ปี 2025 โลกการลงทุนกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนครั้งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหวนคืนสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของ โดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมกับนโยบาย ‘America First’ ที่เน้นการปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐฯ เป็นหลัก และหนึ่งในนโยบายที่สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อเศรษฐกิจโลกอย่างรุนแรง นโยบายภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ที่นำไปสู่ความผันผวนในตลาดการเงินทั่วโลก
นโยบายภาษีของทรัมป์ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเก็บภาษีนำเข้าเพื่อเพิ่มรายได้ของรัฐบาลเท่านั้น แต่เป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ทางเศรษฐกิจ ที่มุ่งเน้นปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศ ลดการขาดดุลการค้า และใช้ต่อรองทางการค้าระหว่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม นโยบายนี้กำลังจุดชนวนสงครามการค้าครั้งใหม่ เนื่องจากประเทศคู่ค้าอาจตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ตัวอย่างเช่น จีนที่ตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ถึง 125% (ข้อมูล ณ วันที่ 12 เม.ย. 2568) สถานการณ์นี้กำลังผลักดันให้ห่วงโซ่อุปทานโลกเข้าสู่ภาวะวิกฤต บริษัทต่าง ๆ อาจต้องย้ายฐานการผลิตหรือหาแหล่งวัตถุดิบใหม่ ทำให้ต้นทุนการผลิตและราคาสินค้าสูงขึ้น
ในสถานการณ์เช่นนี้จึงทำให้ความผันผวนในตลาดการเงินสูงขึ้นมาก การลงทุนแบบเดิม ๆ ที่เน้นการกระจุกตัวอยู่ในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งมากเกินไป อาจนำมาซึ่งความเสียหายต่อความมั่งคั่งที่เราสะสมมาอย่างยากลำบาก ดังนั้น หัวใจสำคัญของการอยู่รอดและเติบโตระยะยาวคือการ กระจายการลงทุน (Asset Allocation) ในหลากหลายสินทรัพย์ เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาด
พลังแห่ง Asset Allocation กุญแจสำคัญสู่ชัยชนะในเกมระยะยาว
ที่มา: https://novelinvestor.com/asset-class-returns/
ท่ามกลางความผันผวนของตลาดการเงินโลกที่ทวีความรุนแรงขึ้นจากสงครามการค้า การจัดสรรสินทรัพย์ลงทุนอย่างเหมาะสม จึงเปรียบเสมือนการสร้างเกราะป้องกันให้พอร์ตการลงทุนของเราสามารถทนทานต่อแรงกระแทกจากปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ในตลาดได้ ลองพิจารณาจากตารางแสดงผลตอบแทนของสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ ในช่วง 14 ปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ชัดว่า
ไม่มีสินทรัพย์ใดเป็น “ผู้ชนะ” หรือ “ผู้แพ้” ตลอดกาล
ในบางช่วงเวลา หุ้นอาจให้ผลตอบแทนโดดเด่น ในขณะที่บางช่วงเวลา ตราสารหนี้อาจเป็นสินทรัพย์ที่ช่วยประคองพอร์ตได้ดีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์สงครามการค้า สินทรัพย์บางประเภทอาจได้รับผลกระทบเชิงลบ ในขณะที่สินทรัพย์บางประเภทอาจได้รับประโยชน์ ดังนั้นการกระจายการลงทุนจึงช่วยให้เราไม่พลาดโอกาสสร้างการเติบโตให้พอร์ตการลงทุนในช่วงที่สินทรัพย์ปรับตัวขึ้น ช่วยลดความเสียหายของพอร์ตการลงทุนเมื่อสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งปรับตัวลง และรักษาเสถียรภาพของพอร์ตการลงทุนในระยะยาวได้
Modern Portfolio Theory ทฤษฎีสร้างพอร์ตแกร่งระยะยาว
แนวคิดเบื้องหลังความสำคัญของการกระจายความเสี่ยงนั้นได้รับการสนับสนุนจากทฤษฎีที่ได้รับรางวัลโนเบลอย่าง ‘Modern Portfolio Theory’ (MPT) ที่คิดค้นโดยนักเศรษฐศาสาตร์ชาวอเมริกันที่มีชื่อว่า ‘Harry Markowitz’ ทฤษฎีนี้เน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ระหว่างผลตอบแทน (Return) และความเสี่ยง (Risk) โดยเชื่อว่าการกระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลกอย่างเหมาะสม คือปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อผลตอบแทนของพอร์ตการลงทุนในระยะยาวมากที่สุด มากกว่าการพยายามเลือกลงทุนสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งเพียงอย่างเดียว
ที่มา: https://www.investopedia.com/terms/m/modernportfoliotheory.asp
MPT ชี้ให้เห็นว่าการนำสินทรัพย์ที่มีความสัมพันธ์กันต่ำ (Low Correlation) มาไว้ในพอร์ตเดียวกัน จะช่วยลดความผันผวนโดยรวมของพอร์ตได้ โดยไม่จำเป็นต้องลดโอกาสในการสร้างผลตอบแทน นั่นหมายความว่า เราสามารถสร้างพอร์ตการลงทุนที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นได้ด้วยการกระจายความเสี่ยงการลงทุนอย่างมีหลักการ
เปิดประตูสู่โอกาสระดับ World Class กับ กองทุน ‘Global Allocation Series’
ท่ามกลางความไม่แน่นอนของโลกการลงทุนในปัจจุบัน ttb ขอแนะนำกองทุน ‘Global Allocation Series’ ทางเลือกการลงทุนระดับ World Class ที่จะช่วยให้คุณรับมือกับความผันผวนได้อย่างมั่นใจ
กองทุน ‘Global Allocation Series’ ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์เรื่องการกระจายความเสี่ยง โดยเปิดโอกาสให้คุณได้ลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์คุณภาพทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นหุ้น ตราสารหนี้ หรือสินทรัพย์ทางเลือกอื่น ๆ ภายใต้การดูแลและปรับพอร์ตกองทุนอัตโนมัติโดยผู้เชี่ยวชาญระดับโลกอย่าง Amundi และ บลจ. อีสท์สปริง
กองทุน ‘Global Allocation Series’ มีให้คุณเลือกลงทุนได้ถึง 3 กองทุน กับ 3 รูปแบบตามความเสี่ยงและเป้าหมายที่เหมาะสมกับตัวคุณ ดังนี้
กองทุน ES-Ultimate GA1
เหมาะสำหรับนักลงทุนที่เน้นปลอดภัย ชอบความสบายใจ รับความผันผวนได้น้อย ไม่ต้องการความเสี่ยงมาก เน้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคง เช่น ตราสารหนี้คุณภาพดี โดยมีสัดส่วนการลงทุนใน ตราสารหนี้ 70% และ ตราสารทุน 30% (ระดับความเสี่ยงกองทุน 5)
กองทุน ES-Ultimate GA2
เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ยอมรับความผันผวนได้ในระดับปานกลาง มีการกระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์อย่างสมดุล ทั้งหุ้น และตราสารหนี้ ในสัดส่วนที่สมดุลกัน เพื่อผลตอบแทนเติบโตที่ดีในระยะยาว โดยมีสัดส่วนการลงทุนใน ตราสารหนี้ 50% และ ตราสารทุน 50% (ระดับความเสี่ยงกองทุน 5)
กองทุน ES-Ultimate GA3
เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น และสามารถรับความผันผวนของตลาดได้ดี เน้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง เช่น หุ้น ในสัดส่วนที่มากกว่า โดยมีสัดส่วนการลงทุนใน ตราสารทุน 70% และตราสารหนี้ 30% (ระดับความเสี่ยงกองทุน 5)
ไม่ว่าสภาวะตลาดจะเป็นเช่นไร ‘Global Allocation Series’ พร้อมเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้คุณก้าวข้ามความผันผวน และมุ่งสู่เป้าหมายทางการเงินได้อย่างมั่นคง ด้วยการกระจายความเสี่ยงลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ที่มีศักยภาพอย่างชาญฉลาด การบริหารจัดการโดยผู้เชี่ยวชาญระดับโลกที่จะคอยดูแลปรับพอร์ตให้อัตโนมัติรับทุกสถานการณ์ และทางเลือกลงทุนที่หลากหลายตอบโจทย์ทุกเป้าหมายการลงทุนของคุณ
ถึงเวลาแล้วที่จะเตรียมพร้อมรับมือกับโลกที่เต็มไปด้วยความผันผวน ด้วยการลงทุนระดับ World Class กับกองทุน ‘Global Allocation Series’ เพื่อสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนในระยะยาว
โดยท่านสามารถลงทุนได้ง่าย ๆ ผ่านแอป ttb touch
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ ทีทีบี ทุกสาขา หรือ ttb investment line โทร.1428 กด #4 ทุกวัน จันทร์ – ศุกร์ เวลา 9:00–17:30 น.(ยกเว้นวันหยุดธนาคาร) สนใจลงทุนติดต่อ ทีทีบี ทุกสาขา หรือที่ปรึกษาทางการเงินของท่าน
หมายเหตุ : การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน /กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศและไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรืออาจได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ / ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต /ขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ธนาคารทหารไทยธนชาตทุกสาขา บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) และผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุนที่ได้รับแต่งตั้ง