- ผลการประชุม Fed (01 ม.ค.) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามที่ตลาดคาด 5.25%-5.50% อีกทั้ง คุณ Powell ยังได้กล่าวถึงดอกเบี้ยในปัจจุบันว่า น่าจะอยู่ในระดับสูงสุดของรอบการขึ้นดอกเบี้ยรอบนี้แล้ว และมีโอกาสปรับตัวลดลงได้ในช่วงปีนี้ อย่างไรก็ตาม มุมมองเรื่องของการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ยังให้ความสำคัญกับการตัดสินใจในแต่ละครั้งการประชุม (Meeting by Meeting)
- คณะกรรมการมีความมั่นใจในความคืบหน้าของการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวด ในช่วงที่ผ่านมามากขึ้น จากตัวเลขเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงอย่างชัดเจน ทั้งนี้คุณ Powell ชี้แจงว่า ยังไม่เหมาะสมสำหรับการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือน มี.ค. เนื่องจากมองว่ายังไวเกินไป ทั้งนี้ ยังต้องขอดูตัวเลขเศรษฐกิจประกอบ “Data Dependence” เพื่อเพิ่มความมั่นใจว่า เงินเฟ้อจะลงมาที่ระดับเป้าหมายของ Fed ที่ 2% ได้อย่างมีนัยสำคัญ
- Fed ยังคงใช้นโยบายลดสภาพคล่องผ่านการลดขนาดงบดุล Quantitative Tightening (QT) ไว้ที่ระดับเดิม เดือนละ 95,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังไม่ส่งสัญญาณท่าทีของการเปลี่ยนแปลงใดๆ อย่างไรก็ตามคณะกรรมการมีแผนที่จะพูดคุยในรายละเอียดเพิ่มเติมของ QT ในการประชุมครั้งถัดไป (เดือน มี.ค.)
- ทั้งนี้ ในการประชุมรอบนี้ถือเป็นครั้งแรกของปี 2024 Fed ได้มีการหมุนเวียนกรรมการที่มีสิทธิ์โหวตชุดใหม่ทั้งหมด 4 ท่าน โดยมีประธาน Fed สาขา Atlanta, Cleveland, Richmond, และ San Francisco มาแทน ประธาน Fed สาขา Philadelphia, Chicago, Minneapolis, และ Dallas
มุมมองต่อตลาดการเงินในระยะต่อไป
- การชะลอตัวลงของเงินเฟ้อสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่องจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ Fed เริ่มมีความมั่นใจว่าเงินเฟ้อจะลงมาที่ระดับเป้าหมายมากขึ้น อันจะส่งผลให้ Fed เริ่มพิจารณาเรื่องการลดอัตราดอกเบี้ย ส่วนนึง มาจาก คุณ Powell ได้กล่าวไว้ว่า “หากลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วเกินไป มีความเสี่ยงที่จะทำให้เงินเฟ้อกลับมาเร่งตัวใหม่ได้ ขณะเดียวกัน หากลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายช้าเกินไป อาจจะส่งผลลบต่อเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญได้”
- นักลงทุนลดความน่าจะเป็นที่ Fed จะลดดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. เหลือประมาณ 35% และไปเพิ่มความน่าจะเป็นที่ Fed จะลดดอกเบี้ย 1 ครั้งในเดือน พ.ค. มาที่ระดับ 61% ทั้งนี้เรายังคงมีมุมมองที่ว่า Fed มีโอกาสที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 3 ครั้ง ในปีนี้ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลัง
- ตลาดหุ้นไม่ได้ตอบรับเชิงลบมากนักสำหรับผลการประชุมรอบนี้ โดยโทนการประชุมส่วนใหญ่เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ ขณะที่ดัชนี Nasdaq ที่ปรับตัวลดลงแรง ส่วนนึงมาจากบริษัท Alphabet รายงาน รายได้ค่าโฆษณาซึ่งเป็นธุรกิจหลัก ออกมาต่ำกว่าคาด ขณะที่ภาพรวมบริษัทมีกำไร และรายได้สูงกว่าที่ตลาดคาด ทั้งนี้บริษัทยังมีการลงทุนในธุรกิจ AI เพิ่มเติม สอดคล้องไปกับกระแสธีม AI ที่จะยังคงเฟื่องฟูในปี 2024
คำแนะนำการลงทุน
กองทุนตราสารทุน:
ทยอยสะสม: ES-USTECH, TMBUSBLUECHIP, TMBGER, ONE-EUROEQ,
TMBINDAE, TMB-ES-GCORE, TSF-A, ES-GAINCOME (Long Term) และ UEV
(Long Term)
กองทุนตราสารหนี้:
ทยอยสะสม : ES-GF-A, ES-GSBOND-A, TMBGINCOME และ KT-CSBOND
Source: ttb Investment Product Strategist, Bloomberg, CNBC
การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน/กองทุนรวมที่มีการลงทุนในต่างประเทศ และไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้/ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวน โดยเฉพาะนโยบายการลงทุน ความเสี่ยงและผลการดำเนินงานของกองทุนก่อนตัดสินใจลงทุน สามารถรับหนังสือชี้ชวนและลงทุนได้ที่ ทีทีบี ทุกสาขา