ดาวน์รถยนต์เท่าไหร่ดี? สรุปครบทุกเรื่องที่คนอยากมีรถต้องรู้

การวางแผนออกรถยนต์คันใหม่ นอกจากจะต้องเลือกรุ่นรถที่ถูกใจแล้ว เรื่องสำคัญที่ต้องวางแผนอย่างรอบคอบคือ “เงินดาวน์” เพราะเป็นปัจจัยแรก ๆ ที่ส่งผลโดยตรงต่อยอดผ่อนชำระและอัตราดอกเบี้ยตลอดอายุสัญญา การตัดสินใจว่าจะดาวน์รถยนต์เท่าไหร่จึงไม่ใช่แค่เรื่องของความพร้อมทางการเงิน แต่เป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยให้คุณเป็นเจ้าของรถได้อย่างคุ้มค่าและสบายกระเป๋ามากที่สุด บทความนี้จาก ttb DRIVE จะพาไปทำความเข้าใจทุกมิติของการวางเงินดาวน์

ทำความเข้าใจ "เงินดาวน์รถยนต์" คืออะไร ทำไมถึงสำคัญ?

เงินดาวน์รถยนต์ คือ เงินสดก้อนแรกที่ผู้ซื้อจะต้องชำระให้กับผู้ขาย (โชว์รูม) ณ วันที่ทำสัญญาซื้อขาย โดยเงินส่วนนี้จะถูกนำไปหักออกจากราคารถทั้งหมด ทำให้ยอดเงินที่ต้องยื่นขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินลดลง เงินดาวน์จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเปรียบเสมือนการแสดงความพร้อมและความสามารถทางการเงินเบื้องต้นของผู้กู้

ยิ่งวางเงินดาวน์สูง ยอดจัดสินเชื่อก็จะยิ่งน้อยลง ซึ่งส่งผลให้ภาระการผ่อนชำระและดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายทั้งหมดลดลงตามไปด้วย

ดาวน์รถยนต์กี่เปอร์เซ็นต์ดี?

คำถามยอดฮิตที่ว่าควรดาวน์รถเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสมที่สุด คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับความสามารถทางการเงินและเป้าหมายของแต่ละคน อย่างไรก็ตาม เราสามารถแบ่งระดับการวางเงินดาวน์ออกเป็น 3 ระดับหลัก ๆ ซึ่งแต่ละระดับก็มีผลต่อการขอสินเชื่อที่แตกต่างกันไป

ดาวน์ 0-10%

การดาวน์รถยนต์ในระดับนี้ หรือที่เรียกว่า "ฟรีดาวน์" เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ยังไม่มีเงินก้อนใหญ่ แต่ต้องการใช้รถทันที ข้อดีคือช่วยลดภาระทางการเงินในช่วงแรกได้มาก แต่ก็ต้องแลกมากับยอดจัดสินเชื่อที่สูง ทำให้ค่างวดต่อเดือนสูงขึ้น และโดยทั่วไปสถาบันการเงินมักจะเสนออัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าปกติเพื่อชดเชยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ผู้ซื้ออาจต้องมีผู้ค้ำประกันหรือมีคุณสมบัติทางการเงินที่ดีเป็นพิเศษ

ดาวน์ 15-20%

เป็นระดับเงินดาวน์รถยนต์มาตรฐานที่คนส่วนใหญ่นิยมกัน การวางเงินดาวน์ในช่วงนี้ถือเป็นจุดสมดุลที่ดี ช่วยให้ยอดผ่อนต่อเดือนอยู่ในระดับที่จัดการได้ไม่ยาก และมีโอกาสได้รับอัตราดอกเบี้ยในเกณฑ์มาตรฐานจากสถาบันการเงิน อีกทั้งยังช่วยลดความจำเป็นในการหาผู้ค้ำประกันได้ในบางกรณี เหมาะสำหรับผู้ที่มีเงินเก็บอยู่บ้างและต้องการวางแผนการผ่อนชำระในระยะยาวอย่างสบาย ๆ

ดาวน์ 25% ขึ้นไป

การวางเงินดาวน์รถยนต์ตั้งแต่ 25% ขึ้นไป ถือเป็นระดับที่สถาบันการเงินแนะนำมากที่สุด เพราะแสดงให้เห็นถึงวินัยทางการเงินและความเสี่ยงต่ำของผู้กู้ ข้อดีที่ชัดเจนที่สุดคือ คุณจะได้รับข้อเสนออัตราดอกเบี้ยที่พิเศษและต่ำกว่าเกณฑ์ปกติอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ยอดผ่อนต่อเดือนลดลง และประหยัดค่าดอกเบี้ยโดยรวมไปได้มหาศาล เหมาะสำหรับผู้ที่วางแผนการเงินมาเป็นอย่างดีและต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวให้ได้มากที่สุด

เทียบชัด ๆ ! ข้อดี-ข้อเสียของการดาวน์สูง vs ดาวน์ต่ำ

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้นในการตัดสินใจว่าจะดาวน์รถเท่าไหร่ดี การเปรียบเทียบข้อดีของการดาวน์สูงและการดาวน์ต่ำจะช่วยให้คุณวางแผนการเงิน และเลือกแนวทางที่เหมาะสมกับสถานการณ์ทางการเงินของตนเองได้

ข้อดีของการดาวน์สูง

• ดอกเบี้ยต่ำกว่า: เป็นข้อดีที่สำคัญที่สุด สถาบันการเงินมองว่าความเสี่ยงต่ำจึงมอบอัตราดอกเบี้ยพิเศษให้
• ค่างวดต่อเดือนน้อยลง: เมื่อยอดจัดสินเชื่อลดลง ยอดผ่อนชำระในแต่ละเดือนก็ลดลงตามไปด้วย ทำให้มีสภาพคล่องเหลือไปใช้จ่ายด้านอื่น
• ประหยัดเงินในระยะยาว: ภาระดอกเบี้ยโดยรวมตลอดอายุสัญญาลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
• เพิ่มโอกาสในการอนุมัติ: สร้างความน่าเชื่อถือและเพิ่มโอกาสให้สินเชื่อได้รับการอนุมัติง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น
• อาจไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน: ลดความยุ่งยากในการหาบุคคลมาค้ำประกัน

ข้อดีของการดาวน์ต่ำ

• ออกรถได้ง่ายขึ้น: ไม่ต้องใช้เงินก้อนใหญ่ในครั้งแรก ทำให้ผู้ที่มีเงินเก็บไม่มากสามารถเป็นเจ้าของรถได้
• รักษาสภาพคล่อง: สามารถเก็บเงินสดสำรองไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉินหรือนำไปลงทุนต่อยอดได้
• เหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้รถด่วน: ตอบโจทย์ผู้ที่มีความจำเป็นต้องใช้รถยนต์อย่างเร่งด่วนแต่ยังไม่พร้อมเรื่องเงินก้อน

ดาวน์รถได้สูงสุดกี่เปอร์เซ็นต์? คุ้มค่าหรือไม่?

คุณสามารถดาวน์รถยนต์ได้สูงถึง 50%, 70% หรือมากกว่านั้นตามความพร้อมของเงินสดที่มี อย่างไรก็ตาม การดาวน์สูงมาก ๆ อาจไม่ใช่ทางเลือกที่คุ้มค่าเสมอไป เพราะแม้จะช่วยประหยัดดอกเบี้ยได้มาก แต่ก็หมายถึงการนำเงินสดก้อนใหญ่ไปจมอยู่กับสินทรัพย์ที่มีค่าเสื่อมอย่างรถยนต์ แทนที่จะนำเงินส่วนนั้นไปลงทุนเพื่อให้งอกเงย

ดังนั้น การดาวน์ในระดับที่เหมาะสม (ประมาณ 25-40%) จึงเป็นจุดที่สถาบันการเงินส่วนใหญ่แนะนำ เพราะนอกจากจะเป็นจำนวนที่พอเหมาะแล้ว ยังช่วยประหยัดดอกเบี้ยและการรักษาสภาพคล่องทางการเงินได้ด้วย

วางแผนดาวน์รถอย่างไรให้พร้อม? 3 ขั้นตอนเตรียมตัวอย่างเป็นระบบ

การเก็บเงินดาวน์รถยนต์ไม่ใช่เรื่องยากหากมีการวางแผนที่ดีและมีวินัย การเตรียมตัวอย่างเป็นระบบจะช่วยให้คุณไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้นและมั่นคงกว่า ซึ่ง ttb DRIVE ขอแนะนำ 3 ขั้นตอนง่าย ๆ ที่จะช่วยให้การวางแผนดาวน์รถยนต์ของคุณเป็นเรื่องง่าย

1. กำหนดงบประมาณและเป้าหมายเงินดาวน์

เริ่มต้นจากการเลือกรุ่นรถที่ต้องการและตรวจสอบราคา จากนั้นกำหนดเป้าหมายเงินดาวน์เป็นเปอร์เซ็นต์ที่ชัดเจน การมีตัวเลขที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมและรู้ว่าต้องเก็บเงินเป็นจำนวนเท่าไหร่ การตั้งเป้าหมายที่สมเหตุสมผลกับรายได้จะช่วยให้คุณไม่รู้สึกกดดันและสามารถทำตามแผนได้สำเร็จ

ตัวอย่าง รถยนต์ราคา 1,000,000 บาท ต้องการวางเงินดาวน์ 25% เท่ากับต้องเตรียมเงินดาวน์ไว้ 250,000 บาท

2. วิเคราะห์กระแสเงินสดและสร้างวินัยการออม

สำรวจรายรับ-รายจ่ายของตนเองในแต่ละเดือน เพื่อหาว่ามีเงินเหลือเก็บเท่าไหร่ จากนั้นให้จัดสรรเงินส่วนหนึ่งมาเป็นเงินออมสำหรับดาวน์รถโดยเฉพาะ อาจใช้วิธีการเปิดบัญชีเงินฝากแยกต่างหากและตั้งโอนเงินอัตโนมัติทุกเดือนเพื่อสร้างวินัย หรือลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลงเพื่อเพิ่มยอดเงินออมให้มากขึ้น การมีวินัยคือหัวใจสำคัญที่จะทำให้คุณไปถึงเป้าหมายได้ตามเวลาที่กำหนด

3. ศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์สินเชื่อและเตรียมตัวให้พร้อม

ในระหว่างที่กำลังเก็บเงิน ควรศึกษาข้อมูลสินเชื่อรถยนต์จากสถาบันการเงินต่าง ๆ ควบคู่ไปด้วย เพื่อเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและโปรโมชันล่าสุด การทราบข้อมูลล่วงหน้าจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีขึ้นเมื่อถึงเวลาต้องยื่นกู้จริง นอกจากนี้ควรเริ่มเตรียมความพร้อมด้านอื่น ๆ เช่น การรักษาประวัติเครดิตให้ดี เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับข้อเสนอที่ดีที่สุดเมื่อคุณพร้อมยื่นขอสินเชื่อ

สำหรับคนที่กำลังวางแผนกู้เงินซื้อรถ ttb DRIVE มีบริการสินเชื่อรถยนต์ใหม่ ที่ให้วงเงินสูงสุด 100% ของราคาประเมินรถ รู้ผลอนุมัติเบื้องต้นไวภายใน 30 นาที (เมื่อเอกสารครบ) ดอกเบี้ยรถยนต์ใหม่แบบคงที่ ชำระค่างวดเท่ากันตลอดอายุสัญญา ผ่อนชำระได้นานสูงสุด 84 เดือน

สมัครสินเชื่อรถยนต์ใหม่ ttb DRIVE คลิก ที่นี่ เลย

เอกสารที่ต้องเตรียมในการขอสินเชื่อรถยนต์

เมื่อพร้อมทั้งเงินดาวน์และแผนการเงินแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเตรียมเอกสาร ซึ่งโดยทั่วไปสถาบันการเงินจะขอเอกสารหลัก ๆ ดังนี้

• สำเนาบัตรประชาชน หรือบัตรข้าราชการ
• สำเนาทะเบียนบ้าน
• สลิปเงินเดือน หรือหนังสือรับรองเงินเดือน และรายละเอียดการเดินบัญชีย้อนหลัง 3 เดือน
• สำเนาจดทะเบียนพาณิชย์ (กรณีเจ้าของกิจการ)
• สำเนาหนังสือรับรองบริษัท พร้อมวัตถุประสงค์ (กรณีนิติบุคคล)
• สำเนาบัตรประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจ (กรณีนิติบุคคล)
• สำเนาทะเบียนบ้านของกรรมการผู้มีอำนาจ (กรณีนิติบุคคล)

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับการดาวน์รถยนต์

1. เงินดาวน์รถ กับ เงินจองรถ คือตัวเดียวกันไหม?

ไม่ใช่ เงินจอง คือเงินที่จ่ายให้โชว์รูมเพื่อ "จองสิทธิ์" ในการซื้อรถยนต์คันนั้น ๆ ส่วนเงินดาวน์ คือเงินก้อนแรกของราคารถที่จ่ายในวันทำสัญญา ซึ่งโดยส่วนใหญ่โชว์รูมจะนำเงินจองไปหักออกจากเงินดาวน์ให้อีกที

2. เงินดาวน์รถยนต์ ใช้บัตรเครดิตรูดได้ไหม?

ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละโชว์รูม บางแห่งอาจอนุญาตให้ชำระเงินดาวน์ส่วนหนึ่งผ่านบัตรเครดิตได้ แต่ส่วนใหญ่มักจำกัดวงเงินและอาจมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม ดังนั้นควรสอบถามกับทางโชว์รูมโดยตรงก่อนตัดสินใจ

3. นอกจากเงินดาวน์ วันออกรถต้องจ่ายอะไรอีกบ้าง?

ในวันออกรถ นอกจากเงินดาวน์แล้ว อาจมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น ค่าจดทะเบียน, ค่า พ.ร.บ., ค่าเบี้ยประกันภัยชั้นหนึ่ง (หากไม่รวมในโปรโมชัน), และค่าอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติม (ถ้ามี)

4. ถ้ากู้ไม่ผ่าน จะได้เงินดาวน์คืนไหม?

โดยทั่วไปแล้ว "เงินดาวน์" จะจ่ายก็ต่อเมื่อสินเชื่อได้รับการอนุมัติและทำสัญญาเรียบร้อยแล้ว แต่ในส่วนของ "เงินจอง" หากสินเชื่อไม่ผ่าน ส่วนใหญ่โชว์รูมจะมีนโยบายคืนเงินจองให้ลูกค้า ซึ่งควรตกลงและระบุเป็นลายลักษณ์อักษรในใบจองให้ชัดเจน

5. ประวัติเครดิตบูโรส่งผลต่อยอดเงินดาวน์หรือไม่?

ส่งผลโดยตรง หากผู้กู้มีประวัติค้างชำระหนี้ หรือมีความเสี่ยงสูง สถาบันการเงินอาจร้องขอให้วางเงินดาวน์ในสัดส่วนที่สูงขึ้น (เช่น 30-40%) เพื่อลดความเสี่ยงของสถาบันการเงินและเพิ่มความมั่นใจว่าผู้กู้จะสามารถผ่อนชำระได้

สรุปบทความ

การวางแผนเรื่องเงินดาวน์รถยนต์อย่างรอบคอบ คือบันไดขั้นแรกสู่การเป็นเจ้าของรถอย่างชาญฉลาดและยั่งยืน การทำความเข้าใจในความสัมพันธ์ระหว่างเงินดาวน์, ค่างวด, และอัตราดอกเบี้ย จะช่วยให้คุณสามารถออกแบบแผนการเงินที่เหมาะสมกับตัวเองได้ดีที่สุด

หากคุณกำลังมองหาสินเชื่อรถยนต์ใหม่ ttb DRIVE มีข้อเสนอที่น่าสนใจ เพราะให้วงเงินสูงสุด 100% ของราคาประเมินรถ รู้ผลอนุมัติเบื้องต้นไวภายใน 30 นาที (เมื่อเอกสารครบ) ดอกเบี้ยรถยนต์ใหม่แบบคงที่ ชำระค่างวดเท่ากันตลอดอายุสัญญา ผ่อนชำระได้นานสูงสุด 84 เดือน นอกจากนี้ ttb DRIVE ยังมีบริการให้คำปรึกษาด้านการเงิน อย่างเช่นการรีไฟแนนซ์รถยนต์ในกรณีที่คุณผ่อนรถไม่ไหว เพื่อช่วยให้คุณวางแผนการซื้อรถได้อย่างรอบคอบ

สุดท้ายนี้ ไม่ว่าคุณจะเลือกซื้อรถแบบไหน จากที่ไหน ขอให้คำนึงถึงความสามารถในการผ่อนชำระเป็นหลัก เพื่อให้การมีรถใหม่เป็นความสุข ไม่ใช่ภาระ สำหรับผู้ที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม หรือต้องการคำปรึกษาด้านสินเชื่อ ttb DRIVE มีผู้เชี่ยวชาญด้านสินเชื่อที่พร้อมให้บริการและให้คำปรึกษาตลอดกระบวนการ คุณจึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณอย่างแท้จริง

*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 5.21% - 10.00% ต่อปี
ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.ttbbank.com