- อาการป่วยใหม่ที่เกิดจากการ Work from Home นาน ๆ
- เจออาการเหล่านี้แล้ว จะแก้ไขอย่างไร?
ทำงานอยู่บ้านนาน ๆ ใครมีอาการแปลก ๆ แบบนี้บ้างไหมครับ? ตาพร่า เบลอ มึนศีรษะบ่อย ๆ หรือปวดเมื่อยตามตัว มือชา นิ้วล็อก อาการคล้าย ๆ ออฟฟิศซินโดรม ที่เราเรียกว่า Work from Home Syndrome ลักษณะอาการแทบไม่แตกต่างกัน แต่ทราบไหมครับว่า ยังมีอาการไม่พึงประสงค์ที่เป็นผลมาจากการ Work From Home ที่ต้องระวัง และป้องกันให้ดี กับ 4 อาการไม่พึงประสงค์ ต่อไปนี้ครับ
Cabin Fever อาการเบื่อบ้าน
อยู่บ้านนาน ๆ ย่อมหนีไม่พ้นอาการเบื่อบ้าน หรือที่เรียกว่า Cabin Fever หลัก ๆ จะเป็นความรู้สึกทางอารมณ์ คือความทุกข์ใจ กังวลใจจากการถูกจำกัดพื้นที่ มีอาการหงุดหงิด เบื่อหน่าย ไปจนถึงรู้สึกโดดเดี่ยว สิ้นหวัง ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก เพราะสถานการณ์โควิดที่ทำให้วิถีชีวิตเปลี่ยน ต้องอยู่กับบ้านมากขึ้น ต้องอยู่บ้านเป็นเวลานาน ทำให้มีอาการ Cabin Fever นั่นเอง
วิธีแก้ไข
หากิจกรรมทำตลอดเวลา โดยปรับเปลี่ยนกิจกรรมไปเรื่อย ๆ เพราะหากทำกิจกรรมเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ก็จะเกิดอาการเบื่อขึ้นมาอีก เช่น สัปดาห์นี้ทำสวน สัปดาห์หน้าจัดบ้าน และที่สำคัญอย่าขาดการติดต่อกับเพื่อน ๆ หรือญาติพี่น้อง และพยายามออกมาสูดอากาศและชมธรรมชาตินอกห้องหรือนอกที่พักบ้างนะครับ
Video Call Fatigue เหนื่อยล้าจากการประชุม
สถานการณ์ปกติ เราก็เหนื่อยจากการประชุมติดกันทั้งวันจะแย่อยู่แล้ว กว่าจะได้เริ่มลงมือทำงานก็ช่วงเย็นเลย แต่เมื่อต้อง Work from Home การประชุมออนไลน์ต่อเนื่องติดกันทั้งวัน ทำให้เกิดอาการ Video Call Fatigue อาการเหนื่อยล้าจากการประชุมออนไลน์ ซึ่งเกิดจากสาเหตุที่ว่า การประชุมออนไลน์ต้องใช้สมาธิมากกว่าการประชุมแบบ face-to-face meeting ปกติ เพราะคุยกันผ่านจอสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทำให้ผู้เข้าประชุมต้องโฟกัสมากเป็นพิเศษ จึงทำให้เกิดความเครียด ขณะเดียวกับปัจจัยเรื่องสัญญาณอินเทอร์เน็ตก็มีผลให้ต้องใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้น หากสัญญาณไม่ดี หลุดบ่อย ๆ ก็จะทำให้เป็นอุปสรรคต่อการประชุม รวมไปถึงการต้องเปิดกล้องประชุมจะทำให้รู้สึกระแวงมากกว่าปกติ
วิธีแก้ไข
ปัจจุบันการประชุมทั้งแบบภายในองค์กรหรือประชุมกับลูกค้าเริ่มไม่ใช้วิธีเปิดกล้อง เพื่อลดความกดดันและความเครียด อีกวิธีที่ช่วยลดอาการ Video Call Fatigue ได้ ก็คือ การกำหนดระยะเวลา และขอบข่ายการประชุมที่ชัดเจน ลดจำนวนการประชุมลงเหลือเฉพาะที่สำคัญเท่านั้น และไม่ต้องเปิดกล้องตลอดเวลา
Psychodermatology โรคผิวเครียด
เราทราบดีนะครับว่า ความเครียดจากการทำงานส่งผลเสียต่อร่างกาย ยิ่งต้องทำงานที่บ้าน ไม่ได้ออกไปไหน ยิ่งส่งผลให้เกิดความเครียด และความเครียดก็ส่งผลเสียต่อร่างกายในรูปแบบของ “ผิวเครียด” หรือ เครียดลงผิว (Psychodermatology) นั่นเอง คือ สภาพจิตใจของเราส่งผลต่อร่างกาย ลักษณะอาการ คือ มีผื่นแดง ลมพิษตามร่างกาย บางรายอาจมีผื่นแดงขึ้นที่ผิวหน้าด้วย สาเหตุหลักของการเกิดอาการผิวเครียด คือ ทำงานหนัก เหนื่อยล้า อ่อนแรงสะสมเป็นเวลานาน นอกดึก พักผ่อนไม่เพียงพอ
วิธีแก้ไข
หากเป็นการรักษาตามอาการ ก็คือใช้ยาทาบริเวณผื่นที่แพ้ ไม่แกะหรือเกา หากเป็นบริเวณใบหน้า ควรปรึกษาแพทย์ หากเป็นการแก้ไขจากต้นเหตุ คือต้องลดอาการเครียดของร่างกายลง เครียดจากงานให้น้อยลงและพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และทานอาหารที่มีประโยชน์
Revenge Bedtime Procrastination เหนื่อยแต่ไม่ยอมนอน
เพราะภารกิจระหว่างวันที่มากเหลือเกิน จนเบียดเบียนเวลานอนในตอนกลางคืน นี่เองคือที่มาของอาการ Revenge Bedtime Procrastination หรือเหนื่อยนะแต่ไม่ยอมนอน เป็นการแก้แค้นตัวเองที่หาเวลาส่วนตัวของตัวไม่ได้ อาจจะเพราะว่างานเยอะ ทำงานจนไม่ได้พัก ยิ่งการ Work From Home ยิ่งทำให้เวลาพักกับเวลาทำงานเป็นเพียงเส้นบาง ๆ พอถึงเวลาต้องนอนจึงไม่ยอมนอน แต่ยังตื่นตัวจนดึกดื่นเพื่อทำกิจกรรมส่วนตัว เช่น ดูซีรีส์ ท่องเว็บไซต์ หรือคุยแชท ซึ่งแน่นอนว่าส่งผลเสียต่อร่างกาย ทั้งระบบภูมิคุ้มกัน ความเสี่ยงจากการป่วยโรคต่าง ๆ
วิธีแก้ไข
ง่าย ๆ เลยครับ แต่อาจจะทำยากหน่อย คือ ถึงเวลานอนต้องนอน รักษาเวลาเข้านอนและตื่นนอนให้สม่ำเสมอ จะเป็นผลดีกับสุขภาพของเรา งดดื่มแอลกอฮอล์ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนที่จะทำให้หลับยาก ลดความเครียด ออกกำลังกายเบา ๆ ผ่อนคลายก่อนเข้านอน อาจปรับแสงในห้องนอนให้สลัวก็จะช่วยให้หลับได้ง่ายขึ้นครับ
แน่นอนที่ว่าสถานการณ์ตอนนี้ มันช่างเครียดนัก จะผ่อนคลายก็ดูจะเป็นเรื่องยากเหลือเกิน แต่จะสังเกตว่าทั้ง 4 อาการไม่พึงประสงค์นี้ มีสาเหตุหลักมาจากความเครียดทั้งสิ้น ลองปรับใจ ปรับตัว หันมาดูแลจิตใจและร่างกายให้แข็งแรงกันดีกว่านะครับ โรคต่าง ๆ ก็จะทำร้ายเราไม่ได้แล้ว
ขอบคุณข้อมูลจาก
- เว็บไซต์ rakluk
- เว็บไซต์ brandinside
- เว็บไซต์ pobpad
- เว็บไซต์ pandermacare