การตรวจเช็กรถมือสองให้ละเอียดรอบคอบ เพื่อป้องกันการโดนย้อมแมว เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญอย่างมาก ซึ่งจุดสำคัญที่พลาดไปไม่ได้นั่นก็คือการเช็กประวัติรถ และการเช็กทะเบียนรถว่าโดนสวมหรือไม่ ซึ่งในบทความนี้ ทีทีบีไดรฟ์ได้รวบรวมวิธีดูรถมือสองไม่ให้ถูกหลอก พร้อมวิธีเช็กประวัติรถมือสอง และวิธีเช็กทะเบียนรถออนไลน์มาให้คุณได้ทราบกัน ใครวางแผนจะออกรถมือสองต้องห้ามพลาด
เช็กประวัติทะเบียนรถในกรณีไหนได้บ้าง?
ก่อนที่จะไปดูว่าวิธีเช็กประวัติรถมือสองมีอะไรบ้าง เรามาดูกันก่อนดีกว่าว่า สามารถเช็กประวัติทะเบียนรถในกรณีไหนได้บ้าง
- กรณีรถชนแล้วหนี ต้องมีการแจ้งความและลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจในพื้นที่เกิดเหตุ พร้อมหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เช่น เลขทะเบียนรถ รุ่นรถ ยี่ห้อรถ รวมถึงวิดีโอบันทึกเหตุการณ์
- กรณีรถถูกอายัด เนื่องจากค้างชำระค่าปรับจราจรหรือป้ายทะเบียนชำรุด จนไม่สามารถต่อทะเบียนรถยนต์หรือต่อภาษีประจำปี โดยจะต้องยื่นคำขอเช็กทะเบียนรถพร้อมกับเอกสารซื้อขายรถที่เกี่ยวข้องให้กับสำนักงานขนส่งในพื้นที่
- กรณีรถหาย ต้องดำเนินการที่สำนักงานขนส่งโดยตรง โดยจะต้องนำเอกสารสำหรับการขอเช็กทะเบียนรถไปด้วย
- กรณีสงสัยทะเบียนปลอม เพื่อเช็กประวัติเลขทะเบียนรถ หรือประวัติชื่อผู้ครอบครองรถ โดยสามารถยื่นคำร้องขอตรวจสอบที่กรมขนส่งทางบก หรือสำนักงานขนส่งในพื้นที่ของรถคันนั้น ๆ
เช็กทะเบียนรถออนไลน์ได้ไหม?
การเช็กประวัติทะเบียนรถ จะต้องไปดำเนินการที่กรมขนส่งทางบก หรือสำนักงานขนส่งโดยตรงเท่านั้น ไม่สามารถเช็กประวัติทะเบียนออนไลน์ได้ โดยผู้ที่ยื่นเรื่องขอเช็กประวัติทะเบียนรถ จะต้องเป็นผู้ที่มีความเกี่ยวข้อง หรือมีส่วนได้ส่วนเสียกับรถคันที่ต้องการเช็กหมายเลขทะเบียน และมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ข้อมูลทะเบียนรถประกอบคดีความเท่านั้น
หากเป็นการขอเช็กทะเบียนรถเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ เช่น กรณีชนแล้วหนี เช็กทะเบียนรถว่าเป็นของใคร เช็กทะเบียนรถก่อนซื้อรถมือสอง เป็นต้น เจ้าหน้าที่จะพิจารณาเปิดเผยข้อมูลตามความจำเป็นและหลักฐานประกอบเป็นรายกรณี
สมัครสินเชื่อรถยนต์ใช้เล้ว ttb DRIVE คลิก ที่นี่ เลย
3 วิธีเช็กประวัติรถมือสอง
วิธีดูรถมือสองไม่ให้ถูกหลอกสามารถตรวจสอบได้หลากหลายวิธี ซึ่งวิธีเช็กประวัติรถมือสองแต่ละวิธีจะช่วยให้คุณได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แตกต่างกันไป ดังนี้
1. เช็กประวัติรถจากทะเบียน
การตรวจสอบทะเบียนรถก่อนซื้อรถมือสอง เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ควรตรวจสอบไม่แพ้การตรวจเช็กสภาพรถ โดยคุณควรตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดในเล่มทะเบียน ทั้งสมุดคู่มือจดทะเบียนรถที่ระบุประวัติผู้ครอบครอง, วันที่จดทะเบียน, เลขตัวถัง, เลขเครื่องยนต์ สีตัวถัง ฯลฯ ให้ตรงกับสภาพรถจริง มีที่มาที่ไปชัดเจน และหากพบความผิดปกติก็ควรจะสอบถามรายละเอียดจากผู้ขายให้ชัดเจน
2. เช็กประวัติรถจากเลขตัวถัง
เลขตัวถังเป็นเหมือนเลขประจำตัวของรถแต่ละคัน การตรวจสอบผ่านเลขตัวถังจะทำให้ทราบประวัติการจดทะเบียน การชำระภาษี และประวัติการกระทำผิดกฎหมาย โดยคุณสามารถนำเลขตัวถังไปตรวจสอบที่สำนักงานขนส่งในพื้นที่ เพื่อความมั่นใจว่ารถคันที่จะซื้อไม่มีประวัติด่างพร้อย หรือมีสิ่งผิดปกติที่อาจสร้างปัญหาในอนาคต
3. เช็กเลขทะเบียนรถว่าเป็นของใคร
การเช็กเลขทะเบียนรถว่าเป็นของใคร จะสามารถทำได้เฉพาะบุคคลที่มีส่วนได้ส่วนเสีย หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อมูลที่ขอตรวจสอบ เช่น การนำไปประกอบการพิจารณาคดีความ แต่หากเป็นกรณีอื่น ๆ เช่น กรณีชนแล้วหนี ตามหาเจ้าของรถ เป็นต้น นายทะเบียนจะมีการพิจารณาเป็นกรณีไป
โดยการเช็กเลขทะเบียนในลักษณะนี้ จะไม่สามารถเช็กทะเบียนรถออนไลน์ได้ แต่จะต้องเตรียมเอกสารยืนยันเป็นในการขอตรวจสอบให้พร้อม แล้วไปดำเนินการที่กรมขนส่งทางบก หรือสำนักงานขนส่งในพื้นที่ด้วยตัวเองเท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่จะพิจารณาเปิดเผยข้อมูลทะเบียนรถตามความจำเป็น และหลักฐานประกอบเป็นรายกรณี
เอกสารขอเช็กประวัติทะเบียนรถ กรมขนส่ง
เมื่อต้องการยื่นคำร้องขอดำเนินการตรวจสอบประวัติทะเบียนรถที่กรมขนส่ง คุณจำเป็นต้องเตรียมเอกสารให้พร้อม เอกสารที่ต้องเตรียมมีดังนี้
- บัตรประชาชนตัวจริงและสำเนา อย่างละ 1 ฉบับ
- หนังสือรับรองนิติบุคลตัวจริงและสำเนา อย่างละ 1 ฉบับ (ผู้มีอำนาจต้องเซ็นรับรองด้วย)
- สำเนาบัตรประชาชนผู้มีอำนาจลงนามแทนนิติบุคคล 1 ฉบับ
- หนังสือนำส่งเรื่อง หรือเอกสารของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หน่วยงานของรัฐ หรือบุคคลที่มีอำนาจตามกฎหมาย กรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐ หน่วยงานของรัฐ หรือบุคคลที่มีอำนาจตามกฎหมายเป็นผู้ขอตรวจสอบ 1 ฉบับ
- สำเนาหนังสือแต่งตั้งตัวแทนบริษัทประกันภัย 1 ฉบับ (กรณีมอบให้บริษัทประกันเป็นผู้ตรวจสอบ)
- สำเนาหนังสือแต่งตั้งทนายความ หรือใบอนุญาตทนายความ 1 ฉบับ (กรณีมอบให้ทนายความเป็นผู้ตรวจสอบ)
- สำเนาหมายศาลหรือคำสั่งศาล 1 ฉบับ
- ใบแจ้งความหรือบันทึกประจำวันตัวจริงและสำเนา อย่างละ 1 ฉบับ
- เล่มทะเบียนรถตัวจริงและสำเนา อย่างละ 1 ฉบับ
- เอกสารการซื้อขายรถตัวจริงและสำเนา อย่างละ 1 ฉบับ
- หนังสือการถอนอายัดทะเบียนตัวจริงและสำเนา อย่างละ 1 ฉบับ
- หลักฐานการรับรถคืนตัวจริงและสำเนา อย่างละ 1 ฉบับ
เมื่อทำการยื่นเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว เจ้าหน้าที่จะใช้เวลาในการดำเนินการและตรวจสอบเอกสารทั้งหมดเป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
FAQs คำถามที่พบบ่อย
1. ดูรถมือสองต้องเช็กอะไรบ้าง?
สำหรับวิธีดูรถมือสองไม่ให้ถูกหลอก จะต้องใช้ความละเอียดอ่อนในการตรวจสอบ หากไม่มีความเชี่ยวชาญ หรือไม่มีข้อมูล แนะนำว่าควรพาผู้เชี่ยวชาญไปตรวจสอบด้วย แต่หากต้องการตรวจสอบด้วยตัวเอง สามารถเช็กได้ดังนี้
- เช็กความถูกต้องของเอกสารรถยนต์ทั้งหมด
- เช็กเลขไมล์บนหน้าปัด
- เช็กสภาพตัวถังของรถ
- เช็กตะเข็บรอบตัวถัง
- เช็กระบบส่งกำลังทั้งหมด
- เช็กระบบไฟและส่วนประกอบอื่น ๆ
2. เช็กยังไงว่ารถเคยชน?
การตรวจสอบรถเคยชนสามารถสังเกตได้จากหลายจุด ยกตัวอย่างเช่น
- โครงสร้างด้านหน้า ที่อาจมีรอยเชื่อมต่อหรือรอยซ่อม
- ขอบประตู ที่อาจมีละอองสีติด
- บริเวณท้ายรถใกล้ไฟท้าย ที่อาจมีร่องรอยการซ่อมแซมหรือพ่นสีใหม่
3. รถมือสองไม่เกินกี่ปีดี?
อายุของรถมือสองที่เหมาะสมควรอยู่ที่ประมาณ 5-7 ปี เพราะราคาจะถูกกว่ารถใหม่ประมาณ 60% แต่ฟังก์ชันการใช้งานยังคงเทียบเคียงได้เท่ากับรถป้ายแดง และมีสภาพโดยรวมที่ไม่เก่าเกินไป โดยเฉพาะรถที่ผ่านการใช้งานจากเจ้าของคนเดียวและมีประวัติการบำรุงรักษาที่ดี
4. วิธีเช็กทะเบียนรถว่าขาดกี่ปี?
การตรวจสอบภาษีรถค้างชำระสามารถทำได้ตามขั้นตอนดังนี้
- ผ่านเว็บไซต์ eservice.dlt.go.th
- กรอกข้อมูลประเภทรถ จังหวัด เลขทะเบียน และเลขบัตรประชาชนของผู้ครอบครอง
- ระบบจะแสดงวันสิ้นอายุภาษีปัจจุบันและของปีถัดไป ค่าภาษีที่ต้องจ่าย และค่าปรับ (กรณีมีใบสั่งค้างจ่าย หรือเลยกำหนดต่อภาษีประจำปี)
สรุปบทความ
เมื่อได้ทราบวิธีเช็กประวัติรถมือสองกันไปแล้ว ใครที่กำลังวางแผนว่าจะซื้อรถมือสองไปใช้งาน ก็อย่าลืมนำวิธีเหล่านี้ไปใช้ในการเช็กทะเบียนรถเพื่อป้องกันการโดนย้อมแมวขาย สำหรับคนที่ต้องการเช็กทะเบียนรถที่กรมการขนส่งทางบก ก็อย่าลืมเตรียมเอกสารให้พร้อม เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว
สุดท้ายนี้ สำหรับคนที่วางแผนจะซื้อรถมือสอง ttb DRIVE มีบริการสินเชื่อรถยนต์ใช้แล้ว ที่มีบริการจัดไฟแนนซ์ให้ถึงที่ รู้ผลอนุมัติเบื้องต้นไวภายใน 30 นาที พร้อมวงเงินที่ครอบคลุมราคารถยนต์ใช้แล้วที่ต้องการ สูงสุด 100% จากราคาประเมินของธนาคาร นอกจากนี้ยังสามารถเลือกระยะเวลาการผ่อนชำระได้สูงสุดถึง 84 เดือน ผ่อนได้สบายตามใจต้องการ
นอกจากนี้สำหรับคนที่มีรถยนต์ที่ผ่อนชำระหมดแล้ว และกำลังมองหาเงินก้อนแบบเร่งด่วน เพื่อนำไปใช้จ่ายยามฉุกเฉิน หรือเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน เรายังมีบริการสินเชื่อรถแลกเงิน ttb DRIVE ที่พร้อมตอบโจทย์ความต้องการทางการเงินของแต่ละคน
สำหรับผู้ที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม หรือต้องการคำปรึกษาด้านสินเชื่อ ทีทีบีไดรฟ์มีผู้เชี่ยวชาญด้านสินเชื่อที่พร้อมให้บริการและให้คำปรึกษาตลอดกระบวนการ คุณจึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณอย่างแท้จริง
*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว
สินเชื่อรถยนต์ใช้แล้ว อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 7.48% - 15.00% ต่อปี
สินเชื่อรถแลกเงิน อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 5.93% - 23.00% ต่อปี