เอารถเข้าไฟแนนซ์เสียค่าอะไรบ้าง ควรมีรายได้เท่าไหร่ถึงจะผ่าน

การเอารถเข้าไฟแนนซ์ หรือการรีไฟแนนซ์รถยนต์ เป็นวิธีเสริมสภาพคล่องที่ได้รับความนิยม แต่ก่อนจะตัดสินใจ หลายคนมักมีคำถามสำคัญอยู่ 2 เรื่อง คือ เอารถเข้าไฟแนนซ์เสียค่าอะไรบ้าง และต้องมีรายได้เท่าไหร่จึงจะมีโอกาสอนุมัติผ่าน การทำความเข้าใจในรายละเอียดค่าใช้จ่ายทั้งหมดและเกณฑ์การพิจารณารายได้ จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนทางการเงินได้อย่างรัดกุมและเตรียมตัวยื่นขอสินเชื่อได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น

เจาะลึก! เอารถเข้าไฟแนนซ์เสียค่าอะไรบ้าง?

นอกเหนือจากค่างวดที่ต้องผ่อนชำระในแต่ละเดือนแล้ว การเอารถเข้าไฟแนนซ์ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในขั้นตอนการดำเนินการ ซึ่งผู้ขอสินเชื่อควรทราบเพื่อจะได้เตรียมงบประมาณในส่วนนี้ไว้ล่วงหน้า โดยค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์รถที่มักจะพบในการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน มีดังนี้

ค่าธรรมเนียมการจัดสินเชื่อ

เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของสถาบันการเงิน เช่น ค่าประเมินหลักประกัน (รถยนต์), ค่าดำเนินการด้านเอกสารและสัญญาต่าง ๆ ซึ่งแต่ละสถาบันการเงินอาจเรียกเก็บในอัตราที่แตกต่างกันไป หรือบางแห่งอาจจัดโปรโมชันยกเว้นค่าธรรมเนียมในส่วนนี้เพื่อดึงดูดลูกค้า ดังนั้นจึงควรสอบถามรายละเอียดจากเจ้าหน้าที่ให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจ

ค่าอากรแสตมป์

เป็นค่าใช้จ่ายตามที่กฎหมายกำหนด โดยจะต้องติดอากรแสตมป์บนสัญญาเงินกู้ในอัตรา 0.05% ของวงเงินกู้ แต่สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท ค่าใช้จ่ายส่วนนี้เป็นข้อบังคับทางกฎหมายที่ผู้กู้จะต้องชำระเพื่อให้สัญญามีผลสมบูรณ์ ซึ่งโดยปกติจะชำระในวันทำสัญญา

ค่าดำเนินการทางทะเบียนรถยนต์

สำหรับสินเชื่อรถแลกเงินที่ต้องมีการ "โอนเล่มทะเบียน" จะมีค่าใช้จ่ายที่ต้องดำเนินการ ณ กรมการขนส่งทางบก เช่น ค่าโอนกรรมสิทธิ์, ค่าตรวจสภาพรถ (กรณีที่รถขาดการต่อภาษี) ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระให้กับหน่วยงานราชการโดยตรง

ค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์

โดยส่วนใหญ่ สถาบันการเงินจะกำหนดให้รถยนต์ที่ใช้เป็นหลักประกัน ต้องมีประกันภัยคุ้มครองตลอดอายุสัญญา (อย่างน้อยประกันชั้น 3) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ หากคุณมีประกันเดิมอยู่แล้วที่ยังไม่หมดอายุและมีเงื่อนไขความคุ้มครองตามที่กำหนด ก็สามารถใช้ต่อเนื่องได้ แต่หากไม่มี จะต้องมีการทำประกันใหม่ ซึ่งค่าเบี้ยจะขึ้นอยู่กับประเภทของประกันและรุ่นรถ

ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

หากคุณยื่นขอสินเชื่อรถแลกเงินแบบโอนเล่ม ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% จะถูกรวมอยู่ใน "ดอกเบี้ย" ของค่างวดแต่ละเดือน ไม่ได้ถูกคิดจากยอดเงินต้นทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าในใบแจ้งหนี้ค่างวดที่คุณได้รับ จะมีการแจกแจงยอดเงินต้นและดอกเบี้ย โดย VAT จะคำนวณจากส่วนที่เป็นดอกเบี้ยในงวดนั้น ๆ ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด

รีไฟแนนซ์รถควรมีรายได้เท่าไหร่? สถาบันการเงินพิจารณาอย่างไร?

นอกเหนือจากคำถามว่า เอารถเข้าไฟแนนซ์เสียค่าอะไรบ้าง อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือ "รายได้" ของผู้ขอสินเชื่อ ซึ่งสถาบันการเงินไม่ได้มีข้อกำหนดตายตัวว่าต้องมีรายได้ขั้นต่ำเท่าไหร่ แต่จะใช้หลักการพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้เป็นหัวใจสำคัญ

หัวใจสำคัญ: "ภาระหนี้ต่อรายได้"

สถาบันการเงินจะพิจารณาจากสัดส่วนภาระหนี้ทั้งหมดต่อรายได้ (Debt-to-Income Ratio หรือ DTI) โดยทั่วไปแล้ว ภาระผ่อนชำระหนี้ทั้งหมด (รวมค่างวดรถใหม่นี้ด้วย) ไม่ควรเกิน 40-50% ของรายได้รวมต่อเดือน

ตัวอย่างวิธีคำนวณรายได้ขั้นต่ำเบื้องต้นด้วยตัวเอง

ตัวอย่าง ค่างวดรถที่คุณต้องผ่อนอยู่ที่ 8,000 บาทต่อเดือน และคุณไม่มีภาระหนี้อื่นเลย หากสถาบันการเงินใช้เกณฑ์ภาระหนี้ 50% ของรายได้ คุณควรมีรายได้ขั้นต่ำอยู่ที่ประมาณ

(ค่างวด 8,000 บาท ÷ 50) x 100 = 16,000 บาทต่อเดือน

หากคุณมีหนี้อื่นอยู่แล้ว ก็ต้องนำมาบวกเพิ่มเข้าไปด้วย อย่างไรก็ตาม สถาบันการเงินแต่ละแห่งจะมีการกำหนดเกณฑ์ภาระหนี้ไม่เท่ากัน ดังนั้นจึงควรสอบถามข้อมูลกับสถาบันการเงินที่ขอสินเชื่อก่อนทุกครั้ง เพื่อให้คุณสามารถวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากรายได้ สถาบันการเงินดูอะไรอีกบ้าง?

นอกเหนือจากรายได้และภาระหนี้ สถาบันการเงินยังพิจารณาปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น ความมั่นคงของอาชีพ, อายุงาน, ประวัติข้อมูลเครดิต (เครดิตบูโร) และความสม่ำเสมอของรายได้ที่ปรากฏในรายการเดินบัญชี เพื่อประเมินความเสี่ยงและความน่าเชื่อถือโดยรวม

ตัวอย่างการคำนวณค่าใช้จ่ายและรายได้ที่เหมาะสม

ตัวอย่าง: ต้องการขอสินเชื่อ 300,000 บาท ผ่อน 60 เดือน ค่างวดประมาณ 6,500 บาท/เดือน

ค่าใช้จ่ายเบื้องต้น:

• ค่าอากรแสตมป์: 300,000 x 0.5% = 1,500 บาท
• ค่าดำเนินการสินเชื่อ (สมมติ): 1,500 บาท
• รวมค่าใช้จ่ายวันทำสัญญา (ประมาณ): 3,000 บาท (ยังไม่รวมค่าประกันภัยหากต้องทำใหม่)

รายได้ที่ควรมี:

• ค่างวดใหม่: 6,500 บาท
• หนี้สินเดิม: 4,000 บาท
• เงินเหลือที่จำเป็น: 5,000 บาท
• รายได้ขั้นต่ำที่ควรมี: 6,500 + 4,000 + 5,000 = 15,500 บาท/เดือน

จากตัวอย่างนี้ คุณควรมีรายได้สุทธิต่อเดือนอย่างน้อย 15,500 บาท และเตรียมเงินสดสำหรับค่าใช้จ่ายในวันทำสัญญาประมาณ 3,000 บาท จึงจะถือว่ามีความพร้อมในการขอสินเชื่อครั้งนี้

เคล็ดลับจาก ttb DRIVE: เตรียมตัวอย่างไรให้พร้อมที่สุด

เพื่อให้การขอสินเชื่อเป็นไปอย่างราบรื่นและลดความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์รถ การเตรียมตัวที่ดีจะช่วยเพิ่มโอกาสในการอนุมัติได้อย่างมาก

รวบรวมเอกสารแสดงรายได้ทั้งหมดให้ชัดเจน

การเตรียมเอกสารที่ครบถ้วนและชัดเจนจะช่วยให้สถาบันการเงินประเมินรายได้ของคุณได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว โดยเอกสารที่ต้องเตรียมในแต่ละกลุ่มอาชีพมีดังนี้

• พนักงานบริษัท: สลิปเงินเดือนล่าสุด, หนังสือรับรองรายได้, รายการเดินบัญชีย้อนหลัง 3 เดือน หรือ 6 เดือน
• เจ้าของกิจการ/ธุรกิจส่วนตัว: รายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6-12 เดือน, สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียน, สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น
• อาชีพอิสระ/ฟรีแลนซ์: ทวิ 50, สัญญาจ้างงาน
• ผู้ประกอบอาชีพค้าขาย: บิลซื้อ-ขายสินค้า, ใบเสร็จรับเงิน, ภาพถ่ายหน้าร้าน, ภาพถ่ายสต็อกสินค้า (ถ้ามี), สัญญาเช่าพื้นที่
• ขายของออนไลน์: เอกสารสรุปยอดขายจากแพลตฟอร์มหรือระบบหลังบ้าน, ภาพถ่ายหน้าเพจ, ภาพถ่ายสต็อกสินค้า (ถ้ามี)
• เกษตรกร: สมุดทะเบียนเกษตรกร (เล่มเขียว), หลักฐานการขายผลผลิต, เอกสารรับเงินช่วยเหลือจากภาครัฐ (ถ้ามี)

ตรวจสอบและจัดการภาระหนี้ของตนเอง

ก่อนยื่นกู้ ควรตรวจสอบภาระหนี้สินทั้งหมดของตนเอง หากมีหนี้บัตรเครดิตหรือสินเชื่อส่วนบุคคลที่ใกล้จะหมด ควรพยายามปิดบัญชีให้เรียบร้อยเพื่อลดสัดส่วนภาระหนี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการกู้และทำให้สถาบันการเงินมองว่าคุณมีวินัยทางการเงินที่ดี

เตรียมสภาพรถให้พร้อมสำหรับราคาประเมินที่ดี

วงเงินอนุมัติขึ้นอยู่กับราคาประเมินของรถยนต์ การดูแลรักษาสภาพรถให้สะอาดเรียบร้อยทั้งภายนอกและภายใน รวมถึงการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ตามระยะ จะช่วยสร้างความประทับใจให้ผู้ประเมินและอาจส่งผลให้ได้รับราคาประเมินที่ดีขึ้น ซึ่งหมายถึงวงเงินกู้ที่สูงขึ้นด้วย

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

1. ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการรีไฟแนนซ์ สามารถรวมอยู่ในวงเงินกู้ได้หรือไม่?

ขึ้นอยู่กับประเภทของสินเชื่อ ดังนี้

• สินเชื่อรถแลกเงินแบบ "ไม่โอนเล่ม" ผู้กู้ จะต้องชำระเป็นเงินสด ในวันทำสัญญาเท่านั้น
• สินเชื่อรถแลกเงินแบบ "โอนเล่ม" สามารถ "หักค่าใช้จ่ายจากวงเงินกู้" (หักหน้าเช็ค) ได้ ทำให้ไม่ต้องเตรียมเงินสดก้อนแยกมาเพิ่มเติม

2. หากรายได้ไม่สม่ำเสมอ (เช่น อาชีพอิสระ) จะประเมินรายได้อย่างไร?

สถาบันการเงินจะพิจารณาจากรายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6-12 เดือน เพื่อหารายได้เฉลี่ยต่อเดือน ควบคู่กับเอกสารอื่น เช่น ทวิ 50 หรือสัญญาจ้าง เพื่อดูความต่อเนื่องของรายได้

3. การมีผู้กู้ร่วมจะช่วยให้ขอสินเชื่อได้ง่ายขึ้นหรือไม่?

ช่วยได้ โดยเฉพาะกรณีที่รายได้ของผู้กู้หลักคนเดียวอาจไม่เพียงพอ การมีผู้กู้ร่วมที่มีรายได้มั่นคงและประวัติเครดิตดี จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อได้

สรุปบทความ

การทำความเข้าใจว่าเอารถเข้าไฟแนนซ์เสียค่าอะไรบ้าง และต้องมีรายได้เท่าไหร่ เป็นขั้นตอนสำคัญในการวางแผนทางการเงินที่รอบคอบ การเตรียมความพร้อมทั้งด้านเอกสาร, การจัดการภาระหนี้ และการดูแลรักษาสภาพรถ จะช่วยให้กระบวนการขอสินเชื่อของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและมีโอกาสได้รับการอนุมัติตามที่คาดหวัง

สำหรับคนที่ยังไม่รู้ว่าจะเอารถเข้าไฟแนนซ์ที่ไหนดี ทีทีบีไดรฟ์ มีบริการสินเชื่อรถแลกเงิน ttb DRIVE ที่มีให้เลือกทั้งแบบโอนเล่ม และไม่โอนเล่ม สำหรับคนที่มีรถยนต์ที่ผ่อนชำระหมดแล้ว รวมถึงบริการรีไฟแนนซ์รถยนต์ ttb DRIVE สำหรับคนที่มีรถที่ยังผ่อนไม่หมด โดยมีจุดเด่นที่น่าสนใจดังนี้

• รับเงินสด รถยังมีขับ วงเงินสินเชื่อสูง สามารถขอกู้เงินก้อน โดยอ้างอิงจากมูลค่าประเมินของรถยนต์ได้สูงสุดถึง 100%
• ดอกเบี้ยคงที่เริ่มต้น 0.27% ต่อเดือน หรือเทียบเท่า 3.18% ต่อปี
• ผ่อนต่อเดือนสบาย ผ่อนได้สูงสุด 84 เดือน
• ผ่อนชำระเท่ากันทุกงวด หรือโปะ-ปิดบัญชีก่อนกำหนดได้ มีให้เลือกทั้งแบบโอนเล่มและไม่โอนเล่มทะเบียน

สมัครง่าย เจ้าหน้าที่บริการถึงที่ ทีทีบี ไดรฟ์ ขยายเงื่อนไข เปิดโอกาสใหม่จากรถคันเดิมของคุณ

• สำหรับแบบไม่โอนเล่ม: เงื่อนไขรายได้ขั้นต่ำ 9,000 บาท/เดือน หรือโปรแกรมอายุรถจดทะเบียนสูงสุด 20 ปี (อย่างใดอย่างหนึ่ง)
• สำหรับแบบโอนเล่ม: เงื่อนไขรายได้ขั้นต่ำ 12,000 บาท/เดือน หรือโปรแกรมอายุรถจดทะเบียนไม่เกิน 16 ปี (อย่างใดอย่างหนึ่ง)
• รถปลอดภาระแล้ว หรือรถผ่อนอยู่ ก็ขอกู้เพิ่มได้ เพียงผ่อนชำระสัญญาเดิมมาแล้ว เป็นระยะเวลา 24 งวดหรือครึ่งหนึ่งของสัญญาเดิม (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)

สำหรับผู้ที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม หรือต้องการคำปรึกษาด้านสินเชื่อ ttb DRIVE มีผู้เชี่ยวชาญด้านสินเชื่อที่พร้อมให้บริการและให้คำปรึกษาตลอดกระบวนการ คุณจึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณอย่างแท้จริง

*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว

• สินเชื่อรถแลกเงินแบบโอนเล่ม อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 5.93% - 15.00% ต่อปี
• สินเชื่อรถแลกเงินแบบไม่โอนเล่ม อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 12% - 24% ต่อปี
• เงื่อนไขและการพิจารณาสินเชื่อเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.ttbbank.com