ไม่ว่าคุณจะต้องการเงินก้อนเพื่อหมุนเวียนธุรกิจ, ปิดภาระหนี้ หรือเสริมสภาพคล่องในชีวิต การนำรถยนต์ที่มีอยู่มาขอสินเชื่อรถแลกเงิน หรือรีไฟแนนซ์รถยนต์ ถือเป็นทางออกที่ได้รับความนิยมสูง แต่หัวใจสำคัญด่านแรกที่ทุกคนต้องเจอคือ "การประเมินราคารถเข้าไฟแนนซ์" ซึ่งหลาย ๆ คนก็คงจะเกิดคำถามว่า การประเมินราคารถเข้าไฟแนนซ์สำคัญอย่างไร? ปัจจัยที่ใช้ในการประเมินราคารถเข้าไฟแนนซ์พิจารณาจากอะไรบ้าง?
ในบทความนี้ ทีทีบีไดรฟ์ จึงจะมาไขข้อสงสัยเหล่านี้ พร้อมแนะนำวิธีเช็กราคาประเมินรถเข้าไฟแนนซ์ด้วยตัวเองในเบื้องต้น และเคล็ดลับเตรียมรถให้พร้อม เพื่อให้คุณเข้าใจกระบวนการทั้งหมดและเตรียมตัวได้อย่างมืออาชีพ
การประเมินราคารถเข้าไฟแนนซ์สำคัญอย่างไร?
ก่อนจะไปดูปัจจัยต่างๆ เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าทำไมขั้นตอนการประเมินราคาจึงมีความสำคัญในกระบวนการขอสินเชื่อรถแลกเงิน หรือการรีไฟแนนซ์รถยนต์
- เป็นตัวกำหนด "วงเงินสินเชื่อ": ราคาประเมินกลางของรถยนต์ คือเพดานสูงสุดที่สถาบันการเงินจะใช้อ้างอิงในการพิจารณาอนุมัติวงเงินสินเชื่อ ยิ่งรถของคุณได้ราคาประเมินสูง โอกาสที่จะได้รับวงเงินตามที่ต้องการก็สูงขึ้นตามไปด้วย
- เป็นการประเมิน "มูลค่าของหลักทรัพย์ค้ำประกัน": ในมุมมองของสถาบันการเงิน รถยนต์ของคุณคือ "หลักทรัพย์" ที่ใช้ค้ำประกันสินเชื่อก้อนนั้น การประเมินราคาจึงเป็นกระบวนการที่จำเป็นเพื่อประเมินมูลค่าและความเสี่ยงของหลักทรัพย์ดังกล่าวอย่างเป็นมาตรฐานและโปร่งใส
ปัจจัยที่ใช้ในการประเมินราคารถเข้าไฟแนนซ์มีอะไรบ้าง?
การประเมินราคารถเข้าไฟแนนซ์ไม่ได้เกิดขึ้นจากการคาดเดา แต่เป็นกระบวนการวิเคราะห์ที่อิงจากข้อมูลที่เป็นรูปธรรมและปัจจัยรอบด้าน โดย 8 ปัจจัยหลักที่เจ้าหน้าที่ประเมินราคาของสถาบันการเงินใช้เป็นเกณฑ์ในการประเมินราคาที่ ทีทีบีไดรฟ์ รวบรวมมาแนะนำมีดังนี้
1. ยี่ห้อ, รุ่น และความนิยมในตลาด
รถยนต์ยี่ห้อตลาดที่ได้รับความนิยมสูงในประเทศไทย เช่น Toyota, Honda, Isuzu มักจะได้ราคาประเมินที่ดีกว่าเสมอ เพราะรถเหล่านี้เป็นที่ต้องการของตลาดมือสอง มีสภาพคล่องสูง ซื้อง่ายขายคล่อง อะไหล่หาง่าย และมีศูนย์บริการรองรับจำนวนมาก ทำให้ความเสี่ยงของสถาบันการเงินต่ำกว่าเมื่อเทียบกับรถยนต์ยี่ห้อจากยุโรปบางรุ่น หรือรถรุ่นที่เฉพาะกลุ่มซึ่งอาจหาผู้ซื้อต่อได้ยากกว่า
2. ปีที่จดทะเบียนและอายุการใช้งาน
"ปีรถ" คือปัจจัยที่ส่งผลโดยตรงที่สุดและเข้าใจง่ายที่สุด รถยิ่งใหม่ ปีจดทะเบียนล่าสุด ก็ยิ่งได้ราคาประเมินสูง เพราะเทคโนโลยียังไม่ตกรุ่น สภาพโดยรวมยังดี และผ่านการใช้งานมาน้อย ในทางกลับกัน รถที่มีอายุมากแล้ว ราคาประเมินก็จะลดหลั่นลงไปตามปีอย่างชัดเจน สถาบันการเงินส่วนใหญ่มักมีเกณฑ์การรับรถที่มีอายุไม่เกิน 15-20 ปี
สำหรับคนที่ต้องการเอารถเข้าไฟแนนซ์กับ ทีทีบีไดรฟ์ เรารับอายุรถจดทะเบียนสูงสุดที่ 20 ปี เมื่อสมัครสินเชื่อรถแลกเงินแบบไม่โอนเล่ม และรับอายุรถจดทะเบียนไม่เกิน 16 ปี สำหรับสินเชื่อรถแลกเงินแบบโอนเล่ม เพื่อเพิ่มโอกาสในการขอสินเชื่อให้มากขึ้น
สมัครสินเชื่อรถแลกเงินแบบไม่โอนเล่ม ttb DRIVE หรือคำนวณสินเชื่อรถแลกเงินคลิก ที่นี่ เลย
3. เลขไมล์ หรือระยะทางการใช้งาน
เลขไมล์ที่น้อยสะท้อนถึงการใช้งานที่ไม่หนักหน่วง สภาพเครื่องยนต์และชิ้นส่วนต่างๆ จึงมีแนวโน้มที่จะสึกหรอน้อยกว่า รถที่มีเลขไมล์ต่ำเมื่อเทียบกับรถปีเดียวกันจึงมักจะได้ราคาประเมินที่ดีกว่าเสมอ ตัวอย่างเช่น รถปี 2020 สองคัน คันแรกวิ่งไป 40,000 กิโลเมตร ส่วนอีกคันวิ่งไป 120,000 กิโลเมตร คันแรกย่อมได้ราคาประเมินที่สูงกว่าอย่างแน่นอน
4. สภาพโดยรวมของตัวถังและสี
สภาพภายนอกที่สวยงามเปรียบเสมือนปราการด่านแรกที่สร้างความประทับใจ เจ้าหน้าที่จะเดินตรวจสอบรอบคันเพื่อดูความสมบูรณ์ของสี หากเป็นสีเดิมจากโรงงานจะดีที่สุด และต้องไม่มีร่องรอยการชนหนัก, รอยบุบขนาดใหญ่ หรือการทำสีมาใหม่ที่ไม่ได้มาตรฐาน เช่น สีเพี้ยน, สีเป็นคลื่น หรือมีละอองสีติดอยู่ตามขอบยาง
5. ประวัติการเกิดอุบัติเหตุและการซ่อม
ประวัติการชนหนักที่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างหลักของตัวรถ (แชสซี) ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาประเมินลดลงอย่างมาก แม้จะซ่อมแซมกลับมาแล้วก็ตาม เพราะความแข็งแรงและความปลอดภัยอาจไม่เหมือนเดิม จุดที่เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเป็นพิเศษคือ คานหน้า, ซุ้มล้อ, เสา A-B-C, และรอยอาร์คจากโรงงาน หากพบร่องรอยการซ่อมแซมหรือการดัดแปลงโครงสร้าง ราคาจะตกลงทันที
6. สภาพภายในห้องโดยสาร
ความสะอาดและความสมบูรณ์ของอุปกรณ์ภายในก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบสภาพเบาะ (ไม่มีรอยฉีกขาด), คอนโซล (ไม่มีรอยแตกหัก), แผงประตู, และเพดาน หากทุกอย่างอยู่ในสภาพดี ไม่ชำรุดทรุดโทรม ก็จะช่วยให้ราคาประเมินดีขึ้น
7. สภาพเครื่องยนต์และระบบการทำงาน
เจ้าหน้าที่จะทำการสตาร์ทเครื่องยนต์เพื่อฟังเสียงการทำงานที่ผิดปกติ, ตรวจสอบการทำงานของระบบเกียร์, ช่วงล่าง, และระบบปรับอากาศ หากทุกอย่างยังทำงานได้ดี ไม่มีเสียงดังผิดปกติ ไม่มีร่องรอยการรั่วซึมของของเหลวใต้ท้องรถ ก็จะถือว่าเป็นรถที่มีสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งาน
8. การดัดแปลงหรือติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติม
การดัดแปลงสภาพรถที่ผิดไปจากมาตรฐานโรงงาน โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับเครื่องยนต์ (เช่น การติดตั้งเทอร์โบ) หรือโครงสร้าง (เช่น การโหลดเตี้ยหรือยกสูงที่ผิดปกติ) อาจส่งผลลบต่อราคาประเมินได้ ในขณะที่การติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งบางอย่าง เช่น ชุดเครื่องเสียงราคาแพง หรือล้อแม็กซ์ อาจไม่ถูกนำมาคิดรวมในราคาประเมิน เพราะถือเป็นความชอบส่วนบุคคล
วิธีเช็กราคาประเมินรถยนต์เบื้องต้นด้วยตัวเอง
ก่อนที่จะติดต่อสถาบันการเงิน การลองเช็กราคาประเมินเบื้องต้นด้วยตัวเองจะช่วยให้คุณมีข้อมูลในใจและสามารถคาดการณ์วงเงินคร่าวๆ ได้
- ค้นหาข้อมูลจากเว็บไซต์ซื้อ-ขายรถยนต์มือสอง: ลองค้นหารถยนต์ยี่ห้อ, รุ่น, และปีเดียวกับของคุณในเว็บไซต์ซื้อ-ขายรถมือสองยอดนิยมต่างๆ เพื่อดูว่าราคาที่ประกาศขายโดยทั่วไปอยู่ที่เท่าไหร่ ซึ่งจะช่วยให้คุณเห็นภาพราคากลางในตลาดได้
- ใช้โปรแกรมคำนวณราคาประเมินออนไลน์: ปัจจุบันมีเว็บไซต์และแอปพลิเคชันที่ให้บริการคำนวณราคาประเมินเบื้องต้นได้ เพียงกรอกข้อมูลรถของคุณลงไป
- สอบถามจากผู้ประกอบการเต็นท์รถที่น่าเชื่อถือ: การลองนำรถไปให้เต็นท์รถที่ไว้ใจได้ช่วยตีราคา ก็เป็นอีกวิธีที่ทำให้คุณทราบราคาซื้อขายในตลาดได้เช่นกัน
สำหรับผู้ที่ต้องการคำนวณวงเงินจากรถของคุณด้วยตัวเอง สามารถคำนวณสินเชื่อรถยนต์เบื้องต้นด้วยตัวเองได้ที่นี่ https://www.ttbbank.com/th/personal/loans/hire-purchase/cash-your-car#calculator
เคล็ดลับเตรียมรถให้พร้อม เพื่อราคาประเมินที่ดีที่สุด
การเตรียมรถให้พร้อมก่อนวันนัดหมายประเมิน จะช่วยให้คุณมีโอกาสได้รับราคาประเมินที่สูงขึ้นได้ ดังนั้น ทีทีบีไดรฟ์ จึงได้รวบรวมเคล็ดลับการเตรียมรถให้พร้อมมาแนะนำ ดังนี้
- ทำความสะอาดรถให้ดูดีทั้งภายนอกและภายใน: ความประทับใจแรกเป็นสิ่งสำคัญ ควรล้างทำความสะอาดภายนอกให้เงางาม และดูดฝุ่นทำความสะอาดภายในห้องโดยสารให้เรียบร้อย รถที่สะอาดสะอ้านบ่งบอกถึงการดูแลเอาใจใส่ของเจ้าของ
- เตรียมเอกสารประวัติการเข้าศูนย์บริการให้พร้อม: หากคุณนำรถเข้าเช็กระยะที่ศูนย์บริการอย่างสม่ำเสมอ ควรเตรียมสมุดรับประกันหรือใบเสร็จต่างๆ ไว้ให้เจ้าหน้าที่ดู เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่ารถของคุณได้รับการบำรุงรักษามาเป็นอย่างดี
- ซ่อมแซมจุดบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ ที่มองเห็นได้ชัด: หากมีหลอดไฟขาด, ยางแบน, หรือรอยขีดข่วนเล็กๆ ที่สามารถจัดการได้ในราคาไม่แพง ควรซ่อมแซมให้เรียบร้อย เพราะการปล่อยให้มีจุดบกพร่องที่เห็นได้ชัดอาจทำให้ถูกประเมินว่าเจ้าของไม่ดูแลรักษารถ
ขั้นตอนการประเมินราคารถเข้าไฟแนนซ์กับ ทีทีบีไดรฟ์
สำหรับผู้ที่ตัดสินใจรีไฟแนนซ์รถยนต์ หรือขอสินเชื่อรถแลกเงินกับ ทีทีบีไดรฟ์ สามารถตรวจสอบขั้นตอนในการประเมินราคาเข้าไฟแนนซ์ของ ทีทีบีไดรฟ์ ได้ที่นี่ เพื่อให้คุณสามารถเตรียมรถยนต์ให้พร้อม และเพิ่มโอกาสในการได้รับราคาประเมินที่สูงขึ้นได้ โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. การยื่นเรื่องและให้ข้อมูลเบื้องต้น
เริ่มต้นด้วยการติดต่อเจ้าหน้าที่ ทีทีบีไดรฟ์ ผ่านช่องทางที่คุณสะดวก เช่น เว็บไซต์ ttbbank, แอปพลิเคชัน ttb touch, Contact Center 1428 ซึ่งมีเจ้าหน้าที่พร้อมให้บริการถึงที่ หรือแวะเข้ามาที่สาขาของทีเอ็มบีธนชาต พร้อมแจ้งความประสงค์และให้ข้อมูลเบื้องต้นของรถยนต์ (ยี่ห้อ, รุ่น, ปี) และยื่นเอกสารที่จำเป็น เช่น เอกสารยืนยันตัวตนและเอกสารแสดงรายได้
2. การนัดหมายเพื่อตรวจสภาพรถยนต์
หลังจากรับเรื่องแล้ว เจ้าหน้าที่ประเมินราคาที่มีความเชี่ยวชาญและผ่านการอบรมจาก ทีทีบีไดรฟ์ จะทำการนัดหมายวันเวลาและสถานที่ที่คุณสะดวก เพื่อเข้าไปตรวจสภาพรถของคุณอย่างละเอียดตามเช็กลิสต์มาตรฐาน 8 ข้อที่กล่าวมาข้างต้น
3. การแจ้งผลราคาประเมินและวงเงินสินเชื่อสูงสุด
หลังจากประเมินสภาพรถเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่จะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเพื่อประเมินราคากลางที่ยุติธรรมที่สุด จากนั้น ทีทีบีไดรฟ์ จะแจ้งผลราคาประเมินและวงเงินสินเชื่อสูงสุดที่คุณสามารถได้รับอนุมัติให้ทราบ เพื่อให้คุณใช้ประกอบการตัดสินใจในขั้นตอนต่อไป
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
1. ราคาประเมินรถยนต์ กับ วงเงินอนุมัติ คือยอดเดียวกันหรือไม่?
โดยส่วนใหญ่แล้ว ไม่ใช่ยอดเดียวกัน ราคาประเมินคือมูลค่าเต็ม 100% ของรถยนต์ที่คุณจะได้รับ ส่วนวงเงินอนุมัติคือจำนวนเงินที่สถาบันการเงินจะปล่อยกู้ให้ ซึ่งมักจะเป็นเปอร์เซ็นต์ของราคาประเมินนั้นๆ เช่น 80-90% ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละสถาบันการเงินและคุณสมบัติของผู้กู้
2. หลังจากทราบผลการประเมินราคารถ เข้าไฟแนนซ์แล้ว ขั้นตอนต่อไปคืออะไร?
หลังจากคุณพอใจกับราคาประเมินและวงเงินที่ได้รับเสนอแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการทำสัญญาเช่าซื้อ และดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ทางทะเบียน ซึ่งหลังจากนั้นคุณก็จะได้รับเงินก้อนตามที่อนุมัติเข้าบัญชี
สรุปบทความ
การประเมินราคารถเข้าไฟแนนซ์ คือขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดในการเปลี่ยนรถยนต์ของคุณให้เป็นเงินก้อน การเข้าใจถึงปัจจัยต่างๆ ที่สถาบันการเงินใช้พิจารณาและการเตรียมความพร้อมของรถยนต์ให้ดี จะช่วยให้คุณได้รับราคาประเมินที่น่าพึงพอใจและวงเงินสินเชื่อที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ
สำหรับคนที่มีรถยนต์ที่ผ่อนชำระหมดแล้ว และกำลังมองหาเงินก้อนแบบเร่งด่วน เพื่อนำไปใช้จ่ายยามฉุกเฉิน หรือเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน เรามีบริการสินเชื่อรถแลกเงิน ttb DRIVE ที่มีให้เลือกทั้งแบบโอนเล่ม และไม่โอนเล่ม ในส่วนของคนที่ต้องการเอารถเข้าไฟแนนซ์ ก็สามารถนำรถมารีไฟแนนซ์รถยนต์กับ ttb DRIVE ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่น่าเชื่อถือ มั่นคง และให้ดอกเบี้ยต่ำได้เช่นกัน
- รับเงินสด รถยังมีขับ วงเงินสินเชื่อสูง สามารถขอกู้เงินก้อน โดยอ้างอิงจากมูลค่าประเมินของรถยนต์ได้สูงสุดถึง 100%
- ดอกเบี้ยคงที่เริ่มต้น 0.27% ต่อเดือน หรือเทียบเท่า 3.18% ต่อปี
- ค่างวดหลักพัน ผ่อนต่อเดือนสบาย ผ่อนได้สูงสุด 84 เดือน
- ผ่อนชำระเท่ากันทุกงวด หรือโปะ-ปิดบัญชีก่อนกำหนดได้ มีให้เลือกทั้งแบบโอนเล่มและไม่โอนเล่มทะเบียน
สมัครง่าย เจ้าหน้าที่บริการถึงที่ ทีทีบี ไดรฟ์ ขยายเงื่อนไข เปิดโอกาสใหม่จากรถคันเดิมของคุณ
- สำหรับแบบไม่โอนเล่ม: เลือกเงื่อนไขรายได้ขั้นต่ำ 9,000 บาท/เดือน หรือเลือกโปรแกรมอายุรถจดทะเบียนสูงสุด 20 ปี (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)
- สำหรับแบบโอนเล่ม: เลือกเงื่อนไขรายได้ขั้นต่ำ 12,000 บาท/เดือน หรือเลือกโปรแกรมอายุรถจดทะเบียนไม่เกิน 16 ปี (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)
- รถปลอดภาระแล้ว หรือรถผ่อนอยู่ ก็ขอกู้เพิ่มได้ เพียงผ่อนชำระสัญญาเดิมมาแล้ว เป็นระยะเวลา 24 งวดหรือครึ่งหนึ่งของสัญญาเดิม (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
สำหรับผู้ที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม หรือต้องการคำปรึกษาด้านสินเชื่อ ttb DRIVE มีผู้เชี่ยวชาญด้านสินเชื่อที่พร้อมให้บริการและให้คำปรึกษาตลอดกระบวนการ คุณจึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณอย่างแท้จริง
กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว
- สินเชื่อรถแลกเงินแบบโอนเล่ม อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 5.93% - 15.00% ต่อปี
- สินเชื่อรถแลกเงินแบบไม่โอนเล่ม อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 12% - 24% ต่อปี
- เงื่อนไขและการพิจารณาสินเชื่อเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด
ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.ttbbank.com