external-popup-close

คุณกำลังออกจากเว็บไซต์ ทีทีบี
เพื่อเข้าสู่

https://www.ttbbank.com/

ตกลง

อยากมีรถสักคัน จะซื้อหรือจะเช่าดีกว่ากันนะ?

23 ม.ค. 2567

อยากมีรถสักคัน จะซื้อหรือจะเช่าดีกว่ากันนะ?

อยากมีรถสักคัน จะซื้อหรือจะเช่าดีกว่ากันนะ?

อยากมีรถสักคัน จะซื้อหรือจะเช่าดีกว่ากันนะ?

การมีรถขับสักคันหนึ่งไม่ใช่เรื่องยากในสมัยนี้อีกแล้วเพราะเรามีทางเลือกอยู่หลายรูปแบบ แบบแรกก็คือการซื้อรถและขอสินเชื่อจากทางธนาคารเพื่อผ่อนชำระ และแบบที่ 2 คือการเช่าในรูปแบบ Car Subscription ซึ่งจะมีความแตกต่างกัน เราจะมาดูกันว่าทั้ง 2 แบบมีความแตกต่างกันอย่างไร และแบบไหนเหมาะกับตัวเรา

แบบที่ 1 การเช่าซื้อรถใหม่
การซื้อรถใหม่เป็นการตัดสินใจที่เราจะจ่ายเงินเพื่อเป็นเจ้าของรถคันนั้นๆ โดยเริ่มจากติดต่อผู้ขาย ไม่ว่าจะเป็นรถป้ายแดง จากโชว์รูม หรือซื้อรถมือสองจากเต็นท์รถหรือการประกาศขาย หลังจากที่เราตกลงในการซื้อรถแล้ว เราจะมีการวางเงินดาวน์ หลังจากนั้นเราก็จะยื่นสินเชื่อกับทางธนาคารหรือบริษัทไฟแนนซ์และทำการผ่อนชำระเงินต้นและดอกเบี้ยตามแผนที่กำหนด

เมื่อเราเป็นเจ้าของรถแล้ว เราย่อมมีหน้าที่ในการดูแลและรับผิดชอบต่อรถคันนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำประกันรถ การดูแลและตรวจสภาพรถอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้เรายังมีสิทธิให้คนอื่นมาใช้รถของเราได้ นำไปปล่อยเช่าได้ นำไปใช้เป็นหลักประกันในการขอเงินกู้ได้ และหากเราไม่ต้องการใช้รถคันดังกล่าวแล้วก็มีสิทธิในการขายต่อรถได้ด้วยอีกด้วย


แบบที่ 2 การเช่าขับแบบ Car Subscription
อีกวิธีการที่เราจะมีรถขับได้ก็คือการเช่าขับแบบ Car Subscription ซึ่งเป็นการเช่าแบบระยะยาว โดยที่เราจะต้องจ่ายเงินค่าเช่ารถเป็นงวดรายเดือนที่กำหนด ไม่ต้องวางเงินดาวน์ก้อนใหญ่ๆเหมือนการซื้อรถ แต่อย่างไรก็ตามการจ่ายค่าเช่ารถนั้นเราจะไม่ได้สิทธิและความเป็นเจ้าของของรถคันนั้นๆ ดังนั้นจึงลดความจุกจิกและเรื่องปวดหัวในการจัดการรถ ไม่ว่าจะเป็นการต่อประกัน ต่อ พรบ. การนำรถไปตรวจสภาพรถ หน้าที่เหล่านี้จะเป็นของบริษัทที่ให้เราเช่ารถ และหากรถที่เราขับมีปัญหาหรือเราอยากจะเปลี่ยนรถ ก็สามารถแจ้งกับบริษัทที่ให้เช่าได้

แน่นอนว่าการเช่ารถนั้น เราไม่ได้มีกรรมสิทธิ์หรือความเป็นเจ้าของในรถคันที่ใช้อยู่ ไม่สามารถนำไปขายต่อ ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสภาพรถ หรือนำไปเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อได้ เมื่อจบสัญญาการเช่ารถ เราสามารถเลือกได้ว่าเราจะจ่ายเงินเพิ่มเพื่อซื้อรถคันที่เราขับ เช่าต่อ หรือ คืนรถก็ได้


เลือกแบบไหนระหว่าง เช่าซื้อรถใหม่ หรือ เช่าขับแบบ Car Subscription?

ลองมาดูข้อเปรียบเทียบหากเราต้องการขับรถ Honda Accord ที่มีราคา 1,499,000 บาท ระหว่างการซื้อรถใหม่และการเช่าบแบบ Subscription จะเห็นได้ว่า

การซื้อรถใหม่จะต้องมีการวางเงินดาวน์ 20% หรือ 299,800 บาท และผู้ซื้อรถจะต้องผ่อนประมาณ 21,985 บาทต่อเดือน (263,820 บาทต่อปี) และมีค่าใช้จ่ายไม่ว่าจะเป็นการต่อประกันรถ ค่าต่อทะเบียน พรบ. การเช็กระยะ ค่าแบตเตอรี่ และค่ายางรถยนต์ ซึ่งในกรณีที่เราผ่อนจบในปีที่ 5 จะเห็นได้ว่า ค่าใช้จ่ายที่เราจะพบทั้งหมดคือ 1,777,900 บาท

ส่วนการเช่าขับแบบ Subsription ผู้เช่าจะจ่ายแค่ค่าเช่าเดือนละประมาณ 24,931 บาท (299,172 บาทต่อปี) ไม่มีค่าใช้จ่ายอื่นๆแล้ว รวม 5 ปี จะมีค่าใช้จ่าย 1,495,860 บาท

มาดูกรณีต่างๆว่าแบบไหนคุ้มค่ามากกว่ากัน


กรณีที่ 1: ต้องการเป็นเจ้าของรถในปีที่ 5
จากตารางจะเห็นได้ว่า ผู้เช่าซื้อได้เป็นเจ้าของรถตั้งแต่วันแรกและเมื่อผ่อนรถทั้งหมดในปีที่ 5 จะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 1,777,900 บาท ในขณะที่ผู้เช่าขับจะต้องพบกับค่าเช่าทั้ง 5 ปีรวมเป็นเงิน 1,495,860 บาท และต้องจ่ายค่าบัลลูนเพิ่มอีก 631,379 บาทเพื่อเป็นเจ้าของรถ รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 2,127,239 บาท เพราะฉะนั้นแล้วหากอยากเป็นเจ้าของรถภายใน 5 ปี ควรเลือกการเช่าซื้อ


กรณีที่ 2: ไม่ต้องการขับรถแล้วในปีที่ 5
ในกรณีนี้ผู้เช่าซื้อผ่อนจบในปีที่ 5 จะมีค่าใช้จ่ายรวม 1,777,900 บาท ในขณะที่ผู้เช่าขับจะมีค่าใช้จ่ายเพียง 1,495,860 บาท นั่นหมายความว่า การซื้อรถมาใช้ 5 ปีแล้วจอดไว้เฉยๆ ย่อมแพงกว่าการเช่าขับและคืนรถในระยะเวลา 5 ปี

อย่างไรก็ตามผู้ที่เช่าซื้ออาจจะใช้ทางเลือกในการขายรถให้บุคคลอื่นแล้วได้เงินสดกลับมา ตัวอย่างเช่น ขายในราคาครึ่งหนึ่งและได้เงินมา 700,000 บาท เมื่อนำไปหักลบกับค่าใช้จ่ายตลอด 5 ปี จะทำให้ค่าใช้จ่ายรวมเหลือเพียง 1,077,900 ซึ่งถูกกว่าการเช่าขับ

เพราะฉะนั้นแล้วหากเราต้องการขับรถเพียง 5 ปี การเช่าซื้อและขายรถให้ผู้อื่นในปีที่ 5 จะเป็นวิธีการที่คุ้มค่าที่สุด รอลงมาคือการเช่าขับและทำการคืนรถในปีที่ 5 แต่หากเช่าซื้อรถมาแล้วจอดไว้เฉยๆหลังจากปีที่ 5 จะมีค่าใช้จ่ายที่แพงที่สุด


กรณีที่ 3: ต้องการขับรถต่อในระยะยาว
ปกติแล้วการเช่าซื้อรถจะผ่อนสูงสุดที่ 5 ปี หลังจากนั้นจะไม่มีค่าใช้จ่ายเรื่องการเช่าซื้อ จะมีเฉพาะค่าใช้จ่ายอื่นๆ เท่านั้น จากตารางจะเห็นได้ว่าตั้งแต่ปีที่ 6 นั้น ผู้ที่เช่าซื้อจะไม่ต้องผ่อนรถแล้ว มีแต่ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในขณะที่การเช่าขับยังจะต้องจ่ายค่าเช่าต่อไปเรื่อยๆ และทำให้ค่าใช้จ่ายรวมของการเช่าขับแพงกว่าการเช่าซื้อตั้งแต่ปีที่ 7 เป็นต้นไป


กรณีที่ 4: ต้องการเปลี่ยนรถทุก 5 ปี
ในกรณีที่ต้องการเปลี่ยนรถทุก 5 ปี คนเช่าซื้อนั้นจะต้องทำการขายรถทุก 5 ปี และหาเงินดาวน์ 20% เพื่อมาซื้อรถใหม่ ในขณะที่คนเช่าขับสามารถคืนรถและทำสัญญาใหม่ได้ทันที โดยไม่ต้องมีการดาวน์รถให้ยุ่งยาก ในกรณีนี้แม้การเช่าขับจะเสียเงินมากกว่าเล็กน้อย แต่ก็ลดความยุ่งยากในการจัดการต่างๆได้ ลองดูนะครับว่าวิธีไหนที่เหมาะสมกับคุณ

หากคุณต้องการออกรถป้ายแดงอย่างสบายใจและกำลังมองหาสินเชื่อรถใหม่อยู่
ขอแนะนำสินเชื่อรถยนต์ใหม่ทีทีบีไดรฟ์

  • ดอกเบี้ยต่ำ อนุมัติไว
  • เงินดาวน์ต่ำเริ่มต้นที่ 0% จากราคารถยนต์
  • ผ่อนชำระได้สูงสุดถึง 84 เดือน

สนใจติดต่อเพื่อทราบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ทาง Facebook ทีทีบีไดรฟ์ หรือ ติดต่อทีทีบีคอนแทค เซ็นเตอร์โทร 1428

ให้คะแนนความพึงพอใจ
ประสบการณ์ในการใช้งานเว็บไซต์วันนี้ คุณพอใจมากน้อยแค่ไหน ?

รบกวนให้คะแนนเราหน่อยนะ

1
2
3
4
5
ไม่พอใจพอใจมากที่สุด