มีใครเป็นแบบนี้บ้างไหม ทำงานมาก็เยอะ ทำไมไม่มีเงินเหลือพอที่จะให้รางวัลชีวิตตัวเองได้บ้าง สิ้นเดือนผ่านไป เงินก็หมดกระเป๋าไปแบบไม่เหลืออะไรเลย นั่นอาจจะเป็นเพราะคุณมีรอยรั่วที่เกิดจากการใช้จ่ายเงิน รวมถึงไม่ได้ทำงบการใช้เงินเลยทำให้เงินที่ได้มา ถูกใช้ไปกับชีวิตประจำวันอย่างไม่คุ้มค่า และยังทำให้ไม่มีเงินเหลือเก็บออมอีกด้วย วันนี้เราชวนทุกคนมาสำรวจการใช้จ่ายเงินของตัวเองกัน ว่ามีรายจ่ายไหนบ้างที่เรามองข้าม หรือเห็นว่าเป็นรายจ่ายนิด ๆ หน่อย ๆ คงไม่กระทบกับการเงิน แต่ที่จริงแล้วรายจ่ายก้อนนิด ก้อนหน่อย เหล่านี้นี่แหละ ที่หากเราอุดรอยรั่วได้ ก็จะทำให้เรามีเงินก้อนไว้ใช้จ่ายหรือให้รางวัลชีวิตกันตัวเองได้อย่างไม่น่าเชื่อ
1. ช้อปปิ้งไม่พัก ของมันต้องมี
รอยรั่วรูใหญ่ของการใช้จ่ายก็คือ การช้อปปิ้งที่เรามักคิดว่านิด ๆ หน่อย ๆ เช่น ลิปสติกแท่งละ 200 บาทเอง อายแชโดว์ก็แค่ 300 บาท Gadget ตัวนี้ออกใหม่อีกแล้ว ราคาก็ไม่ถึง 500 บาท เลิกงานกลับบ้านไปดู Live ขายของก็ CF เสื้อผ้าไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว วันละชุดสองชุด รู้ตัวอีกทีของเต็มบ้าน หากเราอดใจสักนิด ตั้งสติสักหน่อย แล้วถามตัวเองอีกครั้งก่อนซื้อว่าสิ่งนี้จำเป็นสำหรับเราจริง ๆ ไหม ของเหล่านี้เรามีอยู่แล้วหรือเปล่า ก็จะช่วยลดรายจ่ายค่าชอปปิงตรงนี้ไปได้ สิ่งสำคัญเราควรทำบัญชีรายรับรายจ่ายเป็นประจำทุกเดือน จะได้เห็นว่าเงินที่เราจ่ายไปครั้งละนิดละหน่อยนี้รวมกันแล้วเป็นเงินก้อนโตเลยทีเดียว
2. ค่าปรับจากการจ่ายค่าบริการไม่ตรงเวลา
สำหรับใครที่ใช้บัตรเครดิต หากรู้ตัวว่าเดือนนี้เรามีรายจ่ายส่วนนี้อยู่ อย่าลืมจ่ายเงินค่างวดให้ตรงเวลาเพราะนอกจากจะทำให้เรามีเครดิตที่ดีแล้ว ยังช่วยป้องกันไม่ให้เราต้องเสียค่าปรับกรณีจ่ายล่าช้า รวมถึงค่าบริการประเภทอื่น เช่น ฟิตเนส สถานที่ออกกำลังกายต่าง ๆ หากเราสมัครเป็นสมาชิกควรเตรียมแยกเงินไว้สำหรับจ่ายค่าบริการของทุกเดือน อย่าให้พลาดจ่ายล่าช้าจนต้องถูกปรับ ทำให้เสียเงินโดยใช่เหตุไปราว 300 บาทเลยล่ะ
3. ยกเลิกบริการรายเดือนที่ไม่ได้ใช้งาน
ทุกวันนี้หลายคนมีรายจ่ายประจำในทุกเดือนไม่ว่าจะเป็นค่าสมาชิกฟิตเนส ค่าสมาชิกดูหนังรายเดือน ค่าสมัครแพคเกจโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต ลองมาสำรวจตัวเองกันสักนิดว่าเราได้ใช้ประโยชน์จากการสมัครสมาชิกเหล่านี้อย่างคุ้มค่าหรือเปล่า ฟิตเนสแต่ละเดือนเราไปกี่ครั้ง หนัง ซีรีส์ เดือนนึงเราดูกี่เรื่อง รวมถึงค่าโทรศัพท์และค่าอินเทอร์เน็ตเราใช้ถึงแพ็กเกจที่สมัครไว้หรือเปล่า หากรู้ตัวว่าไม่ได้ใช้งานอย่างคุ้มค่าควรยกเลิกบริการเหล่านั้น เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์
4. จัดการรายจ่ายประจำอย่างคุ้มค่า
รายจ่ายประจำในแต่ละเดือน ถ้าเราสามารถหาช่องทางการจ่ายเงินได้อย่างคุ้มค่าก็จะช่วยให้เรามีเงินเหลือไว้ใช้จ่ายได้ไม่น้อย เช่น หากเราต้องเดินทางด้วยรถไฟฟ้า รถไฟ้ใต้ดินไปทำงาน อย่าละเลยการซื้อตั๋วโดยสารรายเดือนจะช่วยให้เราประหยัดกว่าซื้อรายเที่ยวได้เยอะ รวมถึงน้ำดื่ม ลองสั่งซื้อเป็นรายเดือนดู ก็จะช่วยประหยัดได้มากกว่าการซื้อแยกครั้งละขวด ครั้งละแพค อีกหนึ่งเคล็ดลับก็คือ ในแต่ละเดือนลองทำงบรายจ่ายประจำ แล้วลิสต์สินค้ามาว่าเราต้องใช้อะไรบ้าง แล้วไปเลือกซื้อของเข้าบ้านโดยซื้อแพคใหญ่จะคุ้มค่ากว่า แพคเล็ก และยังทำให้เราสะดวกสบายไม่ต้องมาซื้อของบ่อยอีกด้วย เช่น สบู่ แชมพู น้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก เป็นต้น
5. ดื่มกาแฟออฟฟิศบ้าง ชงเองที่บ้านบ้าง
สำหรับคนที่ติดกาแฟ การดื่มกาแฟก็เหมือนเป็น 1 ในปัจจัย 4 ที่ขาดไม่ได้ แต่การซื้อกาแฟดื่มในทุก ๆ วันเป็นรายจ่ายประจำที่เราสามารถเซฟได้เหมือนกัน ด้วยการดื่มกาแฟในออฟฟิศที่เป็นสวัสดิการให้เราดื่มได้ฟรี ๆ หรือจะตื่นเช้าหน่อย ค่อย ๆ ชงกาแฟเอง ก็ Slow Life เป็นความสุขอย่างหนึ่งยามเช้า และช่วยประหยัดเงินได้ก้อนโตเลย ลองนึกดูว่าถ้าเราซื้อกาแฟดื่มทุกวัน แก้วละ 50-100 บาท นั่นแปลว่าภายใน 1 เดือนเราจ่ายเงินไปถึง 1,500 – 3,000 บาทโดยไม่รู้ตัวเลยล่ะ เชื่อว่าหากเราสามารถอุดรอยรั่วเหล่านี้ได้สำเร็จ อย่างน้อย ๆ เดือนนึงเราสามารถมีเงินเพิ่มขึ้นได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท เงินก้อนนี้เราสามารถเก็บออมไว้เพื่อนำมาใช้จ่ายอย่างคุ้มค่าในแบบที่เราต้องการได้ ในหนึ่งเดือนเราอาจะได้ของเล่นสนุก ๆ เป็นของขวัญให้ลูก หรือถ้ารวมเงินเก็บไว้ภายใน 1 ปีก็สามารถพาครอบครัวไปต่างประเทศใกล้ ๆ ได้โดยที่เราไม่ต้องไปหาเงินเพิ่มเลย แค่ระวังค่าใช้จ่ายทั้ง 5 ข้อเหล่านี้ก็มีเงินเพิ่มมาให้ใช้จ่ายอย่างมีความสุขได้แล้ว
เราพร้อมสนับสนุนให้ทุกคนได้ใช้จ่ายอย่างคุ้มค่า ด้วยบัญชี ทีทีบี ออลล์ฟรี ที่ช่วยลดภาระให้คุณ ใช้ฟรี คุ้ม ครบ และมีฟรีประกันคุ้มครอง ฟรีค่าธรรมเนียมเมื่อ กด โอน จ่าย เติม ผ่านแอปทีทีบี ทัช (ttb touch) และ ตู้ ATM ทุกธนาคารทั่วประเทศ ไม่จำกัดจำนวนครั้ง