การมีรถขับสักคันหนึ่งไม่ใช่เรื่องยากในสมัยนี้อีกแล้วเพราะเรามีทางเลือกอยู่หลายรูปแบบ แบบแรกก็คือการซื้อรถและขอสินเชื่อจากทางธนาคารเพื่อผ่อนชำระ และแบบที่ 2 คือการเช่าในรูปแบบ Car Subscription ซึ่งจะมีความแตกต่างกัน เราจะมาดูกันว่าการเช่ารถหรือซื้อรถมีความแตกต่างกันอย่างไร และแบบไหนเหมาะกับตัวเรา
เช่ารถหรือซื้อรถ แตกต่างกันอย่างไร
อย่างที่ได้บอกไปว่า ในปัจจุบันนอกจากการขอสินเชื่อจากธนาคารเพื่อนำมาซื้อรถยนต์แล้ว ยังมีอีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้คุณมีรถมาใช้งานได้ นั่นก็คือ การเช่ารถแบบ Car Subscription แล้วเช่ารถ vs ซื้อรถ แตกต่างกันอย่างไร เราไปดูกัน
แบบที่ 1 การซื้อรถใหม่
การซื้อรถใหม่เป็นการตัดสินใจที่เราจะจ่ายเงินเพื่อเป็นเจ้าของรถคันนั้น ๆ โดยเริ่มจากติดต่อผู้ขาย ไม่ว่าจะเป็นรถป้ายแดง จากโชว์รูม หรือซื้อรถมือสองจากเต็นท์รถหรือการประกาศขาย และหลังจากที่มีการตกลงที่จะซื้อรถยนต์คันนั้น ๆ กับผู้ขายแล้ว ก็จะต้องมีการวางเงินดาวน์ซึ่งเป็นเงินส่วนแรกในการชำระค่ารถยนต์คันนั้น หลังจากนั้นก็จะต้องดำเนินการยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารหรือสถาบันการเงิน แล้วทำการผ่อนชำระเงินต้นและดอกเบี้ยตามที่ตกลงไว้ในสัญญา
แน่นอนว่า เมื่อคุณเป็นเจ้าของรถแล้ว ย่อมมีหน้าที่ในการดูแลและรับผิดชอบต่อรถคันนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำประกันรถ การดูแลและตรวจสภาพรถอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้เรายังมีสิทธิในรถยนต์คันนั้น ๆ อย่างสมบูรณ์ สามารถตัดสินใจได้ว่าจะนำไปปล่อยเช่า หรือนำไปใช้เป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อรถแลกเงิน และหากเราไม่ต้องการใช้รถคันดังกล่าวแล้วก็มีสิทธิในการขายต่อรถได้อีกด้วย
แบบที่ 2 การเช่าขับแบบ Car Subscription
อีกวิธีการที่เราจะมีรถขับได้ก็คือ การเช่าขับแบบ Car Subscription ซึ่งเป็นการเช่าแบบระยะยาว โดยที่เราจะต้องจ่ายเงินค่าเช่ารถเป็นงวดรายเดือนที่กำหนด ไม่ต้องวางเงินดาวน์ก้อนใหญ่เหมือนการซื้อรถ แต่อย่างไรก็ตามการจ่ายค่าเช่ารถนั้นเราจะไม่ได้สิทธิและความเป็นเจ้าของของรถคันนั้น ๆ ซึ่งจะช่วยลดความจุกจิกและเรื่องปวดหัวในการจัดการรถ ไม่ว่าจะเป็นการต่อประกัน การต่อ พรบ. การต่อภาษีรถยนต์ประจำปี การนำรถไปตรวจสภาพรถ เนื่องจากหน้าที่เหล่านี้จะเป็นของบริษัทที่ให้เราเช่ารถ และหากรถที่เราขับมีปัญหาหรือเราอยากจะเปลี่ยนรถ ก็สามารถแจ้งกับบริษัทที่ให้เช่าได้
แน่นอนว่าการเช่ารถนั้น เราไม่ได้มีกรรมสิทธิ์หรือความเป็นเจ้าของในรถคันที่ใช้อยู่ ไม่สามารถนำไปขายต่อ ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสภาพรถ หรือนำไปเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อได้ เมื่อจบสัญญาการเช่ารถ เราสามารถเลือกได้ว่าเราจะจ่ายเงินเพิ่มเพื่อซื้อรถคันที่เราขับ เช่าต่อ หรือ คืนรถก็ได้เช่นกัน
ข้อดีและข้อควรพิจารณาของการเช่ารถขับ
การเช่ารถเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการใช้งานและไม่ต้องการรับภาระค่าใช้จ่ายในระยะยาว มาดูรายละเอียดกัน
ข้อดีของการเช่ารถขับ
- ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะสั้น โดยค่าเช่ารถมักมีราคาต่ำกว่าการผ่อนชำระรายเดือนผ่านไฟแนนซ์
- ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าบำรุงรักษา เพราะบริษัทให้เช่าเป็นผู้รับผิดชอบค่าซ่อมบำรุงทั้งหมด
- เลือกประเภทรถได้หลากหลายตามการใช้งาน เช่น รถขนาดใหญ่สำหรับเดินทางไกล หรือรถเล็กสำหรับขับในเมือง
- ได้ใช้รถใหม่อยู่เสมอ เพราะบริษัทมักเปลี่ยนรถทุก 2-3 ปี
- ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเสื่อมราคาของรถ เพราะไม่ใช่เจ้าของทรัพย์สิน
ข้อควรพิจารณาของการเช่ารถขับ
- มีข้อจำกัดด้านระยะทางและพื้นที่การใช้งาน ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของสัญญาเช่า
- อาจมีค่าปรับหากใช้งานเกินกำหนด เช่น ขับเกินระยะทางที่ตกลง
- ไม่สามารถดัดแปลงหรือปรับแต่งรถได้ตามใจชอบ
- ต้องระมัดระวังในการใช้งานเป็นพิเศษเพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับความเสียหาย
ข้อดีและข้อควรพิจารณาของการซื้อรถ
การเป็นเจ้าของรถให้อิสระในการใช้งานมากกว่า แต่ก็มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่มากขึ้นเช่นกัน
ข้อดีของการซื้อรถ
- มีอิสระในการใช้งานอย่างเต็มที่ ไม่มีข้อจำกัดด้านระยะทางหรือพื้นที่
- สามารถปรับแต่งรถได้ตามความต้องการ ทั้งภายนอกและภายใน
- เป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่า สามารถขายหรือแลกเปลี่ยนได้ในอนาคต
- ประหยัดกว่าในระยะยาว โดยเฉพาะหลังจากผ่อนชำระหมด
- สร้างความภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของ
ข้อควรพิจารณาของการซื้อรถ
- ต้องใช้เงินลงทุนสูงตั้งแต่เริ่มต้น ทั้งเงินดาวน์และค่าผ่อนรายเดือน
- มีภาระค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและซ่อมแซม
- ต้องรับผิดชอบค่าประกันภัยและค่าต่อทะเบียนประจำปี
- มูลค่ารถลดลงตามอายุการใช้งาน
ปัจจัยที่ใช้ในการพิจารณาว่าจะเช่ารถหรือซื้อรถดี?
การตัดสินใจเลือกระหว่างเช่ารถหรือซื้อรถควรพิจารณาจากปัจจัยหลายด้านประกอบกัน เพื่อให้ได้ทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดกับความต้องการและสถานการณ์ของคุณ
ความถี่ในการใช้รถยนต์
ความถี่ในการใช้รถเป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้น ๆ ในการตัดสินใจ หากคุณต้องใช้รถเป็นประจำทุกวัน เช่น ขับไปทำงาน รับส่งลูกไปโรงเรียน หรือใช้เพื่อการทำธุรกิจ การซื้อรถมักจะคุ้มค่ากว่าในระยะยาว แต่หากใช้รถเป็นครั้งคราว เช่น เฉพาะช่วงวันหยุดหรือเดินทางไกล การเช่ารถอาจเป็นทางเลือกที่ประหยัดกว่า
งบประมาณ
งบประมาณเป็นตัวกำหนดสำคัญในการตัดสินใจ การซื้อรถต้องเตรียมเงินก้อนใหญ่สำหรับเงินดาวน์และภาระผ่อนชำระรายเดือน รวมถึงค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา ในขณะที่การเช่ารถใช้งบประมาณน้อยกว่าในระยะสั้น และสามารถคาดการณ์ค่าใช้จ่ายได้ชัดเจนกว่า เพราะค่าบำรุงรักษารวมอยู่ในค่าเช่าแล้ว
ไลฟ์สไตล์และความชื่นชอบ
ไลฟ์สไตล์ส่วนตัวมีผลต่อการตัดสินใจอย่างมาก หากคุณชื่นชอบการแต่งรถหรือต้องการความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน การซื้อรถอาจตอบโจทย์มากกว่า แต่ถ้าไม่ต้องการรับภาระในการดูแลรักษา หรือชอบเปลี่ยนรถใหม่บ่อย ๆ การเช่ารถอาจเหมาะสมกว่า นอกจากนี้ยังต้องพิจารณาถึงที่จอดรถและความสะดวกในการดูแลรักษาด้วย
ประเภทของรถยนต์ที่ต้องการใช้งาน
การเลือกประเภทรถให้เหมาะกับการใช้งานเป็นสิ่งสำคัญ การเช่ารถให้ความยืดหยุ่นในการเลือกประเภทรถตามความต้องการในแต่ละครั้ง เช่น เลือกรถครอบครัวสำหรับท่องเที่ยว หรือรถหรูสำหรับงานสำคัญ แต่การซื้อรถต้องเลือกประเภทที่ตอบโจทย์การใช้งานส่วนใหญ่ให้ได้มากที่สุด เพราะเป็นการลงทุนระยะยาว ดังนั้นควรพิจารณาความต้องการใช้งานหลักให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจซื้อ
อยากมีรถขับสักคัน จะเช่ารถหรือซื้อรถดี?
สำหรับคนที่ยังตัดสินใจว่าไม่ได้ว่า เช่ารถกับซื้อรถจะเลือกแบบไหนดี? ทีทีบีไดรฟ์ จะมาเปรียบเทียบให้ว่า หากเราต้องการขับรถ Honda Accord ราคา 1,499,000 บาท ระหว่างการซื้อรถใหม่และการเช่าแบบ Subscription จะมีข้อเปรียบเทียบอะไรบ้าง
กรณีซื้อรถใหม่
หากต้องการซื้อรถ Honda Accord ในราคา 1,499,000 บาท คุณจะต้องมีการวางเงินดาวน์ 20% หรือประมาณ 299,800 บาท และผู้ซื้อรถจะต้องผ่อนประมาณ 21,985 บาทต่อเดือน (263,820 บาทต่อปี) และมีค่าใช้จ่ายระหว่างการใช้รถ ที่เจ้าของรถจะต้องวางแผนและเตรียมไว้ให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นการค่าประกันรถ ค่าต่อทะเบียน พรบ. การเช็กระยะ ค่าแบตเตอรี่ และค่ายางรถยนต์ ซึ่งในกรณีที่คุณผ่อนจบในปีที่ 5 จะสามารถคำนวณค่างวด ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายระหว่างใช้รถทั้งหมดได้ประมาณ 1,777,900 บาท
สมัครสินเชื่อรถยนต์ใหม่ ttb DRIVE คลิก ที่นี่ เลย
กรณีเช่ารถแบบ Subscription
ในส่วนการเช่ารถ Honda Accord แบบ Subsription ผู้เช่าจะจ่ายแค่ค่าเช่าเดือนละประมาณ 24,931 บาท (299,172 บาทต่อปี) และไม่มีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ผู้เช่าต้องจ่ายเอง (ยกเว้นค่าน้ำมัน) เมื่อคำนวณค่าเช่าตลอด 5 ปี จะมีค่าใช้จ่าย 1,495,860 บาท
เช่ารถหรือซื้อรถแบบไหนคุ้มกว่ากัน?
แม้ว่าจะได้เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายจากการเช่ารถกับซื้อรถกันไปแล้ว แต่ ทีทีบีไดรฟ์ เชื่อว่ายังมีหลายคนที่ยังไม่มั่นใจเท่าไหร่นักว่าระหว่างการเช่ารถกับซื้อรถแบบไหนคุ้มค่ามากกว่ากัน เราจึงจะมาเปรียบเทียบให้คุณเห็นภาพมากขึ้น โดยสามารถแบ่งได้ทั้งหมด 4 กรณีดังนี้
กรณีที่ 1: ต้องการเป็นเจ้าของรถในปีที่ 5
จากตารางจะเห็นได้ว่า ผู้เช่าซื้อได้เป็นเจ้าของรถตั้งแต่วันแรกและเมื่อผ่อนรถทั้งหมดในปีที่ 5 จะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 1,777,900 บาท ในขณะที่ผู้เช่าขับจะต้องพบกับค่าเช่าทั้ง 5 ปีรวมเป็นเงิน 1,495,860 บาท และต้องจ่ายค่าบัลลูนเพิ่มอีก 631,379 บาทเพื่อเป็นเจ้าของรถ รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 2,127,239 บาท เพราะฉะนั้นแล้วหากอยากเป็นเจ้าของรถภายใน 5 ปี การเช่าซื้อก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์และสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า
กรณีที่ 2: ไม่ต้องการขับรถแล้วในปีที่ 5
ในกรณีนี้ผู้เช่าซื้อผ่อนจบในปีที่ 5 จะมีค่าใช้จ่ายรวม 1,777,900 บาท ในขณะที่ผู้เช่าขับจะมีค่าใช้จ่ายเพียง 1,495,860 บาท นั่นหมายความว่า การซื้อรถมาใช้ 5 ปีแล้วจอดไว้เฉย ๆ ย่อมแพงกว่าการเช่าขับและคืนรถในระยะเวลา 5 ปี
อย่างไรก็ตามผู้ที่เช่าซื้ออาจจะใช้ทางเลือกในการขายรถให้บุคคลอื่นแล้วได้เงินสดกลับมา ตัวอย่างเช่น ขายในราคาครึ่งหนึ่งและได้เงินมา 700,000 บาท เมื่อนำไปหักลบกับค่าใช้จ่ายตลอด 5 ปี จะทำให้ค่าใช้จ่ายรวมเหลือเพียง 1,077,900 ซึ่งถูกกว่าการเช่าขับ เพราะฉะนั้นแล้วหากเราต้องการขับรถเพียง 5 ปี การเช่าซื้อและขายรถให้ผู้อื่นในปีที่ 5 จะเป็นวิธีการที่คุ้มค่าที่สุด รอลงมาคือการเช่าขับและทำการคืนรถในปีที่ 5 แต่หากเช่าซื้อรถมาแล้วจอดไว้เฉย ๆ หลังจากปีที่ 5 จะมีค่าใช้จ่ายที่แพงที่สุด
กรณีที่ 3: ต้องการขับรถต่อในระยะยาว
ปกติแล้วผู้ที่เช่าซื้อรถจะเลือกระยะเวลาผ่อนประมาณ 4-5 ปี ซึ่งหลังจากที่ผ่อนค่างวดกับธนาคารหรือสถาบันการเงินจนหมด ผู้เช่าซื้อจะไม่มีค่าใช้จ่ายเรื่องการเช่าซื้อ หรือค่างวดรถในแต่ละเดือนอีกต่อไป จะมีเฉพาะค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เท่านั้น จากตารางจะเห็นได้ว่าตั้งแต่ปีที่ 6 นั้น ผู้ที่เช่าซื้อจะไม่ต้องผ่อนรถแล้ว มีเพียงค่าใช้จ่ายในการดูแลและใช้งานรถที่ผู้เช่าซื้อจะต้องรับผิดชอบเท่านั้น
ในขณะที่การเช่าขับยังจะต้องจ่ายค่าเช่าต่อไปเรื่อย ๆ และทำให้ค่าใช้จ่ายรวมของการเช่าขับแพงกว่าการเช่าซื้อตั้งแต่ปีที่ 7 เป็นต้นไป
กรณีที่ 4: ต้องการเปลี่ยนรถทุก 5 ปี
ในกรณีที่ต้องการเปลี่ยนรถทุก 5 ปี การเช่าซื้อนั้นจะต้องทำการขายรถทุก 5 ปี และหาเงินดาวน์ 20% เพื่อมาซื้อรถใหม่ ในขณะที่การเช่าขับสามารถคืนรถและทำสัญญาใหม่ได้ทันที โดยไม่ต้องมีการดาวน์รถให้ยุ่งยาก ในกรณีนี้แม้การเช่าขับจะเสียเงินมากกว่าเล็กน้อย แต่ก็ลดความยุ่งยากในการจัดการต่าง ๆ ได้
สรุปบทความ
และทั้งหมดนี้ก็คือข้อมูลที่ ทีทีบีไดรฟ์ รวบรวมมาเปรียบเทียบให้คุณเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่า จะตัดสินใจเช่ารถหรือซื้อรถดี ทั้งนี้ การเช่ารถกับซื้อรถต่างก็มีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป ดังนั้น จึงควรพิจารณาจากความต้องการของตัวผู้ขับขี่เองจะดีที่สุด
สมัครสินเชื่อรถยนต์ใช้เล้ว ttb DRIVE คลิก ที่นี่ เลย
สุดท้ายนี้สำหรับคนที่ต้องการขอสินเชื่อเพื่อซื้อรถ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ใหม่ป้ายแดง หรือรถยนต์มือสอง ก็สามารถขอสินเชื่อกับ ttb DRIVE ได้ เพราะเรามีบริการสินเชื่อรถยนต์ใหม่ และสินเชื่อรถยนต์ใช้แล้ว ที่ให้วงเงินสูงสุด 100% ของราคาประเมินรถ รู้ผลอนุมัติเบื้องต้นไวภายใน 30 นาที (เมื่อเอกสารครบ) ดอกเบี้ยรถยนต์ใหม่แบบคงที่ ชำระค่างวดเท่ากันตลอดอายุสัญญา ผ่อนชำระได้นานสูงสุด 84 เดือน
สมัครสินเชื่อรถแลกเงิน ttb DRIVE หรือคำนวณสินเชื่อคลิก ที่นี่ เลย
นอกจากนี้สำหรับคนที่กำลังมองหาเงินก้อนแบบเร่งด่วน เพื่อนำไปใช้จ่ายยามฉุกเฉิน หรือเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน เรายังมีบริการสินเชื่อรถแลกเงิน ttb DRIVE ที่พร้อมตอบโจทย์ความต้องการทางการเงินของแต่ละคน
สำหรับผู้ที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม หรือต้องการคำปรึกษาด้านสินเชื่อ ทีทีบีไดรฟ์มีผู้เชี่ยวชาญด้านสินเชื่อที่พร้อมให้บริการและให้คำปรึกษาตลอดกระบวนการ คุณจึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณอย่างแท้จริง
*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว
สินเชื่อรถยนต์ใหม่ อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 5.21% - 10.00% ต่อปี
สินเชื่อรถยนต์ใช้แล้ว อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 7.48% - 15.00% ต่อปี
สินเชื่อรถแลกเงิน อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 5.93% - 23.00% ต่อปี