ฟรีแลนซ์ทางเลือกแหล่งรายได้ใหม่

 

• ทำไมอาชีพฟรีแลนซ์จึงมาแรงในยุคนี้?
• 5 งานยอดฮิตสำหรับฟรีแลนซ์
• ข้อดี & ข้อเสีย รู้ก่อนค่อยตัดสินใจทำงานฟรีแลนซ์
• มือใหม่ควรรู้สูตรคำนวณเรตค่าจ้าง
• ทิปเก็บเงินสไตล์ฟรีแลนซ์

 

ฟรีแลนซ์เทรนด์มาแรงยุคโควิด

ในยุคโควิดแบบนี้ การทำงานประจำเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว เราจึงมักเห็น หนึ่งคนมีมากกว่าหนึ่งอาชีพ หรือบางคนก็อาจตัดสินใจเลือกทางเดินสายฟรีแลนซ์ แบบเต็มตัวเลยก็มี

ข้อมูลจากเว็บไซต์ธนาคารแห่งประเทศไทย¹ ระบุว่า ในปี 2563 ประเทศสหรัฐอเมริกา มีจำนวนแรงงานอิสระ

เติบโตขึ้นกว่า 40% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง และยังพบว่าอัตราค่าจ้างเพิ่มจาก 17 ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 22 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อ 10 ชั่วโมง สะท้อนให้เห็นว่านายจ้างเองก็ต้องการกลุ่มแรงงานอิสระเหล่านี้เพิ่มขึ้น เพราะมีความยืดหยุ่นสูงและสามารถเลือกงานให้เหมาะสมได้

ตัดภาพกลับมาที่ประเทศไทย ต้องบอกว่า ฟรีแลนซ์ถือเป็นเทรนด์อาชีพที่มาแรงในช่วงโควิดแบบนี้ และเริ่มมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกวันเช่นเดียวกัน โดยข้อมูลจาก Fastwork แพลตฟอร์มรวมงานฟรีแลนซ์ชื่อดังของไทย รายงานว่า 5 หมวดฟรีแลนซ์ยอดฮิตช่วงโควิด-19² ได้แก่

1. Animation and Motion Graphic

เพราะทุกวันนี้เราใช้เวลาอยู่กับหน้าจอมือถือและคอมพิวเตอร์เป็นส่วนใหญ่ ภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญ งานออกแบบภาพเคลื่อนไหว กราฟฟิกดีไซน์ และวิดีโอคลิป จึงได้รับความนิยมตามไปด้วย

2. Label and Packaging Design & Banner

ยังอยู่ในขาของงานดีไซน์ งานออกแบบที่กำลังเป็นที่ต้องการ โดยเฉพาะ การออกแบบแบนเนอร์บนเว็บไซต์ เพื่อช่วยเสริมด้านการตลาดให้ขายสินค้าได้เพิ่มขึ้น

3. UX/UI Design

อีกหนึ่งหมวดงานที่เจ้าของแบรนด์กำลังตามหาคือ UI เป็นการออกแบบหน้าเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชัน ขณะที่ UX มีหน้าที่ออกแบบ Journey หรือขั้นตอนการใช้งานของเว็บไซต์ ให้ใช้งานสะดวกที่สุด

4. LINE Sticker Creator

หากคุณมีฝีมือด้านดีไซน์ การออกแบบไลน์สติกเกอร์คือโอกาสของคุณแล้วครับ เพราะว่าแพลตฟอร์ม LINE เป็นที่นิยมในการใช้งานของคนไทยมากที่สุด เรียกว่าติด Top 5 ของการใช้งาน Social Media และเป็นหมวดหนึ่งในการสร้างรายได้

5. Content Writer

อาชีพยอดฮิตที่ตอนนี้ใคร ๆ ก็ลุกขึ้นมาเป็นนักเขียนกันได้ แต่ควรเพิ่มมูลค่าให้ตัวเอง ด้วยการสร้างคอนเทนต์บน Social Media ด้วยภาษาที่น่าสนใจ ตรงใจผู้บริโภค

ข้อดี & ข้อเสีย รู้ก่อนค่อยตัดสินใจทำงานฟรีแลนซ์

ก่อนจะเบนเข็มเข้าสู่วงการสายฟรีแลนซ์ควรพิจารณาถึงข้อดีและข้อเสียก่อนนะครับ ว่าเหมาะกับเราจริงไหม ได้รับผลตอบแทนคุ้มค่าหรือไม่ มาดูข้อดีและข้อเสียกัน

ข้อดี

งานฟรีแลนซ์จะมีความรวดเร็วในการรับส่งงาน ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปทำงาน เป็นเจ้านายของตัวเองได้ สามารถเลือกจะรับงานหรือไม่รับงานก็ได้ และกำหนดเวลาในการทำงานเองได้ มีความยืดหยุ่นและทำงานได้เต็มที่ในเวลาที่สะดวก และจะทำงานที่ไหนก็ได้ นอกจากนี้ยังสามารถกำหนดเรตราคาค่าจ้างของตัวเองได้ด้วย อาจสูงกว่าเงินเดือนจากงานประจำ

ข้อเสีย

งานฟรีแลนซ์ไม่ได้เหมาะกับทุกคน หรือทุกอาชีพนะครับ ยังถือว่าเป็นงานที่มีข้อจำกัดอยู่พอสมควร ขณะเดียวกันกฎของการเป็นฟรีแลนซ์ คือ ห้ามขาด ห้ามลา ห้ามสาย จนกว่าจะส่งงานตามเดดไลน์ นอกจากนี้คนที่จะทำงานฟรีแลนซ์ ควรมีความรู้เรื่องบัญชีด้วย เพราะต้องดูแลค่าใช้จ่ายของตัวเอง เช่น จ่ายประกันสังคม ค่าภาษี และดูแลเรื่องค่ารักษาพยาบาลเอง เป็นต้น

มือใหม่ควรรู้สูตรคำนวณเรตค่าจ้าง

ทราบถึงข้อดีข้อเสียแล้ว อีกเรื่องถัดมาที่ควรคำนึงถึงคือ อัตราค่าจ้าง หรือเรตค่าจ้างแต่ละงานของเรา ที่ควรต้องมีการกำหนดไว้ สำหรับมือใหม่แนะนำให้ใช้วิธีการคำนวณ³ แบบนี้เป็นแนวทางได้ครับ ลองมาดูกัน

เรตค่าจ้าง = เงินเดือนล่าสุด หารด้วยจำนวนวันทำงาน เช่น เงินเดือนล่าสุดคือ 30,000 บาท หารด้วย 30 (จำนวนวัน) จะได้เท่ากับ 1,000 บาท ซึ่งถือเป็นค่าแรงต่อวัน โดยค่าแรงส่วนนี้ คือ ค่าอาหาร ค่าที่พัก ค่าใช้จ่ายจิปาถะในแต่ละเดือนนั่นเอง

แต่หากคุณมีประสบการณ์หรือชั่วโมงบินสูงขึ้นแล้ว แนะนำให้นำต้นทุนการทำงาน มาคำนวณเพิ่มด้วย เช่น ค่าเสื่อมของคอมพิวเตอร์ ค่าโปรแกรม อย่างค่าลิขสิทธิ์ Microsoft ค่าไฟ ซึ่งค่าต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 500 บาทต่อวัน และ

ค่าแก้ไขงานที่ควรตั้งกฎว่า ลูกค้าสามารถแก้ไขได้ทั้งหมดไม่เกิน 3 ครั้ง หากเกินกว่านั้นจะคิดเพิ่ม 300 บาท ต่อครั้ง ขณะเดียวกัน คุณควรมีผลกำไรจากการทำงานฟรีแลนซ์เช่นกัน โดยกำไรควรอยู่ที่ประมาณ 10 - 30%

ยกตัวอย่างอาชีพกราฟฟิกดีไซน์ ที่ได้รับเงินเดือน 30,000 บาท คุณรับงานฟรีแลนซ์ ออกแบบคอนเทนต์ในเฟซบุ๊ก จำนวน 5 ชิ้น ใช้เวลา 7 วัน จากเรตค่าจ้างที่คำนวณออกมาคือวันละ 1,000 บาท รวม 7 วัน = 7,000 บาท นั่นเองครับ

อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณตัดสินใจรับงานฟรีแลนซ์เต็มตัวแล้ว ก็ควรกำหนดเรตการ์ดของตัวเอง ที่รวมเรตค่าจ้าง + ค่าผลงานและประสบการณ์ = เรตการ์ด เช่น ค่าจ้างออกแบบ 1,200 - 1,500 บาทต่อชิ้นงานโซเชียลมีเดีย เป็นต้น เพื่อสะดวกในการรับงานครับ

ทิปเก็บเงินสไตล์ฟรีแลนซ์

การทำงานฟรีแลนซ์ เงินที่ได้รับไม่ได้มาทุกสิ้นเดือนเหมือนกับเงินเดือนนะครับ บางครั้งรอบการจ่ายเงินอาจเป็นช่วงต้นเดือน หรือกลางเดือนก็ได้ แล้วแต่ระบบของผู้จ้างงานที่ไม่เหมือนกัน นั่นหมายความว่า รายรับจะไม่ได้ถูกกำหนดวันที่แน่นอน เพราะฟรีแลนซ์ไม่ใช่งานประจำ แต่จำเป็นต้องได้งานอย่างสม่ำเสมอ จึงจะมีรายได้ให้เราอยู่ได้อย่างมั่นคง

ฉะนั้นต้องรู้จักเก็บออมให้เป็นนะครับ ควรหักเงินจากรายได้มาออมไว้ก่อน อย่างน้อย 10 - 20% ต่องานที่ได้รับ เงินส่วนนี้จะมีประโยชน์ยามฉุกเฉิน เนื่องจากมีความเสี่ยงเรื่องความสม่ำเสมอของงานที่จะจ้างเข้ามา เพราะหากคุณไม่ได้เป็นฟรีแลนซ์ประจำแล้ว ก็ไม่มีอะไรการันตีว่าจะมีงานเข้ามาตลอด จึงต้องเก็บออมอย่างเคร่งครัดด้วยครับ

เพราะฉะนั้นการเก็บเงินในรูปแบบฝากไม่ประจำ แต่ยังได้ดอกเบี้ยสูง กับบัญชีทีทีโนฟิกซ์ จึงเหมาะที่จะช่วยให้คุณจัดการเรื่องเงินได้สะดวก หมดกังวลว่าจะไม่มีเงินเหลือเก็บ อยากฝาก-ถอนเมื่อไรก็ได้ คลิกไปอ่านรายละเอียดเลยครับ ttbbank.com/article/ttb-nofixed-dpmawo-sep2102

ข้อมูลอ้างอิง

¹ ที่มา: https://www.bot.or.th/Thai/BOTMagazine/Pages/256402CoverStory.aspx

² ที่มา: https://www.disruptignite.com/blog/top-5-freelance-job

³ ที่มา: Freelance Survivors - https://medium.com/@d12vam/คิดราคายังไงไม่ให้เจ็บตัวสำหรับ-ฟรีแลนซ์-6d4caf4dccb#:~:text=สำหรับใครที่ยังไม่มี,ครอบคลุมถึงค่ากิน%20ค่า