external-popup-close

คุณกำลังออกจากเว็บไซต์ ทีทีบี
เพื่อเข้าสู่

https://www.ttbbank.com/

ตกลง

CVC คืออะไร ต่างจาก CVV ไหม? เพิ่มความปลอดภัยให้ธุรกรรมออนไลน์

13 ส.ค. 2568

เมื่อการทำธุรกรรมออนไลน์อย่างการช็อปปิง ฝาก ถอน โอนเงินผ่านระบบดิจิทัลกลายเป็นที่นิยมมากขึ้นทุกวัน การรักษาความปลอดภัยจึงต้องมีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดการพัฒนาระบบที่เรียกว่า CVC และ CVV ที่มีส่วนช่วยในการป้องกันการถูกโจรกรรมทางบัตรเครดิต และเพื่อให้เข้าใจถึงหลักการทำงาน และความสำคัญให้มากยิ่งขึ้น บทความนี้จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเลขหลักบัตร CVC และ CVV กันให้มากยิ่งขึ้น

ทำความรู้จัก CVC คืออะไร ต่างจาก CVV ไหม


ทำความรู้จัก CVC คืออะไร ต่างจาก CVV ไหม? รหัส CVC คือ

รหัสความปลอดภัยที่ใช้ยืนยันตัวตนสำหรับการทำธุรกรรมออนไลน์ ซึ่งช่วยป้องกันการใช้บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยรหัส CVC นี้มักจะพิมพ์อยู่ด้านหลังของบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต สำหรับฟังก์ชันการใช้งานรหัส CVC (Card Verification Code) และ CVV (Card Verification Value) นั้นมีรูปแบบที่เหมือนกัน จะมีข้อแตกต่างกันเพียงแค่รหัส CVC คือรหัสที่ใช้โดยระบบของ Mastercard ส่วนหมายเลข CVV คือรหัสที่ใช้โดยระบบของ Visa นั่นเอง อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับ CVC2/CVV2 คืออะไร รหัส CVC2 และ CVV2 ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อยกระดับความปลอดภัยในการใช้บัตรเครดิตและบัตรเดบิต ทั้งนี้ ฟังก์ชันการใช้งานยังคงเหมือนกับ CVC และ CVV เดิม เพียงแต่จะใช้สำหรับการทำธุรกรรมที่ไม่ต้องแสดงบัตร


CVC และ CVV ดูได้บริเวณไหน?

รหัส CVC (Card Verification Code) หรือ CVV (Card Verification Value) สามารถดูได้ที่ด้านหลังของบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต โดยจะพิมพ์อยู่บริเวณแถบลายเซ็น ซึ่งเป็นรหัส 3 หลักเพื่อใช้ในการยืนยันตัวตนในการทำธุรกรรมออนไลน์


CVC และ CVV ใช้งานต่างกันหรือไม่?

อย่างที่ได้กล่าวไปด้านต้นว่า CVC และ CVV เป็นรหัสที่ช่วยให้การใช้งานบัตรเครดิตหรือเดบิตทางออนไลน์เป็นไปอย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น ฉะนั้น CVC และ CVV จึงไม่แตกต่างกันในแง่ของการใช้งาน แต่ที่ต่างกันมีเพียงชื่อเรียกเท่านั้น ซึ่ง CVC คือชื่อเรียกรหัสจาก Mastercard ส่วน CVV คือชื่อเรียกรหัสจาก Visa นั่นเอง

หากใครที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้ให้บริการ Visa สามารถอ่านได้ที่ : บัตร Visa คืออะไร

เราสามารถใช้งาน CVC/CVV ตอนไหนบ้าง


เราสามารถใช้งาน CVC/CVV ตอนไหนบ้าง?

แน่นอนว่ารหัส CVV และ CVC ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อป้องกันและเพิ่มความปลอดภัยให้กับการทำธุรกรรมทางออนไลน์ จึงมักได้ใช้งานในสถานการณ์ดังต่อไปนี้

  • การซื้อสินค้าหรือบริการออนไลน์ : เมื่อคุณทำการซื้อสินค้าหรือบริการผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่รองรับการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต คุณจะต้องกรอกรหัส CVV หรือ CVC เพื่อยืนยันว่าคุณเป็นเจ้าของบัตรตัวจริง
  • การชำระเงินในบางระบบ : บางบริการหรือผู้ให้บริการอาจต้องการรหัส CVV หรือ CVC สำหรับการตรวจสอบเพิ่มเติม เช่น การสมัครสมาชิกหรือการชำระค่าบริการที่ต้องการความปลอดภัยสูง

เมื่อทำการกรอกรหัส 3 หลักนี้ CVC และ CVV คือตัวช่วยยืนยันว่าผู้ทำการชำระเงินเป็นเจ้าของบัตรตัวจริง เพราะรหัสจะถูกส่งไปยังระบบของธนาคารหรือผู้ให้บริการชำระเงิน เพื่อตรวจสอบว่าเป็นรหัสที่ถูกต้องและตรงกับข้อมูลที่บันทึกไว้บนบัตร ซึ่งการใช้งานรหัสนี้ช่วยป้องกันการฉ้อโกงและการใช้บัตรโดยไม่ได้รับอนุญาต


รหัส CVC/CVV มีข้อดีอย่างไรบ้าง?

ข้อดีจากการยืนยันรหัส CVC และ CVV มีดังนี้

  • เพิ่มความปลอดภัย
    รหัส CVV และ CVC ช่วยป้องกันการใช้บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตโดยไม่ได้รับอนุญาต ผ่านการตรวจสอบรหัสที่อยู่ด้านหลังบัตร ช่วยให้แน่ใจว่าผู้ทำการชำระเงินมีบัตรอยู่ในครอบครองจริง
  • ลดความเสี่ยงจากการฉ้อโกง
    การใช้รหัสความปลอดภัยเพิ่มขึ้นในการทำธุรกรรมออนไลน์ช่วยให้การชำระเงินปลอดภัยและลดโอกาสในการเกิดการฉ้อโกงจากการใช้ข้อมูลบัตรโดยไม่ได้รับอนุญาต
  • ปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล
    โดยการใช้รหัส CVV หรือ CVC ที่แยกออกจากหมายเลขบัตรและวันหมดอายุ ทำให้การรั่วไหลของข้อมูลบัตรหลักไม่สามารถใช้ในการทำธุรกรรมได้

*ทั้งนี้ การใช้รหัส CVC และ CVV เป็นเพียงหนึ่งในวิธีการป้องกันการโจรกรรมบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตเท่านั้น ไม่สามารถป้องกันได้ 100%


ข้อจำกัดของ CVV และ CVC คืออะไร?

ในขณะที่ CVV และ CVC ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการทำธุรกรรมออนไลน์ แต่ก็มีข้อจำกัดหากเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ ดังนี้

  • มีความเสี่ยงจากการส่งข้อมูลผ่านช่องทางที่ไม่ปลอดภัย
    หากข้อมูลบัตรรวมถึง CVV หรือ CVC ถูกส่งผ่านช่องทางที่ไม่ปลอดภัย เช่น อีเมลหรือการเชื่อมต่อที่ไม่ได้เข้ารหัส ข้อมูลอาจถูกดักจับหรือถูกขโมยได้
  • ไม่ป้องกันการใช้บัตรที่ถูกขโมย
    แม้ว่าจะมีการใช้ CVV หรือ CVC เพื่อป้องกันหากข้อมูลหลุดทางออนไลน์ก็จริง แต่หากบัตรจริงถูกขโมย ผู้ที่ขโมยไปก็สามารถทำธุรกรรมด้วยบัตรใบนั้น ๆ ได้


CVV และ CVC คือกลไกเพิ่มความปลอดภัยทางออนไลน์

CVV และ CVC คือ รหัสความปลอดภัย 3 หลักที่พิมพ์อยู่บริเวณด้านหลังของบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต ใช้ในการยืนยันตัวตนเมื่อทำธุรกรรมออนไลน์ โดย CVV ใช้กับบัตรของ Visa และ CVC ใช้กับบัตรของ Mastercard ซึ่งการใช้รหัสเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการชำระเงิน และป้องกันการใช้บัตรเครดิตโดยไม่ได้รับอนุญาต

บัตรเดบิต ttb all free ใช้ชีวิตได้ฟรีรอบด้าน

สำหรับผู้ที่สนใจสมัครบัตรเดบิต แต่ยังไม่รู้ว่าจะสมัครใบไหนดี เราขอแนะนำ ttb all free บัตรเดบิตที่จะช่วยให้คุณใช้จ่ายได้สะดวกทุกที่ทั่วโลก ถอน โอน จ่าย เงินผ่านตู้ ATM หรือแอป ttb touch ฟรีทุกค่าธรรมเนียมสามารถใช้จ่ายได้สะดวกทุกที่ ทุกเวลา ใช้ชีวิตได้ฟรีรอบด้านมากขึ้นกับสิทธิประโยชน์มากมาย

บัตรเดบิต ttb all free พร้อมมอบสิทธิประโยชน์สำหรับเบิกค่ารักษา 3,000 บาทต่ออุบัติเหตุ ไม่จำกัดครั้ง คุ้มครองชีวิตสูงสุด 3 ล้านบาท 20 เท่าของเงินฝากคงเหลือ เพียงมีเงินฝากคงที่ทุกวันตลอดทั้งเดือนในบัญชี ไม่ต่ำกว่า 5,000 บาท รับความคุ้มครองฟรีในเดือนถัดไปอัตโนมัติไม่ต้องสมัคร ไม่มีค่าใช้จ่าย ครอบคลุมโรงพยาบาลทั่วประเทศกว่า 300 แห่ง

สำหรับใครที่ชอบเที่ยวต่างประเทศ ฟรีค่าธรรมเนียม FX Rate 2.5% ถูกกว่าแลกเงินเองแน่นอน อีกทั้งยังสามารถผูกบัตรกับ e-Wallet อื่น ๆ ก็ทำได้ สะดวกสบาย

ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบัตรเดบิต ttb all free สามารถดูรายละเอียดผลิตภัณฑ์และค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปีบัตรเดบิตผ่านทางเว็บไซต์ https://www.ttbbank.com/th/personal/deposits/debit-card/ttb-all-free-debit-card หรือติดต่อสอบถามได้ที่ ttb contact center 1428