Trump Return ถึงเวลา “เพิ่ม” การลงทุน
· ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ออกมาอย่างไม่เป็นทางการแล้วว่า คุณ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับความไว้วางใจจากชาวอเมริกันให้เป็น “ประธานาธิบดีท่านที่ 47 ของสหรัฐฯ” มากไปกว่านั้น พรรครีพับบลิกันมีความเป็นไปได้สูงที่จะได้รับชัยชนะแบบที่เรียกว่า ”Landslide” กันเลยทีเดียว คือ ได้ครองเสียงข้างมากทั้งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร หรือที่เรียกกันว่า “Red Wave” นั่นเอง
มุมมองของเราที่มีต่อตลาดการเงิน (พ.ย.
- ธ.ค. 24) ·
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ได้ผ่านพ้นไป และส่งผลให้ความผันผวนในตลาดหุ้นที่สะท้อนจาก VIX Index “ปรับตัวลง” อย่างรวดเร็ว นำไปสู่ “การปรับขึ้นของตลาดหุ้นโลกและสหรัฐฯ ตามที่ ttb Investment Office ได้ให้มุมมองไว้ตั้งแต่ต้นปี” และเรามองว่าความไม่แน่นอนจากการเลือกตั้งที่หมดไปนี้
จะเป็นหนึ่งในปัจจัยบวกที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นโลกและสหรัฐฯ
สามารถปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี 2024 ·
อย่างไรก็ตาม
เรามองว่าในช่วงแรกหลังการเลือกตั้ง ตลาดหุ้นฝั่ง Developed Market
(DM) โดยเฉพาะสหรัฐฯ จะสามารถปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าฝั่ง Emerging
Market (EM) เพราะด้วยนโยบาย American First จะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง
รวมทั้งนโยบายการลดภาษีนิติบุคคล (จาก 21% เป็น 15%) จะเป็นอีกปัจจัยบวกที่ทำให้ผลกำไรของบริษัทในสหรัฐฯ ดีขึ้น
นำไปสู่การปรับขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ต่อไป โดยเฉพาะหุ้นกลุ่ม Big Tech และ Semiconductor ที่ผลกำไรโดยรวมยังออกมาแข็งแกร่ง
ความต้องการใช้ชิปตามธีม AI ยังเติบโตได้ดี
รวมทั้งคุณทรัมป์ยังไม่มีนโยบายจำกัดการส่งออกชิปไปจีนที่ชัดเจนอีกด้วย ·
ขณะที่ในฝั่งของตลาดหุ้น EM ส่วนใหญ่อาจมีความผันผวนสูงขึ้น
จากความกังวลเรื่องนโยบายการขึ้นภาษีนำเข้าโดยเฉพาะสินค้าจากจีน (ประมาณ 60%)
อันจะส่งผลทางลบต่อเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจภูมิภาค นอกจากนี้
การขึ้นภาษีดังกล่าว อาจนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อสหรัฐฯ ส่งผลให้ Fed
อาจไม่จำเป็นต้องเร่งลดดอกเบี้ย ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า
กดดันตลาดหุ้นฝั่ง EM โดยรวมอีกทางหนึ่ง กองทุนแนะนำประจำเดือน
พ.ย. - ธ.ค. 24 1.
ES-GCORE: ระดับความเสี่ยงของกองทุน 6
มีนโยบายลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเน้นการลงทุนในตลาดหุ้นฝั่ง Developed
Market เป็นหลัก ซึ่งมีจุดเด่นที่กระบวนการคัดเลือกหุ้นอย่างเป็นระบบผ่านการใช้ปัจจัยเชิงปริมาณ
(Quantitative) ร่วมกับ Machine Learning และ Big Data เพื่อให้ได้พอร์ตการลงทุนที่มีการกระจายตัวอย่างมีคุณภาพ
เหมาะกับการใช้เป็น Core Portfolio 2.
ES-USTECH: ระดับความเสี่ยงของกองทุน 7
ลงทุนในหุ้นกลุ่ม Information Technology ของสหรัฐฯ
นำทีมโดย Apple, Microsoft และ Nvidia ซึ่งเป็นบริษัทที่มีงบการเงินแข็งแกร่ง
สินค้ามีคุณภาพสูงเป็นที่ต้องการของตลาดโลก
ทำให้สามารถทำกำไรได้ในทุกสภาวะเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ผลกำไรยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดีจากการนำเทคโนโลยี Generative A.I. มาใช้เพิ่มศักยภาพผลิตภัณฑ์ของตนอีกด้วย 3.
ES-INDAE: ระดับความเสี่ยงของกองทุน 6
เน้นการลงทุนในหุ้นกลุ่มการเงินและเทคโนโลยีที่มีภูมิลำเนาหรือมีรายได้หลักอยู่ในประเทศอินเดีย
นอกจากนี้ ธนาคารกลางอินเดียยังมีแนวโน้มคงการขึ้นดอกเบี้ย
ซึ่งจะส่งผลดีต่อกลุ่มหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กที่กองทุนลงทุนอยู่อีกด้วย นอกจากนี้
การที่ตลาดหุ้นจีนอาจมีความผันผวนมากขึ้นจาก Trade War
อาจส่งผลให้เกิดการย้ายเงินทุนจากจีนมาอินเดียอีกด้วย
Source: ttb Investment Product Strategist, Bloomberg, CNBC, Reuters
หมายเหตุ : การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า
เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์และการคาดหมาย
รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้ ทำขึ้นบนพื้นฐานของแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุด
ที่ได้รับมาและพิจารณาแล้วเห็นว่าน่าเชื่อถือ แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความถูกต้อง ความสมบูรณ์แท้จริงของข้อมูลดังกล่าว
ความเห็นที่แสดงไว้ในรายงานฉบับนี้ได้มาจากการพิจารณาโดยเหมาะสมและรอบคอบแล้ว และอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งล่วงหน้าแต่อย่างใด
รายงานฉบับนี้ไม่ถือว่าเป็นคำเสนอหรือคำชี้ชวนให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์และจัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะเพื่อประโยชน์แก่บุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเท่านั้น
มิให้นำไปเผยแพร่ทางสื่อมวลชน หรือโดยทางอื่นใด ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) ไม่ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายใด
ๆ ที่เกิดขึ้นโดยตรงหรือเป็นผลจากการใช้เนื้อหาหรือรายงานฉบับนี้ การนำไปซึ่งข้อมูล
บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมาย ทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้ เป็นการนำไปใช้โดยผู้ใช้ยอมรับความเสี่ยงและเป็นดุลยพินิจของผู้ใช้แต่เพียงผู้เดียว