ออมเงินรูปแบบใหม่ด้วยการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมไหมที่จะรับความเสี่ยง

การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อหวังผลตอบแทนที่สูงเป็นเท่าตัว นั้นแลกมาบนความเสี่ยง เสี่ยงล้มเหลว เสี่ยงขาดทุน เสี่ยงถูกหลอก เสี่ยงถูก Hack และเสี่ยงไม่ได้รับความคุ้มครองทางกฎหมาย แต่ยังมีรูปแบบการลงทุนหรือการฝากเงินที่หลากหลาย เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มมูลค่าเงินในมือไม่ให้ลดลงตามกาลเวลา

 

คำโปรยท้ายโฆษณาผลิตภัณฑ์ทางการเงินมักจะเป็น “การลงทุนมีความเสี่ยง..” แต่กลับมีคำพูดที่สวนทางกันจากนักเศรษฐศาสตร์หรือผู้เชี่ยวชาญที่เราอาจได้ยินบ่อยครั้งว่า “การไม่ลงทุน คือความเสี่ยง” ยิ่งกว่า นั่นเป็นเพราะว่า เงินที่ถือไว้นานวันเข้า ยิ่งด้อยค่าลงอันเนื่องจากปัจจัยหลากประการ เช่น อัตราเงินเฟ้อ เป็นต้น ลองนึกภาพตามง่าย ๆ ไม่กี่ปีก่อนข้าวกะเพราไก่เพิ่มไข่ดาว สามารถซื้อได้ด้วยเงิน 30 บาท แต่ปัจจุบันเงิน 30 บาทนั้น อาจซื้อได้แค่ข้าวเปล่า

ในขณะที่ค่าเงินลดลงไปตามกาลเวลา การฝากเงินแบบไหนดี หรือ การลงทุนรูปแบบไหน จะเป็นช่องทางที่จะเพิ่มมูลค่าของเงินในมือคุณ และการลงทุนที่เป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุนรุ่นใหม่ในช่วงข้ามผ่านวิกฤติโควิด-19 เช่นนี้ ก็คงเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจากการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ได้แก่ Digital Token และ Cryptocurrency ที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย เช่น Bitcoin Ethereum เป็นต้น

ข้อดีที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือผลตอบแทนที่สูงยิ่งกว่าเท่าตัวทำเอาตาลุกวาว แค่นั้นก็เพียงพอให้กระโจนเข้าไปลงสนามทุ่มเงินลงทุนเพื่อซื้อเหรียญคริปโต ฯ ได้ทันทีโดยแทบไม่ต้องลังเล แต่ช้าก่อน เพราะตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลมีอะไรมากกว่าที่คุณคิด แน่นอนว่าเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว ถ้าเราจะก้าวเท่าทันโลกที่เคลื่อนไปอย่างรวดเร็ว แต่ถ้ารีบลงมือโดยปราศจากความระมัดระวังเพราะกลัวจะตกขบวนคงไม่เป็นการดีแน่ เพราะ “การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูล และประเมินความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน”

ในฐานะนักลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล คุณจะต้องเจอความเสี่ยงอะไรบ้าง

1. เสี่ยงล้มเหลว จากโครงการที่ไม่ประสบความสำเร็จ

เนื่องจากธุรกิจของบริษัทที่ออก ICO มักเป็นโครงการใหม่ หรือ ธุรกิจตั้งไข่ประเภท Start-up ซึ่งอาจมีไอเดีย หรือใช้เทคโนโลยีใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน แม้จะมีความเป็นไปได้ที่จะได้รับผลตอบแทนที่สูง แต่ขณะเดียวกันก็มีความเสี่ยงสูงที่โครงการจะไม่ประสบความสำเร็จ ทำให้นักลงทุนอาจต้องสูญเงินลงทุนไปหรือไม่ได้รับคืนทั้งหมด และในอนาคตเมื่อToken หรือ Cryptocurrency ที่คุณถือครองอยู่ไม่ได้รับความนิยมอีกต่อไป ก็จะทำให้ขาดสภาพคล่อง ซื้อขาย เปลี่ยนมือได้ยาก

2. เสี่ยงขาดทุนเมื่อแลกเปลี่ยน หรือซื้อขาย เมื่อสินทรัพย์ดิจิทัลที่ถือครองด้อยมูลค่าลง

ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลมีความผันผวนสูง มูลค่าเปลี่ยนแปลงขึ้นลงอย่างรวดเร็ว จึงทำให้เงินที่ลงทุนไปเพิ่มพูนกว่า 100% ได้อย่างง่ายดายแม้ภายในวันเดียว แต่ขณะเดียวกัน เงินจำนวนนั้นก็ลดลงในจำนวนที่มากกว่าได้เช่นกัน ดังที่แสดงในตารางผลตอบแทนและขาดทุนสูงสุดของสกุลเงินดิจิทัลด้านล่าง

ที่มาข้อมูลจาก portfolioslab.com

ถ้าภาพรวมระยะยาวอาจทำให้ใจเต้นรัวจนเกินไป ลองมาดูความผันผวนระยะสั้น ๆ โดยอ้างอิงจากผลตอบแทนและขาดทุนสูงสุดในรอบเดือน ของปี 2021

แค่เปรียบเทียบผลตอบแทนและขาดทุนในรอบเดือนก็ผันผวนจนแทบตั้งตัวไม่ทันแล้ว นอกจากนี้ สินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้ยังไม่มีการรับรองมูลค่าจากสถานบันการเงินใด ๆ จึงไม่มีใครสามารถการันตีได้ ว่าการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนั้น ๆ จะคุ้มค่าและให้กำไรเสมอไป แม้ว่า ICO Portal จะช่วยคัดกรองโครงการ ICO และ ก.ล.ต. จะช่วยเปิดเผยข้อมูลประกอบการลงทุน ที่เพียงพอเพื่อเป็นตัวช่วยต่อการตัดสินใจให้แก่นักลงทุน แต่ก็ไม่ได้เป็นการรับประกันความสำเร็จของโครงการ เมื่อพิจารณาที่การฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์ที่ดอกเบี้ยสูงก็พอจะเห็นแล้วว่า เราจะยอมรับความเสี่ยงหรือผลตอบแทนอันไหนได้มากกว่ากัน ก็เลือกลงทุนตามไลฟ์สไตล์ของเรา

ลองคิดเล่น ๆ ว่ามีเงินอยู่ 1 ล้านบาท ต้องการลงทุนให้งอกเงยภายในหนึ่งเดือน มีความเป็นไปได้อะไรบ้างที่จะเกิดขึ้น โดยอ้างอิงจากผลตอบแทนในปี 2021 กรณีแรก คุณเลือกที่จะทุ่มเงินให้กับ Bitcoin เมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งเดือน คุณอาจจะได้กำไร 400,000 บาท หรือในทางกลับกันคุณอาจจะสูญเงินไป 350,000 บาท แต่ในอีกกรณีหนึ่ง ที่คุณเลือกวิธีที่ปลอดภัยกว่าด้วยการฝากเงินในบัญชีฝากไม่ประจำที่ดอกสูงอย่าง บัญชีทีทีบี โนฟิกซ์ คุณจะได้กำไรแน่นอนแบบชิลล์ๆ ปีละ 9,000 บาท และไม่มีทางที่จะขาดทุน เงินของคุณจะไม่สูญหายอย่างแน่นอน

3. เสี่ยงถูกหลอก จากมิจฉาชีพ หรือผู้ประกอบธุรกิจ ฯ ที่ไม่มีใบอนุญาต

ผลตอบแทนที่สูงทำให้หน้ามืดตามัวจนลืมดูหน้าดูหลังให้ดีก่อน เพราะมิจฉาชีพมักนำสินค้าที่อยู่ในกระแสหรือผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ ๆ เช่น ICO, Token, Cryptocurrency ฯลฯ มาหลอกล่อชวนให้ลงทุน ในฐานะนักลงทุนที่รอบคอบ ก่อนจะตัดสินใจ หรือให้เงินลงทุนไปกับใคร ควรตรวจสอบข้อมูล ICO ของผู้ให้บริการ หรือผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับอนุญาตตามกฏหมายหรือไม่ บนเว็บไซต์ของ ก.ล.ต. (www.sec.or.th/digitalasset) ก่อนการลงทุนทุกครั้ง

4. เสี่ยงถูก Hack หรือถูกขโมยสกุลเงินดิจิทัล

แม้ผู้ให้บริการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือศูนย์ซื้อขายที่ได้รับอนุญาตจะได้เตรียมระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security) เอาไว้เป็นอย่างดีแล้ว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีโอกาสถูก Hack ได้ทุกเมื่อ นอกจากข้อมูลและความเป็นส่วนตัวจะถูกเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต สินทรัพย์ดิจิทัลที่ลูกค้าเก็บไว้ก็อาจหายไปด้วย ดังนั้น ศูนย์ซื้อขายมักแบ่ง Token และ Cryptocurrency ไปเก็บไว้ใน Private Wallet

5. เสี่ยงไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฏหมาย

การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลทั้ง Token และ Cryptocurrency ในต่างประเทศ หรือลงทุนผ่านบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. ผู้ลงทุนจะไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.ก. การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล

แล้วคุณยอมรับความเสี่ยงได้ไหม ? ถ้ารับได้ แล้วรับความเสี่ยงได้สูงมากแค่ไหน ?

อ่านมาถึงตรงนี้ อย่าเพิ่งหวาดกลัวและไม่กล้าหยิบจับเงินในกระเป๋าออกมาทำให้งอกเงย เพราะยังมีวิธีเพิ่มมูลค่าเงินไม่ให้ลดลงไปตามกาลเวลาอยู่อีกมาก อีกหนึ่งรูปแบบ การฝากเงินไว้ในบัญชีที่ให้ผลตอบแทนสูง แถมยังปลอดภัย ความเสี่ยงต่ำ ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้จ่ายยามฉุกเฉิน

แม้ว่าการออมเงินในบัญชีออมทรัพย์ หรือบัญชีฝากไม่ประจำ จะไม่สามารถสร้างผลตอบแทนเป็นกำไรให้คุณได้เป็นกอบเป็นกำ แต่ก็ทำให้มั่นใจได้ว่า เงินของคุณจะไม่หายไปไหน และยังงอกเงยด้วยดอกเบี้ยที่สูงกว่าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ทั่วไป อยู่ที่คุณแล้ว ว่าจะเลือกจัดการเงินออมและเงินลงทุนของตัวเองแบบไหน คุณไม่จำเป็นต้องเพลย์เซฟมากเกินไป ในณะเดียวกันก็ไม่มีความจำเป็นต้องแบกรับความเสี่ยงที่มากเกินตัวเช่นกัน

ที่มา
ความเสี่ยงและคำเตือนในการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล, Trinity Academy
มารู้จักสินทรัพย์ดิจิทัลกันเถอะ, ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
รู้เขา รู้ระวัง รู้เท่าทัน สินทรัพย์ดิจัล, สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์