external-popup-close

คุณกำลังออกจากเว็บไซต์ ทีทีบี
เพื่อเข้าสู่

https://www.ttbbank.com/

ตกลง

ขายอะไรดี? 12 ไอเดียเริ่มต้นค้าขาย สร้างรายได้ง่าย ๆ

#fintips #รอบรู้เรื่องกู้ยืม #สินเชื่อเงินสด #ขายอะไรดี #บัตรกดเงินสด ทีทีบี แฟลช #อาชีพเสริม #สร้างรายได้เสริม
2 พ.ย. 2568

ในยุคที่หลายคนมองหาโอกาสสร้างรายได้เสริมหรือแม้แต่เปลี่ยนอาชีพมาทำธุรกิจของตัวเอง คำถามยอดฮิตที่มักผุดขึ้นมาในใจคือ “ขายอะไรดี?” เพราะการค้าขายไม่ใช่แค่การขายของได้ แต่ต้องขายแล้วอยู่รอด สร้างกำไรและเติบโตได้ในระยะยาว บทความนี้ fin tips by ttb จึงได้รวบรวม 12 ไอเดียเริ่มต้นค้าขายที่เหมาะกับมือใหม่ หรือคนที่อยากเริ่มต้นธุรกิจเล็ก ๆ ด้วยเงินลงทุนไม่มาก แต่มีโอกาสต่อยอดสร้างรายได้จริง พร้อมชี้ช่องทางและจุดเด่นของแต่ละไอเดีย เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะขายของอะไรดี ให้เหมาะกับคุณและตลาดในตอนนี้!


ทำไมยุคนี้ใคร ๆ ก็อยากเริ่มขายของ?

เหตุผลสำคัญที่ทำให้หลายคนอยากลุกขึ้นมาเป็นเจ้าของธุรกิจเล็ก ๆ ของตัวเอง มาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปิดใจสนับสนุนร้านค้าขนาดเล็กและมองหาสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น ทำให้มีช่องทางการขายใหม่ๆ ที่เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายกว่าเดิม ทั้งบนโลกออนไลน์ผ่านโซเชียลมีเดียและมาร์เก็ตเพลส ไปจนถึงการออกร้านตามตลาดนัดและงานอีเวนต์ต่าง ๆ

ประกอบกับหลายคนต้องการอาชีพเสริมเพื่อเพิ่มรายได้ หรือมองหาความเป็นอิสระในการทำงานที่สามารถเปลี่ยนความชอบและทักษะส่วนตัวให้กลายเป็นธุรกิจได้ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นแรงผลักดันให้เทรนด์การค้าขายและการเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องนั่นเอง


เริ่มขายของ ต้องวางแผนอะไรบ้าง?

ก่อนจะไปดูว่า จะขายอะไรดี มาดูกันก่อนดีกว่าว่า ก่อนจะลงมือเปิดร้านขายอะไรสักอย่าง จำเป็นต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง ดังนี้

เริ่มขายของ ต้องวางแผนอะไรบ้าง

เลือกสินค้าที่ชอบ

แนะนำให้เริ่มต้นสำรวจความชอบ ความถนัดและไลฟ์สไตล์ของตัวเองก่อนเลยว่า ชอบทำอะไร มีทักษะด้านไหนเป็นพิเศษหรือไม่ หรือมีเวลาให้กับธุรกิจมากน้อยแค่ไหน เพราะการเลือกขายในสิ่งที่ตัวเองอินจะทำให้เรามีความสุขและมีแรงใจในการทำธุรกิจมากกว่า แถมยังเข้าใจในตัวสินค้าและกลุ่มลูกค้าได้ลึกซึ้งขึ้นอีกด้วย

ตั้งงบลงทุนและประเมินกำไร

ไม่จำเป็นต้องเริ่มจากเงินก้อนใหญ่เสมอไป แนะนำให้เริ่มต้นจากสเกลเล็ก ๆ แล้วค่อย ๆ ขยับขยายไปให้ใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจอาหารหรือขายของออนไลน์ ควรคำนวณต้นทุนวัตถุดิบ ค่าอุปกรณ์ ค่าการตลาดและประเมินราคาขายเพื่อหากำไรที่เหมาะสม ทั้งหมดนี้ก็จะช่วยให้คุณสามารถมองเห็นภาพรวมทางการเงินชัดเจนขึ้น

เตรียมเงินทุนให้พร้อม

การจดบันทึกรายรับ-รายจ่ายอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน เพราะจะช่วยให้เรารู้ต้นทุนและกำไรที่แท้จริง ทำให้สามารถตั้งเป้ายอดขายในแต่ละเดือนได้อย่างแม่นยำ และยังช่วยให้เห็นว่าส่วนไหนควรลดค่าใช้จ่ายหรือส่วนไหนควรลงทุนเพิ่มอีกด้วย


ขายอะไรดี? ไอเดียขายของกำไรดี ปี 2025

มาถึงคำถามสำคัญที่ว่าขายอะไรดี ถึงจะโดนใจลูกค้าและสร้างกำไรได้จริง ลองมาดู 12 ไอเดียที่น่าสนใจกัน

1. ลูกชิ้นทอด

ลูกชิ้นทอด

เป็นธุรกิจที่เข้าถึงง่ายที่สุด เพราะเป็นเมนูที่คนไทยคุ้นเคย กินได้ทุกเพศทุกวัย จุดเด่นคือการคืนทุนไวมาก เพราะต้นทุนต่อไม้ไม่สูง สามารถสร้างกำไรได้ตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักพันบาทต่อวัน ขึ้นอยู่กับทำเล เช่น หน้าโรงเรียน ตลาด หรือแหล่งชุมชนก็สร้างรายได้ได้สบาย และหัวใจสำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือน้ำจิ้มที่เป็นเอกลักษณ์จะสร้างความแตกต่างและทำให้ลูกค้าติดใจ นอกจากนี้ การเพิ่มตัวเลือกหลากหลาย เช่น ไส้กรอกแดง เกี๊ยวทอด หรือลูกชิ้นปลา ก็ช่วยดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้นอีกด้วย

ธุรกิจนี้ใช้ต้นทุนเริ่มต้นโดยประมาณเพียง 3,000 - 8,000 บาท สำหรับค่ารถเข็น อุปกรณ์ทอด และวัตถุดิบรอบแรก ส่วนช่องทางการขายที่เหมาะสมที่สุดคือการตั้งร้านแบบรถเข็นหรือแผงลอยในทำเลที่มีคนสัญจร เช่น หน้าโรงเรียน ตลาด หรือแหล่งชุมชน และยังสามารถเพิ่มยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์โดยเข้าร่วมกับแอปพลิเคชันเดลิเวอรีได้อีกด้วย

2. ข้าวเหนียวหมูปิ้ง

เมนูอาหารเช้ายอดฮิตตลอดกาล และเป็นมื้อเร่งด่วนสำหรับใครหลาย ๆ คนที่ขายดีเสมอ โดยเฉพาะในย่านออฟฟิศ หน้าโรงเรียนหรือสถานีรถไฟฟ้า จุดเด่นคือเตรียมของไม่ยุ่งยาก สามารถหมักหมูเตรียมไว้ล่วงหน้าได้ ทำให้ตอนเช้าใช้เวลาเตรียมตัวไม่นาน ก็พร้อมขายสร้างรายได้ทันที และยังมีกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจนและมีความต้องการซื้อซ้ำสูง ทำให้วางแผนการผลิตได้ง่าย

ในส่วนของต้นทุนเริ่มต้นนั้นไม่สูงนัก อยู่ที่ประมาณ 2,000 - 7,000 บาท สำหรับเตาปิ้งย่างและอุปกรณ์เบื้องต้น ช่องทางการขายหลักคือการตั้งโต๊ะหรือรถเข็นขนาดเล็กในทำเลช่วงเช้า เช่น หน้าตลาด ย่านออฟฟิศหรือใกล้สถานีรถไฟฟ้า นอกจากนี้ยังสามารถต่อยอดสู่ช่องทางออนไลน์เพื่อรับออเดอร์ล่วงหน้าสำหรับพนักงานออฟฟิศหรือรับจัดทำเป็นชุดอาหารเช้าได้

3. น้ำปั่น หรือน้ำผลไม้ปั่น

น้ำปั่น หรือน้ำผลไม้ปั่น

ตอบรับกระแสสุขภาพที่คนหันมาใส่ใจเครื่องดื่มมากขึ้น สามารถสร้างสรรค์สูตรใหม่ ๆ ได้ไม่รู้จบ ไม่ว่าจะเป็น น้ำผลไม้ปั่นตามฤดูกาล สมูทตี้เพื่อสุขภาพ หรือจะต่อยอดเป็นเมนูน้ำปั่นผสมโยเกิร์ต สมูทตี้ (Smoothies) สำหรับคนรักสุขภาพ หรือเมนูนมสดปั่นสำหรับเด็ก ๆ ได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังเพิ่มความน่าสนใจด้วยการจัดโปรโมชัน เช่น ซื้อ 5 แถม 1 หรือการสร้างสรรค์เมนูพิเศษประจำสัปดาห์ จะช่วยดึงดูดลูกค้าให้กลับมาซื้อซ้ำได้อีกด้วย

ต้นทุนเริ่มต้นของธุรกิจนี้จะอยู่ที่ประมาณ 5,000 - 15,000 บาทโดยค่าใช้จ่ายหลักจะอยู่ที่เครื่องปั่นคุณภาพดีและค่าวัตถุดิบ สำหรับช่องทางการขาย สามารถเปิดเป็นคีออสเล็ก ๆ ในทำเลที่เหมาะสมอย่างตลาด ศูนย์อาหารหรือใกล้ฟิตเนส และยังเหมาะอย่างยิ่งกับช่องทางเดลิเวอรีออนไลน์ ซึ่งเป็นที่นิยมสำหรับลูกค้าที่ต้องการสั่งเครื่องดื่มระหว่างวันอีกด้วย

4. ชานมไข่มุก

แม้การแข่งขันจะสูง แต่ตลาดก็ยังเติบโตได้เรื่อย ๆ เพราะเป็นเครื่องดื่มที่อยู่ในกระแสเสมอ ชานมไข่มุกสามารถสร้างจุดขายของแบรนด์ตัวเองได้ง่าย ๆ ผ่านการออกแบบโลโก้ แก้วและคิดค้นสูตรเฉพาะตัว หรือจะลองเพิ่มท็อปปิ้งอื่น ๆ เช่น บุกใสหรือเจลลี่ผลไม้ เพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้าและสร้างความแตกต่าง ก็จะช่วยดึงดูดลูกค้าได้

สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในธุรกิจนี้ อาจเริ่มต้นต้้งแต่ 10,000 ไปจนถึงหลักแสนขึ้นไป ขึ้นอยู่กับขนาดและอุปกรณ์ เช่น เครื่องซีลฝาแก้ว ช่องทางการขายที่เหมาะสมคือการเปิดคีออสหรือร้านขนาดเล็กในทำเลที่มีกลุ่มวัยรุ่นและคนทำงาน เช่น ใกล้มหาวิทยาลัยหรือห้างสรรพสินค้า นอกจากนี้ยังเป็นสินค้ายอดนิยมอันดับต้น ๆ ในแอปพลิเคชันเดลิเวอรี ซึ่งสามารถสร้างยอดขายออนไลน์ได้เป็นอย่างดี

5. กาแฟ

กาแฟ

กาแฟเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์คนทำงาน การเปิดร้านขนาดเล็กหรือแบบรถเข็นในทำเลใกล้แหล่งออฟฟิศจึงมีโอกาสขายดีสูง สามารถเริ่มต้นได้จากร้านกาแฟโบราณที่ลงทุนไม่สูงนัก โดยใช้ต้นทุนประมาณ 15,000 - 20,000 บาท หรือหากต้องการยกระดับเป็นร้านกาแฟสดขนาดเล็ก ต้นทุนอาจขยับไปที่ 50,000 - 150,000 บาทขึ้นไปสำหรับค่าเครื่องชงและเครื่องบด โดยเฉพาะหากคุณตั้งร้านในทำเลที่มีคนทำงานพลุกพล่าน เช่น หน้าอาคารสำนักงานหรือป้ายรถเมล์ ควบคู่ไปกับการขายผ่านช่องทางออนไลน์และแอปพลิเคชันเดลิเวอรีเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในยุคปัจจุบันได้อย่างแน่นอน

6. ข้าวกล่องออฟฟิศ

ธุรกิจนี้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนทำงานที่ต้องการความสะดวกรวดเร็ว แค่มีฝีมือในการทำอาหารและสร้างเมนูหลากหลายไม่ซ้ำในแต่ละวัน ก็สามารถเจาะตลาดกลุ่มพนักงานออฟฟิศได้ไม่ยาก จุดเด่นคือเป็นธุรกิจที่ไม่ต้องมีหน้าร้าน สามารถทำจากที่บ้านได้ ทำให้ต้นทุนเริ่มต้นต่ำมาก อยู่ที่ประมาณ 2,000 - 5,000 บาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นค่าวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ ช่องทางการขายจะเน้นออนไลน์เป็นหลัก เช่น การสร้างเพจ Facebook หรือ LINE เพื่อโพสต์เมนูและรับออเดอร์ล่วงหน้า การเข้าร่วมกับแอปฯ เดลิเวอรี หรือการติดต่อรับออเดอร์โดยตรงจากบริษัทต่าง ๆ ได้

7. ส้มตำและยำรสเด็ด

ส้มตำและยำรสเด็ด

เมนูขวัญใจมหาชนที่ขายดีทุกที่ทุกเวลา ด้วยรสชาติจัดจ้านถูกปากคนไทย ทำให้สร้างรายได้ได้ดีเสมอ สามารถขายคู่กับข้าวเหนียวไก่ย่างเพื่อเพิ่มยอดขายได้อีกด้วย ธุรกิจนี้ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นประมาณ 15,000 - 35,000 บาท สำหรับค่ารถเข็น ครก สากและวัตถุดิบสดใหม่จะอยู่ที่ประมาณ 5,000 - 15,000 บาท สำหรับการขายส้มตำและยำนั้น ช่องทางที่เหมาะสมคือการตั้งแผงลอยหรือรถเข็นในย่านชุมชน ตลาดหรือหน้าโรงงาน ซึ่งจะขายดีมากในช่วงเย็นและหัวค่ำ ในขณะเดียวกันก็เป็นเมนูที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในแอปพลิเคชันเดลิเวอรี ทำให้สามารถสร้างยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ได้ตลอดทั้งวัน

8. หมาล่าเสียบไม้

กระแสความนิยมยังคงมีต่อเนื่อง ด้วยรสชาติเผ็ดชาอันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้หมาล่ากลายเป็นเมนูสังสรรค์ยอดฮิต จุดเด่นคือลูกค้าสามารถเลือกหยิบเองได้ตามใจชอบ และผู้ขายสามารถควบคุมต้นทุนต่อไม้ได้ง่าย สามารถลงทุนเริ่มต้นจะอยู่ที่ประมาณ 8,000 - 20,000 โดยทำเลที่เหมาะสมที่สุดสำหรับหน้าร้าน คือตลาดนัดกลางคืน ย่านมหาวิทยาลัยหรือแหล่งรวมร้านอาหาร นอกจากนี้ยังสามารถต่อยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ โดยจัดเป็นเซ็ตเมนูขายผ่านแอปฯ เดลิเวอรีสำหรับลูกค้าที่ต้องการสั่งไปทานที่บ้านได้เช่นกัน

9. ขนมโตเกียว และเครปญี่ปุ่น

ขนมโตเกียว และเครปญี่ปุ่น

ขนมทานเล่นที่ครองใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่มาอย่างยาวนาน เป็นธุรกิจที่ใช้พื้นที่และอุปกรณ์ไม่มากก็สามารถเปิดร้านได้ เหมาะสำหรับขายตามหน้าโรงเรียนหรือตลาดนัด ข้อดีคือเป็นเมนูที่ทำสดใหม่ตามออเดอร์ ทำให้ไม่มีของเหลือทิ้ง ธุรกิจนี้ใช้ต้นทุนเริ่มต้นค่อนข้างต่ำ อยู่ที่ประมาณ 5,000 - 10,000 บาท โดยมีอุปกรณ์สำคัญคือเตาทำขนมและรถเข็น ช่องทางการขายจะเน้นที่หน้าร้านเป็นหลักในทำเลที่มีเด็กและครอบครัว เช่น หน้าโรงเรียนหรือในงานอีเวนต์ต่าง ๆ ส่วนช่องทางออนไลน์อาจไม่แพร่หลายนักเนื่องจากขนมอาจเสียความกรอบระหว่างจัดส่ง

10. ต้นไม้ฟอกอากาศ

เทรนด์การแต่งบ้านด้วยต้นไม้ยังคงได้รับความนิยม โดยเฉพาะต้นไม้ฟอกอากาศที่ดูแลง่ายและช่วยเพิ่มความสดชื่น ธุรกิจนี้มีจุดเด่นคือมีสายพันธุ์ให้เลือกหลากหลายและสามารถจัดวางตกแต่งได้หลายมุมของบ้าน การลงทุนจะขึ้นอยู่กับประเภทและจำนวนต้นไม้ที่รับมาขายในช่วงแรก อาจเริ่มต้นที่ 5,000 - 25,000 บาทขึ้นไป สำหรับช่องทางการขาย ธุรกิจนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูงในช่องทางออนไลน์ เช่น การเปิดร้านใน Instagram, Facebook Marketplace หรือแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ โดยเน้นการถ่ายรูปสินค้าให้สวยงาม ควบคู่ไปกับการเปิดท้ายขายของตามตลาดนัดต้นไม้ในช่วงสุดสัปดาห์ได้

11. สินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง

สินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง

ตลาดสัตว์เลี้ยงมีศักยภาพสูงและขยายตัวต่อเนื่อง เพราะเจ้าของพร้อมที่จะจ่ายเพื่อซื้อของที่ดีที่สุดให้สัตว์เลี้ยงเหมือนสมาชิกในครอบครัว การสร้างจุดขายที่แตกต่าง เช่น ขนมสุนัขโฮมเมดหรือของเล่นจากวัสดุธรรมชาติ จะช่วยดึงดูดลูกค้าได้ดี ต้นทุนเริ่มต้นจะแตกต่างกันไป หากทำขนมโฮมเมดอาจอยู่ที่ 2,000 - 6,000 บาท แต่หากรับสินค้ามาขายสต็อกอาจเริ่มที่ 10,000 บาทขึ้นไป ช่องทางออนไลน์ถือเป็นช่องทางหลักในการขาย ทั้งผ่านโซเชียลมีเดียและแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ อย่าง Shopee, Lazada ฯลฯ นอกจากนี้ยังสามารถออกบูธตามงาน Pet Expo เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าโดยตรงได้อีกเช่นกัน

12. อาหารเพื่อสุขภาพ

ปิดท้ายด้วยไอเดียสำหรับตอบโจทย์คนยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น อย่างอาหารเพื่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นสลัดผัก อาหารคลีนหรือขนมแคลอรีต่ำ สามารถขายผ่านช่องทางเดลิเวอรีเพื่อเข้าถึงลูกค้ากลุ่มคนทำงานและคนที่ไม่มีเวลาทำอาหารเองได้เป็นอย่างดี ธุรกิจนี้สามารถเริ่มต้นจากที่บ้านได้ด้วยต้นทุนประมาณ 3,000 - 10,000 บาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นค่าวัตถุดิบคุณภาพดีและบรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม ช่องทางการขายที่เหมาะสมที่สุดคือช่องทางออนไลน์ โดยการทำคอร์สอาหารสุขภาพรายสัปดาห์ การโปรโมตผ่านโซเชียลมีเดีย และการเข้าร่วมกับแอปเดลิเวอรี นอกจากนี้ยังสามารถเปิดเป็นร้านเล็ก ๆ บริเวณใกล้ฟิตเนสหรืออาคารสำนักงานได้อีกด้วย


จะขายของทั้งที ก็อย่าลืมวางแผนการเงินให้พร้อม!

หลายคนอาจคิดว่าการขายของเริ่มต้นแค่มีสินค้าแล้วก็ขายได้เลย แต่จริง ๆ แล้ว การจัดการเรื่องเงินให้ดีเป็นเรื่องสำคัญที่ช่วยให้ทุกอย่างราบรื่นมากขึ้น เช่น การแยกบัญชีเงินส่วนตัวกับบัญชีร้านค้า รวมไปถึงบันทึกรายรับ-รายจ่ายให้ชัดเจนก็จะช่วยให้เห็นกระแสเงินสดของธุรกิจได้ง่ายขึ้น บริหารจัดการต้นทุน-กำไรได้ดี และสะดวกเวลาต้องยื่นภาษีอีกด้วย

นอกจากนี้ การเตรียมเงินทุนสำรองไว้สำหรับหมุนเวียนในธุรกิจหรือใช้ในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เป็นสิ่งจำเป็น การมีแหล่งเงินสำรองหรือวงเงินที่พร้อมใช้จะช่วยเพิ่มความมั่นใจและทำให้ธุรกิจของคุณไม่สะดุด หากวันไหนต้องการเงินทุนฉุกเฉิน เพื่อสั่งของเข้าร้านหรือขยายกิจการ บัตรกดเงินสด ทีทีบี แฟลช ทางเลือกที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถดำเนินไปต่อได้อย่างไม่มีสะดุด วงเงินอนุมัติสูงสุดถึง 5 เท่าของรายได้เฉลี่ยต่อเดือน หรือสูงสุด 1 ล้านบาท ช่วยเสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจเดินต่อไปได้อย่างไม่มีสะดุด สามารถทำเบิกถอนเงินสดได้ผ่านแอป touch และตู้ ATM ได้ตลอด 24 ชม. ทั่วประเทศ พร้อมด้วยบริการผ่อนสินค้าและบริการ ดอกเบี้ยเริ่มต้น 0% สำหรับซื้ออุปกรณ์และเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อเปิดร้านขายของ โดยผ่อนได้นานสูงสุด 60 เดือน ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการ ทีทีบี พร้อมให้คุณรับมือทุกสถานการณ์และคว้าทุกโอกาสทางธุรกิจได้อย่างมั่นใจ

เริ่มขายของอะไรดี? รวม 12 ไอเดียขายของทุนน้อย กำไรดี


สรุปบทความ

หวังว่าไอเดียทั้ง 12 ข้อนี้จะช่วยตอบคำถาม ขายอะไรดีให้กับว่าที่พ่อค้าแม่ค้ามือใหม่ได้ไม่มากก็น้อย สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือกในสิ่งที่ชอบและถนัด ควบคู่ไปกับการวางแผนธุรกิจและการเงินที่ดี แม้จะเริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ แต่หากมีการจัดการที่เป็นระบบ ก็สามารถเติบโตเป็นธุรกิจที่มั่นคงและสร้างรายได้อย่างยั่งยืนในอนาคตได้อย่างแน่นอน หากสนใจผลลิตภัณฑ์ทางการเงิน สินเชื่อบุคคล จาก ทีทีบี สามารถสมัครได้ผ่าน 3 ช่องทางหลักได้ ดังนี้ แอป ttb touch สมัครและรอผลอนุมัติได้ที่บ้าน เว็บไซต์ ทีทีบี หรือไปที่ ทีทีบี สาขาใกล้บ้านคุณ โปรดระมัดระวังมิจฉาชีพที่อาจแอบอ้าง ในการติดต่อจากธนาคาร พนักงานจะมีการแจ้งชื่อ-นามสกุล พร้อมรหัสพนักงาน ให้ทราบก่อนเสมอ เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่ากำลังสนทนากับเจ้าหน้าที่ของทีทีบีจริง

กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว
บัตรกดเงินสด ทีทีบี แฟลช อัตราดอกเบี้ย 25% ต่อปี
กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้ตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 15% - 25%ต่อปี
เงื่อนไขการพิจารณาสินเชื่อเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด