หลายคนคงรู้สึกเหมือนกันว่า เงินเดือนเท่าเดิม แต่ทำไมของแพงขึ้นจัง? ไม่ว่าจะหันไปทางไหน ทั้งค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าของใช้ต่าง ๆ ก็พากันปรับราคาสูงขึ้นจนน่าตกใจ ทำให้การใช้ชีวิตในแต่ละวันกลายเป็นเรื่องที่ต้องคิดหน้าคิดหลังมากขึ้น
แต่ไม่ต้องกังวลไป! ปัญหานี้มีทางออกเสมอ ในบทความนี้ fin tips by ttb จะพาไปเจาะลึกถึงสาเหตุนี้กัน พร้อมแชร์แนวทางและเทคนิคดี ๆ ในการรับมือกับสถานการณ์นี้ เพื่อให้เราทุกคนสามารถวางแผนการเงินและใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขแม้ในวันที่ค่าครองชีพ ไม่เป็นใจ... ไปหาคำตอบพร้อมกันเลย!
ค่าครองชีพ คืออะไร
ค่าครองชีพ คือจำนวนเงินที่บุคคลหรือครัวเรือนจำเป็นต้องใช้ในการดำรงชีวิตในแต่ละวันหรือแต่ละช่วงเวลา รวมถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น อาหาร ที่อยู่อาศัย การเดินทาง การศึกษา และบริการพื้นฐานอื่น ๆ โดยค่าครองชีพจะแตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่และช่วงเวลา ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางเศรษฐกิจและพฤติกรรมการใช้ชีวิตของแต่ละบุคคล
ทำไมค่าครองชีพถึงแพงขึ้นทุกปี?
ค่าครองชีพที่สูงขึ้นในแต่ละปีมาจากหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจและสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกประเทศ หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือ
- เงินเฟ้อ ที่ทำให้ราคาสินค้าและบริการทั่วไปปรับตัวสูงขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป มูลค่าของเงินลดลง จึงทำให้ซื้อของได้น้อยลงด้วยเงินจำนวนเท่าเดิม เช่น ข้าวแกงจาก 40 บาทกลายเป็น 50 บาทในปีถัดไป
- ราคาพลังงาน เช่น น้ำมันและแก๊สที่ปรับตัวสูงขึ้น ยังส่งผลโดยตรงต่อต้นทุนการผลิตและการขนส่ง ทำให้ราคาสินค้าหลายชนิดเพิ่มสูงตามไปด้วย
- นโยบายของรัฐ ที่อาจมีการปรับขึ้นภาษีหรือค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ก็มีผลกระทบต่อราคาสินค้าและบริการในภาพรวม อีกทั้งประเทศไทยยังต้องพึ่งพาสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ เมื่อค่าเงินไทยอ่อนตัวหรือราคาสินค้านำเข้าเพิ่มขึ้น ก็ทำให้ต้นทุนสินค้าภายในประเทศสูงขึ้นตามไปด้วย
- ต้นทุนแรงงาน เมื่อค่าแรงขั้นต่ำปรับเพิ่มขึ้น ผู้ประกอบการก็ต้องจ่ายเงินเดือนให้พนักงานมากขึ้นตามกฎหมาย ซึ่งแน่นอนว่าต้นทุนในการดำเนินธุรกิจก็สูงขึ้นไปด้วย หลายธุรกิจจึงจำเป็นต้องปรับราคาสินค้าหรือบริการให้สูงขึ้น เพื่อให้ยังคงมีกำไรพอที่จะอยู่รอดได้ในสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
- การขยายตัวของเมืองและความต้องการ จังหวัดที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว เช่น เมืองท่องเที่ยวหรือเขตเศรษฐกิจ มักจะมีค่าครองชีพสูงขึ้นตามไปด้วย เพราะเมื่อคนหลั่งไหลเข้ามาอยู่หรือทำงานมากขึ้น ความต้องการในสินค้าและบริการก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัย อาหารหรือการเดินทาง ส่งผลให้ราคาสิ่งต่าง ๆ ขยับขึ้นตามกลไกของตลาด
ด้วยปัจจัยเหล่านี้รวมกันจึงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ค่าครองชีพในไทยสูงขึ้นทุกปีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ค่าครองชีพแต่ละจังหวัด ปี 2568 นี้ ต่างกันแค่ไหน?
จากการสำรวจข้อมูลค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของครัวเรือนทั่วประเทศ พบว่าค่าครองชีพในแต่ละจังหวัดมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งตัวเลขได้สะท้อนให้เห็นถึงภาระค่าใช้จ่ายที่คนในแต่ละพื้นที่ต้องแบกรับ ยิ่งเมืองเติบโตมากเท่าไหร่ ค่าครองชีพก็ยิ่งสูงตามไปด้วย มาดูกันว่า 10 อันดับแรกของจังหวัดที่มีค่าครองชีพสูงและต่ำ ไม่รวมกรุงเทพฯ และปริมณฑล จากสำนักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จะมีที่ไหนบ้าง
10 อันดับจังหวัดที่มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเดือนของครัวเรือนสูงที่สุด
- ภูเก็ต
- กระบี่
- ชลบุรี
- สระบุรี
- ราชบุรี
- จันทบุรี
- สุราษฎร์ธานี
- ระยอง
- พระนครศรีอยุธยา
- ชุมพร
10 อันดับจังหวัดที่มีใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเดือนของครัวเรือนต่ำที่สุด
- เชียงราย
- แม่ฮ่องสอน
- พะเยา
- ศรีสะเกษ
- ยะลา
- กาฬสินธุ์
- สุโขทัย
- ตาก
- ลำปาง
- อุทัยธานี
เมื่อค่าครองชีพสูง แต่รายได้เท่าเดิม จะเกิดอะไรขึ้น
สถานการณ์ที่ค่าครองชีพทะยานสูงขึ้นสวนทางกับรายได้ที่เติบโตไม่ทัน ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างรายรับและรายจ่ายที่กว้างขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากรายจ่ายมากกว่ารายรับ หลายคนต้องเผชิญกับภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นจากการหมุนเงินไม่ทัน ไหนจะค่าใช้จ่ายฉุกเฉินที่ควบคุมไม่ได้ เช่น ค่ารักษาพยาบาลหรือค่าใช้จ่ายฉุกเฉินในเรื่องต่าง ๆ ที่เข้ามาซ้ำเติมสถานการณ์ให้หนักกว่าเดิม ทำให้เกิดความเครียดและความกังวลเพิ่มขึ้น การหารายได้เพิ่มจึงกลายเป็นทางออกที่หลายคนมองหา ซึ่งบางครั้งอาจนำไปสู่การตัดสินใจครั้งสำคัญอย่างการเปลี่ยนงาน เพื่อหาโอกาสใหม่ ๆ ที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น หรือแม้กระทั่งการย้ายไปทำงานในจังหวัดที่มีค่าครองชีพต่ำกว่า เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายและสร้างความสมดุลให้ชีวิต
6 วิธีรับมือกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น
เมื่อรายได้ไม่สัมพันธ์กับรายจ่าย การปรับตัวและวางแผนการเงินอย่างรัดกุม จึงกลายเป็นสิ่งสำคัญที่สุด วันนี้ เรามี 6 วิธีให้คุณรับมือกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นมาฝากกัน ดังนี้
1. ปรับพฤติกรรมการใช้เงิน
เริ่มต้นที่ง่ายและสำคัญที่สุด คือการทบทวนและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายของตนเอง ลองพิจารณาแยกแยะระหว่างความจำเป็นกับของที่อยากได้ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เพราะการใช้จ่ายตามความรู้สึก หรือเพื่อความสุขชั่วครั้งชั่วคราว อาจเป็นหลุมพรางทางการเงินที่นำไปสู่ปัญหาหนี้สินได้ในอนาคต
2. จดบันทึกรายรับ-รายจ่ายประจำวัน
การบันทึกรายรับและรายจ่ายอย่างสม่ำเสมอ ก็เป็นอีกตัวช่วยที่ทำให้คุณสามารถมองเห็นภาพรวมทางการเงินได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทำให้สสามารถวางแผนใช้เงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้ว่าค่าใช้จ่ายในส่วนไหนสามารถปรับลดได้ เพื่อนำเงินไปใช้จ่ายในเรื่องที่สำคัญกว่า หรือเก็บเป็นเงินฉุกเฉินสำรองได้
3. สร้างวินัยในการออมแม้จะมีเงินไม่มาก
การออมเงินเป็นสิ่งสำคัญที่ห้ามมองข้ามเด็ด ถึงแม้จะมีรายได้น้อย แต่ก็สามารถเริ่มต้นเก็บหอมรอบริบด้วยจำนวนเล็ก ๆ ก่อนได้ ทัั้งนี้ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างเงินสำรองไว้ใช้ในยามฉุกเฉินและสร้างความมั่นคงทางการเงินในอนาคต
4. หารายได้เสริม
ในยุคที่ค่าครองชีพสูง บางครั้งการมีรายได้มาจากทางเดียวอาจจะไม่เพียงพออีกต่อไป แนะนำให้หารายได้เสริมจากงานพิเศษต่าง ๆ เช่น งานฟรีแลนซ์ ขายของออนไลน์หรือรับงานพิเศษอื่น ๆ เงินในส่วนที่ได้เพิ่มเติมมานี้ก็จะช่วยลดภาระทางการเงิน และเพิ่มโอกาสในการออมเงินได้มากขึ้น
5. ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นในชีวิตประจำวัน
ลองตรวจสอบและตัดรายจ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่จำเป็นออกไป เช่น ค่ากาแฟแก้วโปรดทุกเช้า ค่าสมาชิกบริการสตรีมมิ่งที่ไม่ได้ดูหรือการชอปปิงออนไลน์ตามโปรโมชัน หากคุณสามารถลดรายจ่ายเหล่านี้ลงได้ ก็จะช่วยเพิ่มเงินในกระเป๋าและลดความเครียดเรื่องการจัดการทางการเงินได้อย่างไม่น่าเชื่อ
6. วางแผนรับมือเหตุฉุกเฉิน
เหตุการณ์ไม่คาดคิดอย่างค่ารักษาพยาบาล หรือรายจ่ายฉุกเฉินอื่น ๆ อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ซึ่งบางครั้งก็มาแบบไม่ทันให้ตั้งตัว การมีเงินสำรองไว้จึงสำคัญมาก แต่ถ้ายังไม่มีเงินก้อนพร้อมใช้ การมีแหล่งเงินสำรองฉุกเฉินอย่าง บัตรกดเงินสด ทีทีบี แฟลช ด้วยวงเงินอนุมัติสูงสุดถึง 5 เท่าของรายได้เฉลี่ยต่อเดือน หรือสูงสุดถึง 1 ล้านบาท
ให้คุณได้มีวงเงินสำรองพร้อมใช้ออกไปรับมือได้กับทุกสถานการณ์ฉุกเฉินเหล่านี้ได้ทันที ไม่ต้องวิ่งวุ่นหาทางออกในเวลาคับขัน สามารถเบิกถอนเงินได้ผ่านตู้ ATM และแอป ttb touch ได้ตลอด 24 ชม. ไร้กังวลเรื่องค่าธรรมเนียมแฝง เพราะไม่มีค่าธรรมเนียมเบิกเงิน แรกเข้าและรายปี สามารถสมัครง่าย ๆ ได้ผ่าน 3 ช่องหลัก ดังนี้ เว็บไซต์ ttb, แอป ttb touch และที่ ทีทีบี ทุกสาขาทั่วประเทศ
สรุปบทความ
การรับมือกับค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปีนั้นจำเป็นต้องอาศัยการวางแผนทางการเงินที่ดี มีวินัยและการปรับตัวอยู่เสมอ การเริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ เช่น การจดบันทึกรายรับรายจ่าย ลดทอนค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ไปจนถึงการมองหาโอกาสในการเพิ่มพูนรายได้ ไม่ว่าจะเป็นอาชีพเสริมหรือการตัดสินใจครั้งใหญ่อย่างการเปลี่ยนงานก็ล้วนเป็นแนวทางที่ช่วยให้เราสามารถก้าวผ่านช่วงเวลาที่ท้าทายนี้ไปได้ และสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับตัวเองในระยะยาว
เพราะเป้าหมายของการมีวินัยทางการเงิน ไม่ใช่แค่การมีเงินเก็บมากขึ้น แต่คือการมีชีวิตที่ไร้กังวลเรื่องเงิน มีอิสระที่จะใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการ และทีทีบีพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการเดินทางนั้น ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนให้ทุกคนมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น เราจึงไม่ได้มอบแค่ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน แต่เราพร้อมมอบคำแนะนำ เพื่อช่วยให้คุณจัดการการเงินได้อย่างสบายใจและบรรลุเป้าหมายที่วางไว้
กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว
บัตรกดเงินสดทีทีบี แฟลช อัตราดอกเบี้ย 25% ต่อปี
เงื่อนไขการพิจารณาและอนุมัติสินเชื่อเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด
ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์www.ttbbank.com