2.95 Semiconductor Equipment 3.17 Electronic Equipment & Instruments 0.91 Electronic Components 0.80 Electronic Manufacturing Services 0.46 Other 0.83 - สัดส่วนการลงทุนในหลักทรัพย์ Top 10 ณ ก.ค. 2022
Company % Weight Apple Inc 25.69% Microsoft Corp 19.09% Nvidia Corp 4.89% Visa Inc 3.75% Mastercard Inc 3.26% Broadcom Inc 2.35% Accenture Plc 2.09% Adobe Inc 2.08% Cisco System 2.03% Salesforce Inc 1.97% Total 67.20%
ผลการดำเนินงานกองทุนหลักเทียบดัชนีชี้วัด
(ที่มา : EITH, Blackrock iShare, 31 ก.ค. 2022)
ข้อมูล : Master Fund Fact Sheet, ก.ค. 2022, กองทุนหลักจัดตั้งตั้งแต่วันที่ 20 พ.ย. 2015, Benchmark กองทุนหลักคือ S&P 500 Capped 35/20 Information Technology Index, ผลตอบแทนคิดเป็นต่อปี (annualized) สำหรับระยะเวลา 1 ปีขึ้นไป
ตัวอย่างหุ้นที่ถือในกองทุนหลัก iShares S&P500 IT Sector UCITS ETF
(ที่มา: Investopedia, https://companiesmarketcap.com/, 26 ส.ค. 2022)
Apple Inc. (Ticker : AAPL) : ผู้นำด้าน Gadgets อุปกรณ์ 5G และโทรศัพท์มือถือชั้นนำของโลก มีมูลค่าบริษัทมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก Apple ออกแบบ ผลิต และทำการตลาดผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีสำหรับผู้บริโภคที่หลากหลาย รวมถึงสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล แท็บเล็ต อุปกรณ์สวมใส่ อุปกรณ์ความบันเทิงภายในบ้าน และอื่นๆ ผลิตภัณฑ์ยอดนิยมบางส่วน ได้แก่ สมาร์ทโฟน iPhone และคอมพิวเตอร์ Mac Apple ยังได้ขยายยอดขายจากบริการอย่างมาก ดำเนินการจัดเก็บเนื้อหาดิจิทัล Cloud Services บริการชำระเงิน และเพิ่งเปิดตัว AppleTV+ ซึ่งเป็นบริการสตรีมเนื้อหาความบันเทิงตามสั่ง
Microsoft Corp. (Ticker : MSFT) : ผู้พัฒนาและผู้อนุญาตซอฟต์แวร์ อุปกรณ์ Solution และบริการระดับโลก มีมูลค่าบริษัทมากเป็นอันดับสามของโลก ซอฟต์แวร์ที่เป็นที่รู้จักได้แก่ Windows และ Office Suite รวมถึงฮาร์ดแวร์เกม XBox ขณะที่มีสัดส่วนรายได้จาก Cloud Computing Services เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นหนึ่งในผู้นำตลาด Cloud Platformหลักของ Microsoft หรือ Azure Microsoft เป็นเจ้าของและดำเนินการ LinkedIn ซึ่งเป็นเว็บไซต์เครือข่ายสังคมยอดนิยมสำหรับผู้หางาน
NVIDIA Corp (Ticker : NVDA) : บริษัทออกแบบและพัฒนา Graphic Processor และซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้อง เป็นผู้บุกเบิกในการพัฒนาหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ซึ่งแอพลิเคชันหลักเริ่มต้นอยู่ในกราฟิกพีซีและวิดีโอเกม ความสามารถของ GPU ถูกนำไปใช้ในแอพพลิเคชัน AI และ Machine Learning บริษัทนำเสนอผลิตภัณฑ์และแพลตฟอร์มที่ประกอบด้วยฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ บริการ และอื่นๆ เพื่อให้บริการเกม การแสดงภาพระดับมืออาชีพ ศูนย์ข้อมูล และตลาดยานยนต์ มีมูลค่าบริษัทมากเป็นอันดับ 14 ของโลก
ผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่กลุ่ม Information Technology ในตลาดสหรัฐฯที่มีปัจจัยพื้นฐานแกร่งแกร่ง อัตราการเติบโตสูง สามารถลงทุนไปกับกองทุนรวมที่น่าสนใจอย่างกองทุนเปิด Eastspring US Information Technology Fund (ES-USTECH) ที่ ทีทีบี ได้ตั้งแต่ช่วง IPO ในวันที่ 5-9 กันยายน 2022 และอีกครั้งในวันที่ 14 กันยายน 2022 เป็นต้นไป
คำเตือน : ข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์และการคาดหมาย รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้ ทำขึ้นบนพื้นฐานของแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุด ที่ได้รับมาและพิจารณาแล้วเห็นว่าน่าเชื่อถือ แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความถูกต้อง ความสมบูรณ์แท้จริงของข้อมูลดังกล่าว ความเห็นที่แสดงไว้ในรายงานฉบับนี้ได้มาจากการพิจารณาโดยเหมาะสมและรอบคอบแล้ว และอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งล่วงหน้าแต่อย่างใด รายงานฉบับนี้ไม่ถือว่าเป็นคำเสนอหรือคำชี้ชวนให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์และจัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะเพื่อประโยชน์แก่บุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเท่านั้น มิให้นำไปเผยแพร่ทางสื่อมวลชน หรือโดยทางอื่นใด ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) ไม่ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้นโดยตรงหรือเป็นผลจากการใช้เนื้อหาหรือรายงานฉบับนี้ การนำไปซึ่งข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมาย ทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้ เป็นการนำไปใช้โดยผู้ใช้ยอมรับความเสี่ยงและเป็นดุลยพินิจของผู้ใช้แต่เพียงผู้เดียว
การลงทุนในหน่วยลงทุนมิใช่การฝากเงิน และมีความเสี่ยงของการลงทุน /ผลการดำเนินงานในอดีต/ ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต /ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน / กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศและไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรืออาจได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ / ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวน โดยเฉพาะนโยบายการลงทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุนก่อนตัดสินใจลงทุน /ผู้ลงทุนสามารถรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ ทีทีบี ทุกสาขา หรือ ttb Investment Line โทร. 1428 กด # 4 ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 9:00 – 17:30 น. (ยกเว้นวันหยุดธนาคาร)