- การท่องเที่ยวช่วงเทศกาลปีใหม่ ท่ามกลางสถานการณ์ที่โควิด-19 ที่ยังไม่น่าไว้วางใจ การวางแผนเตรียมพร้อมเพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการเดินทาง และโรคระบาด เป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย
- เพื่อให้ทริปราบรื่นไม่ติดขัด การซื้อประกันติดตัวไว้ ก็เป็นส่งที่ช่วยให้อุ่น เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดเรื่องไม่คาดฝัน
- ttb มีเคล็ดลับป้องกันความเสี่ยงจากการเดินทาง ที่ทำให้คุณไม่ต้องเสียเงินซื้อประกันเพิ่ม เพียงแค่เริ่มวางแผนการใช้เงินวันนี้ ผ่านบัญชี all free
หยุดยาวปีใหม่ปีนี้หลายคน ๆ คนคงกำลังเริ่มวางแผนการเดินทาง จองที่พัก หาที่เที่ยว แต่ก็อาจจะเกิดความกังวลเนื่องจากโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาด การท่องเที่ยว การเดินทางต้องมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันมากขึ้น ttb ได้รวบรวม สรุป ครบ จบ ในเรื่องที่ต้องรู้เพื่อให้คุณวางแผนเที่ยวได้อย่างสบายใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ มาไว้ให้แล้ว
1. อัปเดตสถานการณ์โควิดในปัจจุบัน
ข้อมูลดังต่อไปนี้เป็นมาตรการที่มีผลตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย 2564 ขึ้นไป
พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
เพื่อความแน่ใจในสถานที่ผู้เดินทางควรอัปเดตข้อมูลก่อนไป 3 วันก่อนเดินทาง หากมีมาตรการอะไรเปลี่ยนแปลง
ต้องฉีดวัคซีนกี่เข็มถึงจะไปได้ทุกพื้นที่ได้แบบชัวร์ๆ
สำหรับผู้ป่วยโควิด-19 : ต้องได้รับการรักษาหายแล้ว ไม่เกิน 90 วัน และต้องมีหนังสือรับรองการได้รับการรักษา
สำหรับผู้ฉีดวัคซีน : ต้องเป็นผู้ที่ไดัรับวัคซีน ดังต่อไปนี้ เป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน
- ซิโนแวค 2 เข็ม
- ซิโนฟาร์ม 2 เข็ม
- โมเดอร์นา 2 เข็ม
- ไฟเซอร์ 2 เข็ม
- สปุตนิก วี 2 เข็ม
- จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน 1 เข็ม
- แอสตร้าเซนเนก้า 1 เข็ม
- ซิโนแวค เข็ม 1 และแอสตร้าเซนเนก้า เข็ม 2
ถ้ายังไม่ได้ฉีดวัคซีนต้องทำอย่างไร ?
บางจังหวัดหากไม่ได้ฉีดวัคซีน ต้องมีหลักฐาน มีเอกสารยืนยันผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วย วิธี RT-PCR หรือ ATK ไม่เกิน 7 วัน ก่อนการเดินทางด้วย รถส่วนตัว , เครื่องบิน , ขนส่งสาธารณะ สามารถตรวจ RT-PCR ได้ตามโรงพยาบาล หรือ คลินิกที่ได้รับการรับรอง ค่าตรวจจะอยู่ที่ประมาณ 300 – 800 บาท
ก่อนออกเดินทางต้องเตรียมลงทะเบียน หรือรายงานตัวผ่านคิวอาร์โค้ด จากแอปพลิเคชันหมอชนะและไทยชนะ เพื่อให้เจ้าหน้าที่รัฐตรวจสอบและยืนยันการฉีดวัคซีน
2. เคล็ดลับวางแผนการเดินทาง ท่ามกลางสถานการณ์โควิด
ปัจจุบันไม่ว่าจะ เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว, เครื่องบิน หรือขนส่งสาธารณะ ในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุด (พื้นที่สีแดง) จะมีด่านตรวจคัดกรองที่เคร่งครัดกว่าจังหวัดอื่น โดยจะต้องมีสิ่งต่อไปนี้ จึงจะผ่านด่านตรวจคัดกรองประจำจังหวัดได้
- อุณหภูมิร่างกายปกติ โดยผ่านด่านตรวจคัดกรองเพื่อสังเกตอาการ
- แอปพลิเคชันหมอชนะ และไทยชนะ ในโทรศัพท์มือถือ หากไม่มีแอปอาจไม่สามารถผ่านด่านตรวจคัดกรองได้
เตรียมความพร้อมเมื่อเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว
การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวนับได้ว่าปลอดภัยจากโควิดมากที่สุด เนื่องจากไม่ต้องสัมผัสกับผู้คนจำนวนมาก แต่ก็อย่าลืมเตรียมแอลกอฮอล์ล้างมือ พร้อมหน้ากากอนามัยไว้ในรถเผื่อไว้เมื่อต้องจอดแวะเที่ยวจุดต่าง ๆ สิ่งสำคัญควรเตรียมความพร้อมด้วยการตรวจเช็กสภาพรถก่อนออกเดินทาง เพื่อป้องกันรถมีปัญหาระหว่างทาง
เตรียมความพร้อมเมื่อเดินทางโดยเครื่องบิน
- ก่อนที่จะขอ Boarding Pass เราต้องสแกน QR Code เพื่อดูมาตรการของแต่ละจังหวัด
- สแกน QR Code ของ ศบค. ทำการกรอกข้อมูลส่วนตัว และข้อมูลการเดินทางลงไปด้วย
- การนำเจลล้างมือ หรือ แอลกอฮอล์ล้างมือขึ้นเครื่องบินนั้นสามารถทำได้แต่ต้องมีปริมาณความจุไม่เกิน 350 มิลลิลิตร
ทั้งนี้ต้นปี 64 กพท. มีประกาศยกเลิกการใช้ภาพถ่าย Boarding Pass หรือ ภาพถ่าย E-Boarding Pass หากจะขึ้นเครื่อง ต้องใช้ตั๋วโดยสาร หรือ Boarding Pass ที่เป็นกระดาษเท่านั้น
เตรียมความพร้อมเมื่อเดินทางโดยขนส่งสาธารณะ
สามารถเช็กเส้นทางเดินรถที่เปิดให้บริการได้ที่ เฟซบุ๊ก : บขส. หรือ เว็บไซต์ www.transport.co.th
3.รวมเบอร์โทรฉุกเฉินที่ควรรู้สำหรับการไปเที่ยวต่างจังหวัด
3.1 เบอร์โทรฉุกเฉินเกี่ยวกับโควิด-19
1668 กรมการแพทย์ ช่วยเหลือผู้ติดเชื้อแต่ไม่มีเตียงรักษาและรับคำแนะนำการปฏิบัติตัว
1330 สำนักงานหลักประกันสุขภาพ (สปสช.) ช่วยหาเตียงให้ผู้ป่วย และรับคำแนะนำการปฏิบัติตัว หรือตรวจสอบสิทธิการรักษาพยาบาลบัตรทอง และประกันสังคม
1111 ศูนย์บริการข้อมูลสอบถามติดตามสถานการณ์โควิด-19 และขอคำแนะนำหรือร้องเรียนในช่วงวิกฤติโควิด-19
3.2 เบอร์โทรฉุกเฉินแพทย์และพยาบาล
โทร. 1669 สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ
โทร. 1646 ศูนย์เอราวัณ สำนักการแพทย์
โทร. 1554 หน่วยแพทย์กู้ชีวิต วชิรพยาบาล
3.3 เบอร์โทรฉุกเฉินการเดินทาง
โทร. 1137 วิทยุ จส.100 [เบอร์โทรฉุกเฉินแจ้งเหตุด่วนบนท้องถนน และเหตุร้ายต่าง ๆ เพื่อประสานงานต่อ]
โทร. 1146 กรมทางหลวงชนบท [ติดต่อเรื่องเกี่ยวกับท้องถนนโดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด]
โทร. 1356 ศูนย์ปลอดภัยคมนาคม [เป็นศูนย์ประสานภารกิจด้านความปลอดภัยในทุกระบบการขนส่ง]
โทร. 1690 การรถไฟแห่งประเทศไทย [สอบถามเรื่องสายรถไฟ ตั๋ว และอื่น ๆ]
โทร. 1586 สายด่วนกรมทางหลวง
โทร. 1543 การทางพิเศษแห่งประเทศไทย
4. วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น จาก 3 อุบัติเหตุยอดนิยมตามการรายงานจาก ศปถ.
เทศกาลปีใหม่หรือวันหยุดยาวมักจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเสมอ และมักเพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะ 3 อุบัติเหตุยอดนิยมจากการรายงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน หรือ ศปถ. ในช่วง 7 วันอันตรายจากต้นปี 2564 ได้แก่
- รถชนจากการเมาแล้วขับ
- ผู้ใช้จักรยานยนต์ที่ไม่สวมหมวกกันน็อค
- ผู้ใช้รถยนต์ที่มีอาการหลับใน
จากอุบัติเหตุที่กล่าวมาทั้งหมด หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินนี้ขึ้นกับตัวคุณเอง แล้วคนไกล้ชิด มีอาอาการดังต่อไปนี้ คุณสามารถใช้วิธิการปฐมพยาบาลเบื้องต้นนี้ได้
แขนหรือขาหัก
- สำหรับอาการแขนหักที่ไม่รุนแรงมากนัก ให้ดามแขนโดยพันม้วนกระดาษหนังสือพิมพ์ หรือไม้บรรทัด ด้วยเทปที่ใช้สำหรับการปฐมพยาบาลเบื้องต้น
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการดามไม่ได้ส่งผลต่อการไหลเวียนเลือดที่บริเวณแขนหรือขา
- หากผู้ป่วยมีอวัยวะหักเป็นแผลเปิดที่มีชิ้นส่วนของกระดูกโผล่ออกมา อย่าแตะต้อง และใช้ผ้าพันแผลปราศจากเชื้อโรคพันไว้ และรอความช่วยเหลือทางการแพทย์
หัวแตก
- กดแผลห้ามเลือด หากเป็นไปได้ให้ล้างมือ หรือสวมถุงมือกันเชื้อโรคทุกครั้ง
- ให้ผู้ป่วยนอนลง หากมีสิ่งแปลกปลอมติดอยู่กับแผล ให้เอาออกให้หมด
- ใช้ผ้าพันแผล หรือผ้าสะอาดกดแผลไว้ให้แน่น 15 นาที อย่าหยุดกดจนกว่าจะครบเวลา ระหว่างรอความช่วยเหลือ พยายามให้แผลสะอาดและหลีกเลี่ยงไม่ให้บาดเจ็บซ้ำอีก
เป็นลม
- ในกรณีที่ตัวเรามีอาการเป็นลมอาจสังเกตได้จากอาการที่เกิดฉับพลัน เช่น รู้สึกหน้ามืด ตาพร่าลาย หรือเวียนศีรษะ ให้รีบเอนนอนหรือนั่งพัก โดยขณะมีอาการให้นั่งในท่าโน้มศีรษะลงมาอยู่ระหว่างเข่าพร้อมกับหายใจเข้าลึกเต็มปอด หากรู้สึกดีขึ้นจึงค่อย ๆ ลุกขึ้น ทั้งนี้ผู้ป่วยไม่ควรรีบลุกขึ้นเร็วจนเกินไป
- ในกรณีที่พบผู้ป่วยเป็นลม ควรช่วยจัดท่าทางให้ผู้ป่วยนอนหงายราบ และยกขาขึ้นให้อยู่เหนือระดับหัวใจ (ประมาณ 30 เซนติเมตร) เพื่อให้โลหิตไหลเวียนไปหล่อเลี้ยงสมองได้ง่ายขึ้น รวมทั้งปลดเข็มขัด ปกคอเสื้อ หรือเสื้อผ้าส่วนอื่น ๆ ที่รัดแน่น และ ให้รีบติดต่อขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานแพทย์หรือกู้ชีพ
- สังเกตการไหลเวียนโลหิต ซึ่งดูได้จากการหายใจ อาการไอ หรือการเคลื่อนไหว หากพบความผิดปกติว่าผู้ป่วยหยุดหายใจ ให้รีบติดต่อขอความช่วยเหลือ แล้วทำ CPR (การปั๊มหัวใจ)ไปเรื่อย ๆ จนกว่าผู้ป่วยจะมีสัญญาณชีพจรและกลับมาหายใจได้อีกครั้ง หรือเมื่อความช่วยเหลือมาถึง
5. เคล็ดลับประหยัดค่าใช้จ่าย แถมอุ่นใจได้ทุกการท่องเที่ยว
ทุกการออกท่องเที่ยว นอกจากต้องเตรียมงบค่าใช้จ่ายไปกับค่าเดินทาง ค่าอาหาร ค่าที่พัก และกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อการพักผ่อนต่างแล้ว การมีประกัน ก็เป็นอีกหนึ่งค่าใช้จ่ายที่เราไม่ควรละเลยเพื่อการท่องเที่ยวอย่างอุ่นใจ ไม่ว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น ก็ยังได้รับความคุ้มครองจากประกันที่ทำไว้
โดยทั่วไปแล้วประกันที่เราควรมีติดตัวไว้เมื่อออกทริป
สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ คือการบริหารความเสี่ยงด้วย ‘ประกันอุบัติเหตุ’ เพื่อป้องกัน หากเกิดเหตุเฉี่ยวชนจนเกิดความเสียหาย ทั้งค่าซ่อมรถยนต์ที่ต้องจ่ายหลักหมื่น หรือมากกว่านั้น คือการได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุที่มาพร้อมค่ารักษาพยาบาลหลักแสน การจ่ายเงินซื้อประกันอุบัติเหตุในราคา 2,000 – 10,000 บาทต่อปี จึงคุ้มค่ากว่าการเสียค่ารักษาหลักพยาบาลหากเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นกับตัวคุณเองหรือคนไกล้ชิด
บัญชี ทีทีบี ออลล์ฟรี ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้รับความคุ้มครองจากประกันอุบัติเหตุ ฟรี! ได้ ง่าย ๆ ไม่ต้องสมัคร ไม่ต้องซื้อเพิ่ม เพียงฝากเงินคงไว้ในบัญชีไม่ต่ำกว่า 5,000 บาท ทุกวันตั้งแต่วันที่ 1 ถึงวันสิ้นเดือนในเดือนปัจจุบัน รับฟรีประกันอุบัติเหตุคุ้มครองในเดือนถัดไป
เมื่อเกิดอุบัติเหตุ สามารถเข้ารักษาได้ทันที ไม่ต้องสำรองจ่ายก่อน แค่ดาวน์โหลดบัตร E-Care Card เก็บไว้ แสดงให้กับสถานพยาบาลเมื่อเข้ารับการรักษาก็ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย เคลมได้สูงสุด 3,000 บาท/อุบัติเหตุ
ดูวิธีดาวน์โหลดบัตร E-Care Card
https://ttbbank.com/vdo/ecarecard
เริ่มต้นวางแผนคงเงินฝากไว้ตั้งแต่วันนี้ เพื่อทริปปีใหม่ที่อุ่นใจ ปลอดภัย โดยไม่ต้องเสียเงินจ่ายค่าประกันอุบัติเหตุ
อ้างอิง https://www.prachachat.net/general/news-781828
https://www.thansettakij.com/general-news/499668
อ้างอิง https://www.thairath.co.th/business/feature/2210041
อ้างอิง https://www.petcharavejhospital.com/th/Article/article_detail/emergency-contact-number