เวลาที่เราอยากมีรถสักคันหนึ่ง เราจะทำการติดต่อกับทางธนาคารเพื่อขอสินเชื่อรถ และผ่อนจ่ายกับทางธนาคารในทุก ๆ เดือนจนกว่าจะชำระหนี้หมด แต่หลายคนก็อาจจะเคยสงสัยว่า ถ้าวันใดวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ค่าใช้จ่ายเยอะ เงินตึงมือ หรือมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่สำคัญเข้ามาในชีวิต เราจะสามารถแจ้งธนาคารได้ไหมว่า เราจะไม่ผ่อนหนี้รถอีกต่อไปแล้ว และให้ธนาคารดำเนินการยึดรถไปเลย เพียงเท่านี้ก็อาจจะจบหนี้ได้อย่างไม่ยาก
แต่ในความเป็นจริงแล้ว การที่ธนาคารยึดรถอาจจะจบภาระแต่ไม่จบหนี้ และทำให้เรามีความเสี่ยงในเรื่องของประวัติเครดิตอีกด้วย แล้วเราควรจะทำอย่างไร? ในบทความนี้ ttb DRIVE จึงจะมาไขคำตอบว่า ผ่อนรถไม่ไหวคืนรถได้ไหม? พร้อมให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับคนที่เริ่มประสบปัญหาผ่อนรถไม่ไหวแต่ไม่อยากโดนยึดรถ
ทำความเข้าใจสัญญาเช่าซื้อรถยนต์
สัญญาเช่าซื้อรถยนต์เป็นข้อตกลงระหว่างผู้เช่าซื้อกับสถาบันการเงิน โดยสถาบันการเงินจะเป็นผู้ออกเงินซื้อรถให้ก่อน แล้วผู้เช่าซื้อทยอยผ่อนชำระเป็นงวด ๆ จนครบตามสัญญา ระหว่างการผ่อนชำระ กรรมสิทธิ์ในรถยนต์ยังเป็นของสถาบันการเงิน ผู้เช่าซื้อจะได้กรรมสิทธิ์เมื่อชำระครบถ้วนเท่านั้น ดังนั้นหากเราผ่อนต่อไม่ไหว ไม่ได้มีการชำระค่างวดและขอให้ธนาคารยึดรถ นั่นแปลว่าเราทำผิดสัญญากับทางธนาคาร
ผ่อนรถไม่ไหว คืนรถได้ไหม? ไม่เสียส่วนต่างได้จริงไหม?
หลายคนอาจจะสงสัยว่า ถ้าผ่อนรถไม่ไหวทำไงดี? ผ่อนรถไม่ไหวคืนรถได้ไหม? คำตอบคือ สามารถคืนรถให้กับธนาคารได้ โดยธนาคารจะนำรถของเราไปขายทอดตลาดและนำเงินที่ได้รับจากการขาย มาคำนวณเพื่อเปรียบเทียบกับภาระที่เรามีอยู่กับทางธนาคารแต่จะเสียส่วนต่างหรือไม่นั้น จะขึ้นอยู่กับประวัติการชำระของผู้เช่าซื้อ โดยสามารถแบ่งได้ทั้งหมด 2 กรณี ดังนี้
1. กรณีมีประวัติการชำระดี ชำระค่างวดสม่ำเสมอ
หากคุณมีประวัติการชำระที่ดี ไม่เคยผิดนัดชำระ สามารถแจ้งความประสงค์คืนรถให้ไฟแนนซ์ได้โดยไม่ต้องเสียค่าส่วนต่าง เพียงติดต่อไฟแนนซ์เพื่อดำเนินการยกเลิกสัญญา ชำระค่างวดที่ค้างจนถึงวันคืนรถให้ครบถ้วน และส่งมอบรถที่อยู่ในสภาพดีคืนให้ไฟแนนซ์ กรณีนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อประวัติเครดิต
ตัวอย่างที่ 1 เรามีหนี้สินกับทางธนาคารในการผ่อนรถอยู่ 1 ล้านบาท และธนาคารนำรถไปขายทอดตลาดได้เงินมา 1.5 ล้านบาท เงิน 1 ล้านบาทจะถูกนำไปชำระหนี้กับทางธนาคารและธนาคารจะคืนเงินจำนวน 5 แสนบาทให้กับเรา
2. กรณีมีประวัติการชำระไม่ดี ขาดการส่งค่างวด
กรณีค้างชำระค่างวด โดยเฉพาะหากค้างเกิน 3 เดือน จะมีความเสี่ยงที่ไฟแนนซ์จะยึดรถและคุณอาจต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าติดตามทวงถาม ค่าขาดราคา และค่าขาดประโยชน์ หากไฟแนนซ์นำรถไปขายทอดตลาดแล้วได้ราคาต่ำกว่าหนี้คงเหลือ คุณจะต้องรับผิดชอบส่วนต่างนั้นด้วย
ตัวอย่างที่ 2 หากเราให้ธนาคารยึดรถและนำไปขายทอดตลาด ธนาคารนำไปขายได้จำนวน 1 ล้านบาท แต่เรามียอดหนี้ค้างชำระกับทางธนาคารจะนวน 1.2 ล้านบาท เราก็จะต้องจ่ายเงินให้กับทางธนาคารในส่วนที่เหลือ 2 แสนบาท
ดังนั้น หากเราปล่อยให้ธนาคารยึดรถเพราะไม่อยากผ่อนชำระ ไม่ได้หมายความว่าเราจบปัญหาเรื่องหนี้สินได้ เรายังมีความเสี่ยงที่จะต้องหาเงินมาชำระเพิ่มในส่วนที่เป็นหนี้ที่เหลือและยังเสียประวัติด้านเครดิตอีกด้วย
เพราะฉะนั้น ในกรณีที่เราขอสินเชื่อเพื่อเช่าซื้อรถและเราผ่อนต่อไม่ไหว เราควรจะติดต่อกับทางธนาคารเพื่อหาทางแก้ปัญหาร่วมกัน อย่าปล่อยให้เราผิดนัดชำระเกิน 3 ครั้ง หลังจากที่เราได้ติดต่อกับทางธนาคารแล้ว ธนาคารจะมีวิธีที่จะช่วยลูกค้าในเรื่องของการผ่อนชำระ ไม่ว่าจะเป็น การปรับโครงสร้างหนี้ การยืดการผ่อนให้ยาวขึ้นและชำระต่อเดือนจำนวนน้อยลง ซึ่งจะทำให้ลูกค้าไม่ถูกยึดรถ สามารถนำรถไปใช้ทำงานหรือทำธุรกิจได้เหมือนเดิม
ผ่อนรถไม่ไหวคืนรถให้ไฟแนนซ์ดีไหม? ตัดสินใจอย่างไรดี?
การตัดสินใจคืนรถให้กับไฟแนนซ์เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะนอกจากจะกระทบต่อความสะดวกในการเดินทางแล้ว ยังอาจส่งผลต่อการประกอบอาชีพและสถานะทางการเงินในระยะยาว ก่อนตัดสินใจคืนรถ มีปัจจัยสำคัญหลายประการที่ควรพิจารณาให้ถี่ถ้วน
พิจารณาความจำเป็นในการใช้รถยนต์
ประเมินความจำเป็นในการใช้รถอย่างรอบคอบ หากรถเป็นเครื่องมือสำคัญในการประกอบอาชีพ การคืนรถอาจส่งผลกระทบต่อรายได้ ควรพิจารณาทางเลือกอื่นก่อนตัดสินใจคืนรถ
ดูสถานการณ์ทางการเงินในปัจจุบัน
วิเคราะห์รายรับ-รายจ่ายปัจจุบันอย่างละเอียด ดูว่าสามารถปรับลดค่าใช้จ่ายส่วนอื่นเพื่อรักษารถไว้ได้หรือไม่ หากสถานการณ์การเงินตึงเครียดมาก การคืนรถอาจเป็นทางออกที่ดีกว่า
รวบรวมค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถยนต์
นอกจากค่างวด ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าน้ำมัน ค่าประกัน ค่าบำรุงรักษา ค่าต่อภาษี และ พ.ร.บ. ซึ่งเป็นภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องนำมาพิจารณาร่วมด้วย
ประเมินสถานการณ์ทางการเงินในปัจจุบันและอนาคต
มองภาพรวมทางการเงินทั้งระยะสั้นและระยะยาว ประเมินความมั่นคงของรายได้และโอกาสในการฟื้นตัวทางการเงิน หากคาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้นในอนาคตอันใกล้ อาจเลือกปรับโครงสร้างหนี้แทนการคืนรถ
ผ่อนรถไม่ไหว ไม่อยากโดนยึดรถ ทำยังไงดี?
สำหรับผู้ที่กำลังประสบปัญหาผ่อนรถไม่ไหวแต่ยังมีความจำเป็นต้องใช้รถ มีทางเลือกหลายประการที่อาจช่วยให้สามารถรักษารถไว้ได้โดยไม่ต้องเสียประวัติเครดิต หรือสูญเสียรถยนต์ไป ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเงินและความสามารถในการผ่อนชำระในระยะยาว
1. รีไฟแนนซ์รถยนต์
การรีไฟแนนซ์คือการเปลี่ยนสัญญาเงินกู้ไปอยู่กับสถาบันการเงินใหม่ ช่วยลดภาระค่างวดผ่านการขยายระยะเวลาผ่อนหรือปรับลดดอกเบี้ย อาจได้เงินก้อนเพิ่มหากมูลค่ารถสูงกว่าหนี้คงเหลือ
2. เจรจาขอปรับโครงสร้างหนี้
ติดต่อสถาบันการเงินเพื่อขอปรับเงื่อนไขการผ่อนชำระ เช่น ขยายระยะเวลา ลดค่างวด หรือพักชำระหนี้ชั่วคราว ควรดำเนินการก่อนผิดนัดชำระเพื่อรักษาประวัติเครดิต
3. เปลี่ยนสัญญา
โอนสิทธิ์การเช่าซื้อให้ผู้อื่น หรือขายดาวน์รถ โดยผู้ซื้อใหม่อาจจ่ายเงินก้อนเพื่อปิดสัญญาทั้งหมด หรือรับโอนสัญญาเช่าซื้อไปผ่อนต่อ
กระบวนการคืนรถให้ไฟแนนซ์ เมื่อผ่อนรถต่อไม่ไหว
เมื่อได้ทราบกันไปแล้วว่า ผ่อนไม่ไหวคืนรถได้ไหม? และมีการพิจารณาทุกทางเลือกแล้วและตัดสินใจว่าการคืนรถเป็นทางออกที่ดีที่สุด การเข้าใจขั้นตอนและกระบวนการคืนรถอย่างถูกต้องจะช่วยให้การดำเนินการเป็นไปอย่างราบรื่น และลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยมีขั้นตอนสำคัญที่ต้องดำเนินการดังนี้
ติดต่อสถาบันการเงินเพื่อแจ้งความประสงค์ในการคืนรถ
ติดต่อสถาบันการเงินหรือไฟแนนซ์เพื่อแจ้งความประสงค์ในการคืนรถ พร้อมชี้แจงเหตุผลและสถานการณ์ทางการเงินของคุณอย่างตรงไปตรงมา ในขั้นตอนนี้ ไฟแนนซ์อาจเสนอทางเลือกอื่น ๆ เช่น การปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งคุณควรรับฟังและพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจขั้นสุดท้าย
เตรียมเอกสาร
การเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้กระบวนการคืนรถเป็นไปอย่างราบรื่น เอกสารที่จำเป็นประกอบด้วย
- สัญญาเช่าซื้อฉบับจริง
- บัตรประจำตัวประชาชน
- ทะเบียนรถยนต์
- ใบเสร็จการผ่อนชำระงวดล่าสุด
- หลักฐานการติดต่อกับไฟแนนซ์ที่ผ่านมา
ตรวจสอบสภาพรถก่อนส่งมอบ
ก่อนถึงวันส่งมอบรถ การเตรียมรถให้อยู่ในสภาพที่ดีเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยลดค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากความเสียหายต่าง ๆ ควรทำความสะอาดทั้งภายในและภายนอก ตรวจเช็คสภาพเครื่องยนต์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน หากพบความเสียหายเล็กน้อย ควรซ่อมแซมให้เรียบร้อย นอกจากนี้ ควรถ่ายภาพสภาพรถไว้เป็นหลักฐานก่อนการส่งมอบด้วย
นัดหมายวันส่งมอบรถ
ในวันส่งมอบรถ ควรไปถึงตามเวลานัดหมายพร้อมเอกสารที่จำเป็นทั้งหมด เมื่อถึงขั้นตอนการตรวจสอบสภาพรถ ควรอยู่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตลอดการตรวจสอบ และตรวจทานบันทึกความเสียหาย (ถ้ามี) ให้ถูกต้องตรงกัน หลังจากนั้น จะมีการคำนวณยอดค้างชำระและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคุณควรตรวจสอบตัวเลขอย่างละเอียดก่อนชำระเงิน
รับเอกสารยืนยัน
เอกสารสำคัญที่ต้องได้รับหลังการคืนรถประกอบด้วยใบรับรองการคืนรถ เอกสารยกเลิกสัญญาเช่าซื้อ ใบเสร็จรับเงินค่าใช้จ่ายต่าง ๆ หนังสือยืนยันการปิดบัญชี และเอกสารรับรองไม่มีภาระผูกพัน (ถ้ามี) ควรตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารทุกฉบับและเก็บสำเนาไว้อย่างน้อย 5 ปี เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
สิ่งที่ต้องรู้ก่อนคืนรถให้ไฟแนนซ์
การตัดสินใจคืนรถให้ไฟแนนซ์เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงินและประวัติเครดิตในระยะยาว ก่อนดำเนินการคืนรถ มีประเด็นสำคัญที่ควรทำความเข้าใจให้ชัดเจน ดังนี้
ผลกระทบต่อประวัติเครดิต
กรณีประวัติการผ่อนชำระดี หากคุณไม่เคยผิดนัดชำระและตัดสินใจคืนรถ จะไม่ส่งผลเสียต่อประวัติเครดิต คุณยังสามารถขอสินเชื่อใหม่ได้ในอนาคต เพราะไม่มีการบันทึกประวัติด้านลบในเครดิตบูโร ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการทำธุรกรรมทางการเงินในอนาคต
ในทางกลับกัน หากมีประวัติค้างชำระก่อนคืนรถ จะถูกบันทึกประวัติการค้างชำระในเครดิตบูโร ซึ่งจะส่งผลต่อการขอสินเชื่อในอนาคต และต้องใช้เวลา 3-5 ปีในการฟื้นฟูประวัติเครดิตให้กลับมาดีดังเดิม การสร้างประวัติการชำระเงินที่ดีในช่วงนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
การคำนวณส่วนต่างและภาระหนี้
การคืนรถอาจไม่ได้หมายความว่าภาระหนี้จะจบลงทันที เมื่อคืนรถ ไฟแนนซ์จะทำการประเมินมูลค่ารถตามสภาพปัจจุบัน โดยพิจารณาจากอายุการใช้งาน ระยะทาง และเปรียบเทียบกับราคาตลาดของรถรุ่นเดียวกัน จากนั้นจะนำราคาประเมินมาคำนวณกับยอดหนี้คงเหลือ หากราคาประเมินต่ำกว่าหนี้ที่คงเหลือ ผู้เช่าซื้อจะต้องรับผิดชอบส่วนต่างนั้น รวมถึงอาจมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเพิ่มเติมอีกด้วย
ภาระผูกพันทางกฎหมาย
เมื่อตัดสินใจคืนรถ ผู้เช่าซื้อต้องเข้าใจสิทธิและหน้าที่ตามสัญญาอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเงื่อนไขการยกเลิกสัญญาก่อนกำหนด ภาระค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น และระยะเวลาในการดำเนินการ นอกจากนี้ ยังต้องเข้าใจถึงความรับผิดชอบหลังคืนรถ เช่น การชำระส่วนต่างหลังขายทอดตลาด ระยะเวลาที่ต้องรับผิดชอบความเสียหาย และเงื่อนไขการปลดภาระหนี้
การเตรียมตัวด้านการเงิน
การประเมินค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมเป็นสิ่งสำคัญ โดยต้องคำนึงถึงค่างวดที่ค้างชำระ (ถ้ามี) ค่าธรรมเนียมการดำเนินการต่างๆ และควรมีงบประมาณสำรองสำหรับส่วนต่างที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงค่าซ่อมแซมความเสียหายที่อาจพบระหว่างการตรวจสอบสภาพรถ นอกจากนี้ ควรวางแผนการเดินทางหลังคืนรถให้รอบคอบ ทั้งการคำนวณค่าใช้จ่ายในการเดินทางรูปแบบอื่น การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตและการทำงาน รวมถึงการจัดสรรงบประมาณสำหรับการเดินทางในระยะยาว
สรุปบทความ
การคืนรถเมื่อผ่อนไม่ไหวอาจเป็นทางออกที่เหมาะสมสำหรับบางคน แต่ไม่ใช่ทุกกรณีที่การคืนรถจะจบปัญหาได้ทั้งหมด ควรพิจารณาทางเลือกอื่น ๆ เช่น การรีไฟแนนซ์ การปรับโครงสร้างหนี้ หรือการโอนสิทธิการเช่าซื้อ และที่สำคัญคือต้องรีบดำเนินการแก้ไขปัญหาตั้งแต่เริ่มมีสัญญาณเตือนทางการเงิน เพื่อรักษาประวัติเครดิตและหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจตามมาในอนาคต
สำหรับคนที่ไม่อยากคืนรถให้ธนาคาร หรือปล่อยให้รถโดนยึด การรีไฟแนนซ์รถก็นับว่าเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์คนที่ผ่อนรถไม่ไหว และไม่อยากให้ประวัติเครดิตเสีย เพราะนอกจากจะช่วยให้ยอดผ่อนน้อยลงแล้ว ยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนได้อีกด้วย ซึ่งที่ ทีทีบีไดรฟ์ มีบริการรีไฟแนนซ์รถยนต์ ttb DRIVE ที่ตอบโจทย์สำหรับรถที่ยังผ่อนไม่หมด อีกทั้งยังมีเงื่อนไขที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น
รีไฟแนนซ์รถยนต์ ttb DRIVE หรือคำนวณสินเชื่อรถแลกเงินคลิก ที่นี่ เลย
- รู้ผลอนุมัติเบื้องต้นไวใน 30 นาที
- ดอกเบี้ยเริ่มต้น 0.27% ต่อเดือน หรือ 3.18% ต่อปี
- วงเงินสินเชื่อสูงสุด 100%
- ผ่อนสบายสูงสุด 84 เดือน
- เลือกผ่อนชำระเท่ากันทุกงวด หรือวางแผนโปะ ปิดบัญชีก่อนกำหนดได้
- ลูกค้าทีทีบีไดรฟ์สมัครง่าย ใช้บัตรประชาชนใบเดียว
- รถปลอดภาระแล้ว หรือรถผ่อนอยู่ก็กู้ได้
*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 5.93% - 23.00% ต่อปี